รองอธิบดีศาลอาญา แถลงยัน “ไอ้ตู่” เข้าร่วมชุมนุม นปช.เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ไม่ผิดหากไม่พูดเรื่องคดีความที่เป็นอุปสรรค เชื่อดีเอสไอจะไม่ยืนคำร้องเข้ามา ด้าน “ธาริต” เผยผลการถอดเทปและพฤติการณ์ยังไม่เข้าข่ายที่จะยื่นถอนประกัน พร้อมสั่งติดตามความเคลื่อนไหวต่อไป
วันนี้ (10 ม.ค.) เวลา 14.00 น.ที่ห้องประชุมชั้น 10 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายมานิตย์ สุขอนันต์ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวชี้แจงและยืนยันว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำเลยที่ 2 คดีร่วมกับพวกแกนนำและแนวร่วม นปช.รวม 19 คน ร่วมกันกระทำผิดข้อหาก่อการร้าย ให้สัมภาษณ์อ้างมีรองอธิบดีผู้พิพากษาระบุว่าสามารถเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม เสื้อแดงเมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมาได้นั้นเป็นข้อเท็จจริงที่ตนได้ชี้แจงต่อทนายความนายจตุพร เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2553 หลังจากที่ตนได้มีคำสั่งยกคำร้องที่นายจตุพร ยื่นคำร้องขอให้ศาลอธิบายความ เกี่ยวกับข้อกำหนดเงื่อนไขประกันตัวในคดีก่อการร้าย เนื่องจากได้พิจารณาสำนวน คำร้อง และคำสั่งศาลแล้วเห็นว่า คำสั่งศาลมีความชัดเจนอยู่แล้ว โดยแบ่งเป็น 2 ข้อใหญ่ คือ “ห้ามจำเลยที่ 2 เข้าไปเกี่ยวข้องกับการชุมนุม หรือกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมเกินกว่า 5 คน ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของเจ้าพนักงาน หรือการดำเนินคดีในศาล” และ “หรือทำการเผยแพร่ข่าวสารต่อบุคคล กลุ่มบุคคล หรือต่อสาธารณะในเรื่องที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายในทำนองเดียวกัน เว้นแต่เป็นการพูดหรืออภิปรายในรัฐสภาในฐานะเป็น ส.ส.” ซึ่งเมื่อตนอ่านแล้วได้อธิบายในฐานะนักกฎหมายกับทนายความนายจตุพรที่รอฟังคำสั่งอยู่ว่า นายจตุพรสามารถเข้าร่วมชุมนุมได้ เพราะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐธรรมนูญให้การรับรองไว้ แต่ห้ามให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคดีก่อการร้ายที่นายจตุพรเป็นจำเลยที่ 2 อยู่ ส่วนเมื่อนายจตุพรไปร่วมชุมนุมแล้วจะมีการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคดีหรือไม่เป็นเรื่องที่ผู้ เกี่ยวข้องจะไปพิจารณาเสนอศาล แต่ถึงแม้จะไม่มีใครยื่น ศาลก็จะพิจารณาเองได้
“ผมเข้าใจว่านายจตุพรต้องการอธิบายให้เข้าใจว่าการร่วมชุมนุมไม่ผิดเงื่อนไขประกันตัว เพราะเป็นเป้าสายตาอยู่ ซึ่งการที่นายจตุพรนำผมไปกล่าวอ้างไม่ได้ทำให้ผมเสียหาย แต่มีผู้โทรศัพท์มาสอบถามจำนวนมาก และสื่อบางฉบับพาดหัวข่าวสั้นอาจทำให้สับสน” รองอธิบดีผู้พิพากษากล่าว
นายมานิตย์กล่าวถึงเรื่องการประกันตัวว่า การพิจารณาของศาลเป็นไปโดยอิสระ ไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาแทรกแซงก้าวก่ายได้ ศาลทำงานด้วยความซื่อตรง สั่งคดีตามหลักเกณฑ์และกฎหมาย ที่มีการแถลงข่าวรัฐบาลประสานกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ทำหนังสือรับรองยื่นศาลขอประกันตัวจำเลยคดีก่อการร้ายนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้ดุลยพินิจของศาล ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกกฎหมาย การที่ศาลจะพิจารณาอนุญาตให้ประกันหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลหรือกระทรวงใด ไม่อย่างนั้นอาจทำให้ระบบศาลเสียหาย คดีนี้เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลย ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์แล้วศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนให้ยกคำร้อง แล้วจำเลยมายื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวกับศาลชั้นต้นใหม่ แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องเนื่องจากยังไม่มีเหตุเปลี่ยนคำสั่งเดิม กรณีนี้เว้นแต่มีข้อเท็จจริงใหม่ เช่นคดีมีการสืบพยานไปส่วนหนึ่งแล้ว ก็เป็นเหตุที่ศาลอาจนำมาพิจารณาให้ประกันหรือไม่ให้ก็ได้ แต่ไม่ใช่จะให้ประกันตัวเพราะรัฐบาล
“หลักเกณฑ์การได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ต้องหาและ จำเลย ซึ่งกฎหมายเขียนไว้ชัดเจน แต่ก็มีข้อกำหนดต่อไปว่า “เว้นแต่” ซึ่งเป็นข้อห้าม ดังนั้นไม่ใช่เฉพาะแต่จำเลยคดีก่อการร้ายเท่านั้นที่ยังไม่ได้รับการประกันตัวเพราะติดข้อห้ามบางอย่าง แต่ยังมีจำเลยอีกจำนวนมากที่ไม่ได้รับประกันตัวเพราะติดข้อห้ามตามกฎหมายเช่นกัน” รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากล่าว
เมื่อถามว่าทางอธิบดีดีเอสไอสามารถยื่นคำร้องเพิกถอนประกันตัวได้อีกหรือไม่
นายมานิตย์กล่าวต่อว่า เบื้องต้นมองว่านายจตุพรสามารถไปเข้าร่วมการชุมนุมได้ โดยไม่ผิด แต่หากดีเอสไอยื่นคำร้องเข้ามาก็จะพิจารณา โดยให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ที่ผ่านมาดีเอสไอเคยยื่นคำร้องเพิกถอนประกัน แต่ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าข้อเท็จจริงยังไปไม่ถึง ให้ต้องเพิกถอนประกัน และครั้งนี้คิดว่าทางอธิบดีดีเอสไอพิจารณาแล้วคงไม่ยื่นคำร้องเข้ามา
ด้าน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มนปช.เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า เงื่อนไขที่ศาลกำหนด คือ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับการชุมนุม หรือทำกิจกรรมใดที่มีผู้เข้าร่วมตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไป และห้ามเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารหรือให้สัมภาษณ์ต่อสาธารณะชน ที่เป็นอุปสรรค ต่อการสอบสวนและการพิจารณาคดีในศาล ดังนั้น กรณีนี้ศาลไม่ได้ห้ามเด็ดขาด
นายธาริตกล่าวว่า การที่นายจตุพรเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.และมีการพูดในหลายเรื่อง นั้น เจ้าพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้าย ได้ติดตามและนำคำพูดนายจตุพร มาถอดเทปแล้ว มีความเห็นว่าพฤติกรรมนายจตุพร ไม่เข้าข่ายหรือเป็นอุปสรรค์ต่อการสอบสวนของพนักงานสอบสวนและการพิจารณาคดีในศาล ดังนั้น ดีเอสไอจะไม่ยื่นศาลสั่งถอนประกัน แต่ดีเอสไอ จะติดตามพฤติกรรมนายจตุพร ต่อไปหากการกระทำใดเข้าข่ายตามที่ศาลกำหนด ตนในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนจะยื่นถอนประกันตัวในโอกาสต่อไป
ส่วนกรณีที่ นายจตุพรนำเอกสารการเสียชีวิตของนักข่าวญี่ปุ่นมาเปิดเผย โดยอ้างว่าได้มาจากดีเอสไอ นั้น นายธาริตกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานต่างๆ เพราะต้องได้เอกสารที่นายจตุพรนำมาแสดง ซึ่งบางครั้งบอกว่าทำเอง บางครั้งบอกว่าไม่ได้ทำเอง โดยเรื่องนี้เราจะดำเนินการอยู่ แต่ในกรณีนี้ไม่ว่าทำเองหรือไม่การนำเอกสารสำนวนมาเปิดเผยถือว่ามีความผิด