ผู้รับเหมาก่อสร้างในภาคอีสานกว่า 30 คน เดินทางเข้าร้องกองปราบแจ้งจับมูลนิธิจิตอัมรินทร์ฐานฉ้อโกงประชาชน แอบอ้างพระนามสมเด็จพระสังฆราช ก่อสร้างอาคารเรียน จนมีผู้หลงเชื่อสร้างความเสียหายเป็นมูลค่าหลายร้อยล้านบาท ขณะที่ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาเคยแจ้งความเอาผิดมูลนิธิดังกล่าวเช่นกัน โดยกองปราบฯ พบมีการทำขั้นตอนสัญญาความผิดเกิดขึ้นที่มูลนิธิจิตอัมรินทร์ ถนนแจ้งวัฒนะ กทม. ก่อนมอบหมาย กก.1 บก.ป.ดำเนินการ
วันนี้ (25 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กองปราบปราม นายสมคิด หอมเนตร ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการแรงงานและสวัสดิการสังคม วุฒิสภา พร้อมด้วยกลุ่มผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างกว่า 30 ราย จากหลายพื้นที่ เช่น จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ และ จ.ศรีสะเกษ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.วิพัฒน์ รัชอินทร์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) กก.3 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อมูลนิธิจิตอัมรินทร์ ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน หลังจากมูลนิธิแห่งนี้มีพฤติการณ์แอบอ้างพระนามสมเด็จพระสังฆราช หลอกลวงผู้เสียหายซึ่งมีทั้งโรงเรียน วัด และผู้รับเหมาก่อสร้างทั่วประเทศว่ามีโครงการก่อสร้างในนามมูลนิธิสมเด็จพระสังฆราช เพื่อก่อสร้างอาคารเรียน อาคารเอนกประสงค์ หรือศาสนสถานของวัด รวม 96 แห่ง ในวาระ 8 รอบ 96 พรรษา สมเด็จพระสังฆราช จนมีผู้หลงเชื่อสร้างความเสียหายเป็นมูลค่าหลายร้อยล้านบาท
นายสมคิดกล่าวว่า ภายหลังเกิดการหลอกลวงขึ้นและมีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้วในหลายพื้นที่ ในวันเดียวกันนี้มีผู้เสียหายจากพื้นที่ภาคอีสานหลายจังหวัดอีกกว่า 20 ราย เข้ามาแจ้งความเพิ่มเติม โดยทั้งหมดเป็นผู้รับเหมาที่มีการทำสัญญาก่อสร้าง หรือบางรายก็มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญา เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากดำเนินการก่อสร้างอาคารต่างๆ ไปแล้ว แต่กลับไม่ได้รับเงินค่างวด
ขณะที่ นางธัญพร พรมวงศ์ อายุ 47 ปี ผู้แทน หจก.อุบลชลสิทธิ์การโยธา ตั้งอยู่เลขที่ 1 หมู่ 14 ถนนประชาสามัคคี ต.บัวงาม อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ผู้รับเหมาก่อสร้าง หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ได้ทำสัญญาก่อสร้างอาคารเรียนกับโรงเรียนต่างๆ รวม 5 แห่ง ประกอบด้วย โรงเรียนบ้านหนองจิก โรงเรียนน้ำขวบโนนดู่ โรงเรียนบ้านหนองบัวใหญ่ โรงเรียนบ้านจอก (ประชาสามัคคี) จ.ศรีสะเกษ และโรงเรียนบ้านราษฎร์สามัคคี จ.อุบลราชธานี ในวงเงินงบประมาณก่อสร้างอาคารละ 6.5 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 32.5 ล้านบาท เริ่มต้นก่อสร้างมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2553 แต่ภายหลังกลับไม่ได้รับเงินค่างวดการก่อสร้างจึงทวงถามกับมูลนิธิดังกล่าว และประสานกับโรงเรียนแต่ละแห่งเพื่อช่วยติดตามเรื่อง กระทั่งพบว่าผู้ที่ทำสัญญาหรือมีส่วนรับผิดชอบหลบหนีไปแล้วจึงรวมตัวกับกลุ่มผู้เสียหายเข้าแจ้งความในวันเดียวกันนี้
ส่วน นายพสิษฐ์ ศรีประดา อายุ 53 ปี ประธานบริษัท ศรีประดา จำกัด เลขที่ 37/56 หมู่ 4 ซอยบ้านเกาะ ถนนสุวินทวงศ์ แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กทม.ผู้เสียหายอีกราย ระบุว่าทำสัญญารับงานก่อสร้างอาคารเอนกประสงค์ชั้นเดียวของโรงเรียนบ้านพระ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา ในวงเงิน 7 ล้านบาท เริ่มเซ็นสัญญาเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 ระหว่างนั้นก็เริ่มลงมือก่อสร้างเป็นเวลาประมาณเดือนเศษซึ่งเลยกำหนดรับเงินค่างวดจำนวน 1,050,000 บาท มาแล้วตนจึงสอบถามไปยังมูลนิธิแต่ได้รับคำตอบว่ากรรมการซึ่งเป็นผู้ลงนามในสัญญาได้หลบหนีไป ก่อนจะมีผู้รับมอบอำนาจมาแจ้งเพื่อขอให้แก้ไขสัญญาแต่ตนก็ไม่ได้ตกลง พอเห็นว่าไม่ได้เงินค่าก่อสร้างจึงหยุดดำเนินการ ต่อมาจึงทราบว่าเกิดปัญหาการฟ้องร้องกับบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างรายอื่นๆ อีกหลายแห่งจึงรวมตัวมาแจ้งความดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นนี้ ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาได้แจ้งความดำเนินคดีต่อมูลนิธิดังกล่าวในความผิดฐานแอบอ้างพระนามสมเด็จพระสังฆราชโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มีหนังสือที่ ศธ 04003/2 ลงวันที่ 4 มกราคม 2554 ลงนามโดย นายชินภัทร ภูมิรัตน์ เลขาธิการ สพฐ.แจ้งไปยังโรงเรียนทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อเตือนไม่ให้หลงเชื่อกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างสมเด็จพระสังฆราช และทางสำนักตรวจราชการและเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ทำหนังสือ ลงวันที่ 7 มีนาคม 2554 แจ้งเตือนหน่วยงานในสังกัด ให้ระวังพฤติการณ์ของมูลนิธิที่แอบอ้างสมเด็จพระสังฆราช เรียกรับผลประโยชน์ ค่าตอบแทนการก่อสร้างอาคารต่างๆ ไว้แล้ว
ด้าน พ.ต.ท.วิพัฒน์กล่าวว่า ในส่วนของการพิจารณาดำเนินคดีนั้น ตนได้ทำเรื่องเสนอไปยังผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว หลังจากมีการแจ้งความดำเนินคดีไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งทาง พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป.พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำความผิดเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ จึงมอบหมายให้พนักงานสอบสวนแต่ละกองกำกับการที่รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่สอบสวนดำเนินคดี อย่างไรก็ดี สำหรับขั้นตอนการทำสัญญาพบว่าการกระทำความผิดเกิดขึ้นที่มูลนิธิจิตอัมรินทร์ ถนนแจ้งวัฒนะ กทม.จึงมอบหมายให้ กก.1 บก.ป.พิจารณาดำเนินการต่อไป
วันนี้ (25 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กองปราบปราม นายสมคิด หอมเนตร ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการแรงงานและสวัสดิการสังคม วุฒิสภา พร้อมด้วยกลุ่มผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างกว่า 30 ราย จากหลายพื้นที่ เช่น จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ และ จ.ศรีสะเกษ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.วิพัฒน์ รัชอินทร์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) กก.3 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อมูลนิธิจิตอัมรินทร์ ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน หลังจากมูลนิธิแห่งนี้มีพฤติการณ์แอบอ้างพระนามสมเด็จพระสังฆราช หลอกลวงผู้เสียหายซึ่งมีทั้งโรงเรียน วัด และผู้รับเหมาก่อสร้างทั่วประเทศว่ามีโครงการก่อสร้างในนามมูลนิธิสมเด็จพระสังฆราช เพื่อก่อสร้างอาคารเรียน อาคารเอนกประสงค์ หรือศาสนสถานของวัด รวม 96 แห่ง ในวาระ 8 รอบ 96 พรรษา สมเด็จพระสังฆราช จนมีผู้หลงเชื่อสร้างความเสียหายเป็นมูลค่าหลายร้อยล้านบาท
นายสมคิดกล่าวว่า ภายหลังเกิดการหลอกลวงขึ้นและมีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้วในหลายพื้นที่ ในวันเดียวกันนี้มีผู้เสียหายจากพื้นที่ภาคอีสานหลายจังหวัดอีกกว่า 20 ราย เข้ามาแจ้งความเพิ่มเติม โดยทั้งหมดเป็นผู้รับเหมาที่มีการทำสัญญาก่อสร้าง หรือบางรายก็มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญา เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากดำเนินการก่อสร้างอาคารต่างๆ ไปแล้ว แต่กลับไม่ได้รับเงินค่างวด
ขณะที่ นางธัญพร พรมวงศ์ อายุ 47 ปี ผู้แทน หจก.อุบลชลสิทธิ์การโยธา ตั้งอยู่เลขที่ 1 หมู่ 14 ถนนประชาสามัคคี ต.บัวงาม อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ผู้รับเหมาก่อสร้าง หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ได้ทำสัญญาก่อสร้างอาคารเรียนกับโรงเรียนต่างๆ รวม 5 แห่ง ประกอบด้วย โรงเรียนบ้านหนองจิก โรงเรียนน้ำขวบโนนดู่ โรงเรียนบ้านหนองบัวใหญ่ โรงเรียนบ้านจอก (ประชาสามัคคี) จ.ศรีสะเกษ และโรงเรียนบ้านราษฎร์สามัคคี จ.อุบลราชธานี ในวงเงินงบประมาณก่อสร้างอาคารละ 6.5 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 32.5 ล้านบาท เริ่มต้นก่อสร้างมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2553 แต่ภายหลังกลับไม่ได้รับเงินค่างวดการก่อสร้างจึงทวงถามกับมูลนิธิดังกล่าว และประสานกับโรงเรียนแต่ละแห่งเพื่อช่วยติดตามเรื่อง กระทั่งพบว่าผู้ที่ทำสัญญาหรือมีส่วนรับผิดชอบหลบหนีไปแล้วจึงรวมตัวกับกลุ่มผู้เสียหายเข้าแจ้งความในวันเดียวกันนี้
ส่วน นายพสิษฐ์ ศรีประดา อายุ 53 ปี ประธานบริษัท ศรีประดา จำกัด เลขที่ 37/56 หมู่ 4 ซอยบ้านเกาะ ถนนสุวินทวงศ์ แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กทม.ผู้เสียหายอีกราย ระบุว่าทำสัญญารับงานก่อสร้างอาคารเอนกประสงค์ชั้นเดียวของโรงเรียนบ้านพระ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา ในวงเงิน 7 ล้านบาท เริ่มเซ็นสัญญาเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 ระหว่างนั้นก็เริ่มลงมือก่อสร้างเป็นเวลาประมาณเดือนเศษซึ่งเลยกำหนดรับเงินค่างวดจำนวน 1,050,000 บาท มาแล้วตนจึงสอบถามไปยังมูลนิธิแต่ได้รับคำตอบว่ากรรมการซึ่งเป็นผู้ลงนามในสัญญาได้หลบหนีไป ก่อนจะมีผู้รับมอบอำนาจมาแจ้งเพื่อขอให้แก้ไขสัญญาแต่ตนก็ไม่ได้ตกลง พอเห็นว่าไม่ได้เงินค่าก่อสร้างจึงหยุดดำเนินการ ต่อมาจึงทราบว่าเกิดปัญหาการฟ้องร้องกับบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างรายอื่นๆ อีกหลายแห่งจึงรวมตัวมาแจ้งความดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นนี้ ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาได้แจ้งความดำเนินคดีต่อมูลนิธิดังกล่าวในความผิดฐานแอบอ้างพระนามสมเด็จพระสังฆราชโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มีหนังสือที่ ศธ 04003/2 ลงวันที่ 4 มกราคม 2554 ลงนามโดย นายชินภัทร ภูมิรัตน์ เลขาธิการ สพฐ.แจ้งไปยังโรงเรียนทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อเตือนไม่ให้หลงเชื่อกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างสมเด็จพระสังฆราช และทางสำนักตรวจราชการและเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ทำหนังสือ ลงวันที่ 7 มีนาคม 2554 แจ้งเตือนหน่วยงานในสังกัด ให้ระวังพฤติการณ์ของมูลนิธิที่แอบอ้างสมเด็จพระสังฆราช เรียกรับผลประโยชน์ ค่าตอบแทนการก่อสร้างอาคารต่างๆ ไว้แล้ว
ด้าน พ.ต.ท.วิพัฒน์กล่าวว่า ในส่วนของการพิจารณาดำเนินคดีนั้น ตนได้ทำเรื่องเสนอไปยังผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว หลังจากมีการแจ้งความดำเนินคดีไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งทาง พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป.พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำความผิดเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ จึงมอบหมายให้พนักงานสอบสวนแต่ละกองกำกับการที่รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่สอบสวนดำเนินคดี อย่างไรก็ดี สำหรับขั้นตอนการทำสัญญาพบว่าการกระทำความผิดเกิดขึ้นที่มูลนิธิจิตอัมรินทร์ ถนนแจ้งวัฒนะ กทม.จึงมอบหมายให้ กก.1 บก.ป.พิจารณาดำเนินการต่อไป