xs
xsm
sm
md
lg

ภรรยาจูงมือลูกน้ำตานอง! รับศพ “นายดาบ” แท็กซี่ชนดับ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ภรรยา-ลูกสาว และลูกชาย พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชา ร่วมรับศพ “ด.ต.ณัฐพงษ์ สังขดิษฐ์” เหยื่อแท็กซี่ชนเสียชีวิต ท่ามกลางความโศกเศร้า ขณะที่ภรรยาบอกยังทำใจไม่ได้ ยกย่องสามีเป็นคนดี ไม่คิดจะเป็นลางบอกเหตุที่พูดเล่นช่วงปีใหม่ “ระหว่างเราใครจะไปก่อนกัน” น้ำตานองฝากถึงโชเฟอร์แท็กซี่ขับชน “ทำไมไม่ลงมาดู” ถ้ามาช่วยคงไม่โดนชนซ้ำ ด้าน “ภาณุ” เผยเตรียมปูนบำเหน็จ 5 ชั้นยศ เป็น “พ.ต.ท.”

วันนี้ (11 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลจุฬาฯ นางพยุง สังขดิษฐ์ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/62 ซอยหลังกองบัญชาการศึกษา แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. พร้อมบุตรสาว และบุตรชาย คือ น.ส.ธนาพร สังขดิษฐ์ และนายนพพล สังขดิษฐ์ อายุ 19 ปี ได้เดินทางมารับศพ ด.ต.ณัฐพงษ์ สังขดิษฐ์ อายุ 54 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด ผบ.หมู่ งานสายตรวจ 2 กก.1 บก.จร. ที่ถูกรถแท็กซี่ชนจนเสียชีวิตบริเวณหน้าตึกรัชต์ภาคย์ ถ.อโศก-รัชดา มุ่งหน้าสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา โดยมี พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. ดูแลงานด้านการจราจร พล.ต.ต.อุทัยวรรณ แก้วสะอาด ผบก.จร และเพื่อนข้าราชการตำรวจของ ด.ต.ณัฐพงษ์ เดินทางมาร่วมรับศพด้วย โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

จากการสอบถามนางพยุงเปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าตนได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนข้าราชการตำรวจของสามีว่าสามีถูกรถชนเสียชีวิต ซึ่งตอนนั้นตนคิดว่าเป็นการพูดเล่น แต่พอรู้ว่าเป็นเรื่องจริงก็ตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก พอตั้งสติได้ก็รีบโทรศัพท์หาลูกสาว ก่อนจะเดินทางไปรับเอกสารที่โรงพักเพื่อมารับศพสามี แต่เมื่อมาถึงพบว่าชุดที่สามีใส่ฉีกขาด จึงกลับบ้านไปนำชุดมาเปลี่ยนให้ใหม่ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนยังทำใจไม่ได้ เพราะสามีเป็นคนดีมาก ไม่ดื่มเหล้า แต่สูบบุหรี่บ้าง ซึ่งเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาสามีได้พูดกับตนว่า “ระหว่างเราใครจะไปก่อนกัน” ตนก็บอกว่าน่าจะเป็นตนเพราะสุขภาพไม่แข็งแรง จากนั้นก็หัวเราะกันตามประสาสามีภรรยา ไม่ได้คิดว่าจะเป็นลางบอกเหตุอะไร กระทั่งเมื่อคืนก่อนเกิดเหตุตนได้โทรศัพท์ไปหาสามีเพราะรู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งปกติไม่เคยโทรศัพท์ไปหา เนื่องจากกลัวว่าสามีจะปฏิบัติหน้าที่อยู่ แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นทำให้สามีจากไปเร็วขนาดนี้

“สำหรับทางคดีก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ แต่ฉันอยากฝากไปถึงคนขับรถแท็กซี่ที่ชนสามีแล้วหลบหนีว่า ทำไมไม่ลงมาดูหรือช่วยเหลือสามีฉันบ้าง เพราะถ้าหากเขาลงมาช่วย สามีของฉันก็อาจจะรอด ไม่ถูกรถแท็กซี่คันที่สองชนซ้ำและลากไปไกลจนเสียชีวิต” นางพยุงกล่าวด้วยน้ำตานองหน้า

ด้าน น.ส.ธนาพร กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าแม่เป็นคนโทรศัพท์มาบอกว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว ตนรู้สึกช็อกและทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะรีบเดินทางไปหาแม่ เนื่องจากมาเปิดร้านขายกาแฟสดที่ย่านซอยนวลจันทร์ จึงพักอยู่ที่นั่น ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่และน้องชาย ตนเจอพ่อครั้งสุดท้ายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งพ่อได้เดินทางไปหาตนที่ร้านกาแฟและให้กำลังใจเรื่องที่ตนจะไปสัมภาษณ์งานใหม่ ตนได้วางแผนเอาไว้ว่าจะให้แม่ที่เกษียณอายุราชการจากบริษัทโอสถสภามาดูแลร้านกาแฟ ส่วนตนจะไปทำงานประจำช่วยเหลือครอบครัว ส่วนพ่อก็บอกกับตนว่าถ้าเกษียณอายุราชการแล้วจะไปทำไร่อยู่ที่บ้านเกิดจะได้ดูแลย่าที่แก่มากแล้ว แต่พ่อก็ต้องมาจบชีวิตไปเสียก่อน

ขณะที่ พล.ต.ต.ภาณุกล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ด.ต.ณัฐพงษ์ กำลังอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ โดยออกตรวจตราตามพื้นที่รอบๆ บ้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จากนั้นก็ไปประสบอุบัติเหตุถูกรถแท็กซี่ชน ซึ่ง ด.ต.ณัฐพงษ์ เสียชีวิตในสภาพสวมเครื่องแบบและใส่เสื้อสะท้อนแสง ขับจักรยานยนต์ตราโล่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และแพทย์ระบุว่าเสียชีวิต เนื่องจากมีเลือดออกในช่องอก หัวใจฉีกขาด และแขนขาหักผิดรูป เหตุการณที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ซึ่งอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับผู้ขับขี่จักรยานยนต์ ผู้ขับรถทุกคนต้องไม่ประมาท สำหรับกรณีนี้โชเฟอร์แท็กซี่อาจจะขับรถมาด้วยความเร็วและประมาท

พล.ต.ต.ภาณุกล่าวอีกว่า ตามระเบียบ ด.ต.ณัฐพงษ์จะได้รับปูนบำเหน็จ 5 ชั้นยศ เป็นพันตำรวจโท พร้อมเลื่อนขั้นเงินเดือน ขณะเดียวกันจะให้ความช่วยเหลือครอบครัวตามความเหมาะสม ซึ่งขณะนี้ได้เร่งทำเรื่องเสนอไปถึงผู้บังคับบัญชาแล้ว ซึ่งหากลูกชายของ ด.ต.ณัฐพงษ์ ต้องการที่จะเป็นตำรวจเหมือนพ่อ ตนก็พร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่

ส่วนเรื่องคดีเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทราบแล้วว่าผู้ที่ขับรถแท็กซี่ชน ด.ต.ณัฐพงษ์ และหลบหนีไปเป็นใคร เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกำลังเร่งจับกุมตัวมาดำเนินคดี สำหรับอัตราโทษของผู้กระทำผิดคดีนี้ คือ เฉี่ยวชนแล้วหลบหนี มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับ 5,000-20,000 บาท และข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท ส่วนนายอุทัย หนองผา อายุ 30 ปี คนขับรถแท็กซี่ที่ขับมาชนซ้ำเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่น่าจะมีความผิด แต่หากพยานหลักฐานระบุว่าเป็นการประมาท ก็จะต้องถูกดำเนินคดีข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ต่อมาเวล่า 12.30 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ ได้ทำการจับกุมตัวนายจินดา เสนาราช อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 219/41 หมู่ 5 ต.ศีรษะจรเข้ใหญ่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านเอื้ออาทรวัดศรีวารีน้อย บางนากิโลเมตรที่ 18 จ.สมุทรปราการ และควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สน.ทองหล่อ พร้อมกับเดินทางไปตรวจยึดรถแท็กซี่สีเขียว-เหลือง หมายเลขทะเบียน ทน 7575 กทม. ได้ที่อู่รถแท็กซี่ภายในซอยเจริญราษฎร์ 107

จากการสอบสวนนายจินดาให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังขับรถมุ่งหน้าไปส่งผู้โดยสารที่ย่านอโศก เมื่อถึงจุดเกิดเหตุก็เห็นจักรยานยนต์ของผู้ตายขับย้อนศรออกจากซอยมา ทำให้ไม่สามารถเบรกหรือหักหลบได้ทัน จึงพุ่งชนอย่างแรง แต่ไม่คิดว่าจะเสียชีวิต จึงรีบขับหลบหนีไป อีกทั้งตนเห็นว่าผู้ตายสวมหมวกคล้ายตำรวจจึงยิ่งตกใจ ไม่กล้าจอดรถลงไปดู ผู้โดยสารก็บอกว่าให้รีบขับออกไปเพราะคนที่ชนเป็นตำรวจ ตนจึงขับออกไปทันทีและไม่รู้ว่าผู้ตายถูกแท็กซี่อีกคันขับมาชนซ้ำ เพิ่งจะทราบข่าวตอนที่ตำรวจไปจับกุมที่ห้องพัก ซึ่งหลังเกิดเหตุตนไม่ได้คิดหนีแค่กลับไปพักที่ห้อง และโทรศัพท์บอกเถ้าแก่ว่าขับรถชนคน แต่ไม่รู้ว่าตายหรือไม่ เถ้าแก่จึงบอกให้นำรถไปจอดที่อู่ ทั้งนี้ตนยืนยันว่าตนไม่ผิด เพราะผู้ตายขับจักรยานยนต์ย้อนศร สามารถตรวจสอบรถแท็กซี่ของตนได้ว่ามีร่องรอยเฉี่ยวชนที่ด้านซ้าย แต่ก็อยากจะขอโทษครอบครัวของผู้ตาย ถ้าเปลี่ยนกันได้ก็อยากจะเปลี่ยนให้ตนเป็นคนเสียชีวิตแทน

ด้าน พ.ต.อ.สำเริง สวนทอง ผกก.สน.ทองหล่อ กล่าวว่า ผู้ต้องหาจะกล่าวอ้างหรือพูดอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่จะต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน โดยจากการตรวจสอบบริเวณดังกล่าวเบื้องต้นพบว่าไม่มีซอยอื่นตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง และนายอุทัย คนขับรถแท็กซี่ที่เข้ามาชนซ้ำ ได้ให้การว่าขับรถตีคู่มากับนายจินดาด้วยความเร็ว จากนั้นนายจินดาก็พยายามที่จะแซงซ้ายและหักออกขวาอย่างรวดเร็ว จังหวะที่แซงซ้ายอาจจะทำให้ไปเฉี่ยวชน ด.ต.ณัฐพงษ์ แต่อย่างไรก็ตามจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและเฉี่ยวชนแล้วหลบหนีต่อนายจินดา ส่วนนายอุทัยได้แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ต่อมาเวลา 17.00 น.ที่วัดเสมียนนารี พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น.ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ ด.ต.ณัฐพงษ์ สังขดิษฐ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด ผบ.หมู่ งานสายตรวจ 2 กก.1 บก.จร.ที่ถูกรถแท็กซี่ชนจนเสียชีวิตบริเวณหน้าตึกรัชต์ภาคย์ ถ.อโศก-รัชดา มุ่งหน้าสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา โดยมีพล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาเป็นตัวแทนของ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้าของญาติด.ต.ณัฐพงษ์และเพื่อนร่วมงาน ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นพิธีรดน้ำศพ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. ได้มอบเงินจำนวน 4 แสนบาท และเงินส่วนตัวอีก 1 หมื่นบาท แก่นางพยุง สังขดิษฐ์ อายุ 56 ปี ภรรยาของด.ต.ณัฐพงษ์ เพื่อเป็นการช่วยเหลือครอบครัวหลังเกิดเหตุกาณณ์ดังกล่าว
นางพยุง สังขดิษฐ์ ภรรยาด.ต.ณัฐพงษ์ สังขดิษฐ์ พร้อมลูกสาว-ลูกชาย เดินทางรับศพสามี ด้วยความโศกเศร้า
 นางพยุง สังขดิษฐ์ ภรรยา พร้อมบุตรสาว และบุตรชาย เดินทางมารับศพ ด.ต.ณัฐพงษ์ สังขดิษฐ์  เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด ผบ.หมู่ งานสายตรวจ 2 กก.1 บก.จร. ที่ถูกรถแท็กซี่ชนจนเสียชีวิต โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

 นางพยุง สังขดิษฐ์ ภรรยา ด.ต.ณัฐพงษ์ น้ำตานองบอกยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสามี
กำลังโหลดความคิดเห็น