xs
xsm
sm
md
lg

“สาวนามสกุลดังซิ่งซีวิคสังเวย 9 ศพ” กรณีศึกษาของสังคมไทย

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ภาพคนขับรถในคืนเกิดเหตุ ที่มีเสียงวิจารณ์กันหนาหู
“ความประมาท”สาเหตุหลักของความสูญเสียที่ไม่อาจเรียกคืนกลับมาได้ !!! ชีวิตผู้บริสุทธิ์หลายต่อหลายดวงวิญญาณที่ถูกสังเวยไปครั้งแล้วครั้งเล่าบนท้องถนน น่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับเหล่า “นักซิ่งตีนผี” หรือ “วัยรุ่น” ที่ขับรถเร็วราวกับสายฟ้าได้บ้าง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น อุบัติเหตุ “ตายหมู่” ที่เกิดขึ้นจากความประมาทและความไม่ตั้งใจยังคงเกิดขึ้นซ้ำซาก

เชื่อว่าหลายคนคงจำกันได้ว่า บ่อยครั้งที่อุบัติเหตุความประมาท เกิดขึ้นจากฝีมือของเหล่า “ดารา” หรือบุคคล “นามสกุลดัง” มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนในสังคม แต่ด้วยความพิเศษของสถานะทางชนชั้นและบทบาทในสังคม เพียงแค่ ออกมา“ตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ” ยกมือไหว้ขอโทษ ให้เงินเป็นค่าทำขวัญเล็กๆน้อยๆ ก็ออกมาใช้ชีวิตเชิดหน้าชูคออยู่ในสังคมได้เหมือนเดิม แต่ชีวิตคนดีๆที่ต้องจบชีวิตไปไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้ คนที่เป็น “พ่อแม่” ก็ต้องหัวใจสลาย และไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใด กว่าจะเยียวยาจนสามารถทำใจได้

กลางดึกวันที่ 27 ธันวาคม 2553 ที่ผ่านมา ขณะที่หลายคนกำลังเตรียมตัวฉลองกับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์อันน่าสลดใจขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยกู้ภัย และกระจอกข่าวรับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถเก๋งชนกับรถตู้บนโทลล์เวย์ฝั่งขาเข้า มีคนกระเด็นตกลงมากระแทกกับพื้นถนนด้านล่างและห้อยต่องแต่งอยู่กับสะพานลอย หน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์พอดี มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 8 รายและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก

ไม่กี่ชั่วโมงถัดมาการจราจรบนถนนวิภาวดีขาเข้าก็ถูกปิด รถติดยาวเหยียดไปถึงรังสิต บรรดามูลนิธิต่างช่วยกันลำเลียงศพผู้เสียชีวิตที่กระจัดกระจายมารวมกัน ท่ามกลางสายตาประชาชนที่พากันจับกลุ่มยืนมองภาพอันน่าสยดสยองด้วยความเวทนา

ขณะเดียวกันบนโทลล์เวย์ก็พบซากของรถตู้โตโยต้า สีขาว หมายทะเบียน 13-7795 กทม. เลขข้างรถ ต 11827 วิ่งระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พลิกคว่ำพังยับเยิน และมีเสียงร้องโอดครวญของคนเจ็บที่รอดชีวิต ก่อนที่ทั้งหมดจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ไม่ใกล้ไม่ไกลกันก็พบรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน ฎว-8461 กทม.จอดอยู่กลางทางด่วน โดยมีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนพิงขอบกำแพงโทลล์เวย์กดโทรศัพท์แบล็คเบอรี่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย โดยไม่สนใจว่าด้านล่างเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น

ภาพหญิงสาวยืนกดโทรศัพท์ที่ปรากฎในหน้าหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับคือ“น.ส.อรชร หรือแพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา” อายุ 17 ปี สาวนามสกุลดัง ที่เป็นคนซิ่งเก๋งซีวิคพุ่งชนรถตู้จนมีคนตายเกลื่อนถนนอย่างน่าอนาถ ยิ่งไปกว่านั้นอายุอานามของ น.ส.แพรวา ก็เพิ่งจะ 17 ปี ยังไม่มีใบอนุญาตในการขับขี่รถยนต์ด้วยซ้ำ

คนที่ตกเป็นเหยื่อความประมาทในครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลคุณภาพที่จะสามารถสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับสังคมได้ในวันข้างหน้า “ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง” นักวิทยาศาสตร์ประจำ สวทช. หนุ่มมากความสามารถและเปี่ยมไปด้วยความกตัญญูทำงานหาเลี้ยงครอบครัว“น.ส.สุดาวดี นิลวรรณ” อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บุตรสาวนายตำรวจและเป็นหลานนักแสดงตัวประกอบชื่อดัง ที่เป็นความหวังและแก้วตาดวงใจของครอบครัว “น.ส.จันจิรา หรือน้องป้าย ซิมกระโทก” อายุ 22 ปี นักศึกษาสาวชั้นปีที่ 4 คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เหยื่อที่เพิ่งเสียชีวิตลงเป็นรายที่ 9 กำลังจะรับปริญญาพร้อมกับเพื่อน “นายเกียรติมันต์ รอดอารีย์” นักวิทยาศาสตร์ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หนุ่มวัย 23 ปีที่กำลังเตรียมตัวศึกษาต่อระดับปริญญาโท-เอก ยังมีดวงวิญญาณอีกหลายดวงที่กำลังจะมีอนาคตที่รุ่งโรจน์ และสร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัว แต่ก็ต้องมาจากไปในเวลาอันรวดเร็ว

หลังเหตุสะเทือนขวัญนี้ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน กระแสของสังคมในโลกออนไลน์และชีวิตจริง ต่างโจมตี น.ส.แพรวา อย่างหนักถึงการขับรถโดยประมาท ไม่มีใบขับขี่และการไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ปล่อยให้ “มารดา” ออกมาเดินสายขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเพียงลำพัง จนชาวโลกไซเบอร์ตั้งฉายาให้เธอว่า “แพรวา 9 ศพ”

ครอบครัวผู้สูญเสียและคนทั้งประเทศที่ติดตามสถานการณ์ ต่างหวั่นเกรงว่าเหตุการณ์นี้อาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะ “นามสกุล” และ “ตำแหน่งหน้าที่การงาน” ของบิดากับเครือญาติของ น.ส.แพรวา ไม่ธรรมดาเหมือนตาสีตาสาทั่วไป แต่เพื่อไม่ให้เกิดข้อกังขา บุคคลในตระกูลเทพหัสดิน ณ อยุธยา และเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ต่างก็ออกมาบอกกับสังคมว่าจะดำเนินคดีไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่มีการช่วยเหลือซิกแซกใดๆทั้งสิ้น

แต่ก็ยังมีเรื่องที่ทำให้ต้องสะเทือนใจยิ่งกว่านั้น เพราะขณะนี้ในโลกอินเตอร์เน็ตมีการนำภาพและข้อความการแชทบีบีของน.ส.แพรวา กับเพื่อนในขณะที่เกิดเหตุ มาลงในอินเตอร์เน็ตจนมีคนเข้ามาดูอย่างถล่มถลาย ซึ่งข้อความที่เธอพิมพ์บอกกับเพื่อนรวมทั้งหัวข้อสถานะที่เธอใช้ในขณะนั้น มันบ่งบอกถึงความเลือดเย็นและความไร้ซึ่งมนุษยธรรม แถมยังโชว์พาวโดยการบอกกับเพื่อนทางบีบีว่า พ่อกำลัง “เคลียร์” กับนักข่าวและพยายามจบเรื่องทุกอย่าง

ผ่านไปเพียงชั่วข้ามคืน เฟสบุ๊คของ น.ส.แพรวา ก็ถูกปิด และเทคโนโลยีต่างที่เธอใช้ถูกปฏิเสธไปโดยปริยาย เพื่อไม่ให้กลายเป็นปมซ้ำเติมความคึกคะนองของเธอ แต่เดี๋ยวนี้โลกมันล้ำหน้าไปมากความรวดเร็วทันสมัยในการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ไม่สามารถปกปิด “ความลับ” หรือ “ข่าวคาว” ที่เกิดขึ้นได้ แม้จะยืนกระต่ายขาเดียวปฏิเสธเสียงแข็งตาม “สคริป”อย่างไรก็ตาม

ครอบครัวเหยื่อทุกราย ประชาชนทั้งประเทศ รวมถึงสื่อมวลชนต่างรอคอยให้ถึงวันที่ 5 มกราคม ซึ่ง น.ส.แพรวา จะต้องเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก เพื่อที่จะได้ฟังเหตุกาณ์ทั้งหมด และคำขอโทษอย่างจริงใจจากปากของ น.ส.แพรวาเอง ในวันนั้น น.ส.แพรวา เดินทางมาพร้อมกับครอบครัวและทนายความ โดยยอมรับว่าเป็นความผิดที่ขับรถประมาท และกล่าว “ขอโทษ” เพียงสั้นๆเท่านั้น พร้อมกับปฏิเสธว่าไม่ได้คุยโทรศัพท์หรือแชทบีบีในขณะที่ขับรถ ส่วนภาพที่ปรากฎเพียงแค่ติดต่อกับบริษัทประกันและพรรคพวกเท่านั้น แต่เรื่องจริงจะเป็นเช่นไรไม่มีใครล่วงรู้ได้นอกจากตัวของเธอเองที่ “รู้อยู่แก่ใจ”

ประเด็นข้อสงสัยของอุบัติเหตุครั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นภายในรถยนต์ฮอนด้าซีวิคที่กำลังขับมาด้วยความเร็วสูง อาจเป็นไปได้หรือไม่ว่า ผู้ขับขี่กำลังก้มหยิบสิ่งของ ดูข้อความผ่านโปแกรมสนทนาโต้ตอบทันที (BBM) จากโทรศัพท์มือถือ หรืออาจกำลังคุยโทรศัพท์มือถือ ซึ่งประเด็นเหล่านี้อาจเป็นชนวนของการเกิดอุบัติเหตุในเสี้ยวนาทีนั้น เรื่องนี้ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ซึ่งทำหน้าที่ดูแลงานสืบสวน พูดเพียงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คงเปิดเผยอะไรไม่ได้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำโดยประมาท ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ทั้งในห้วงเวลาก่อนเกิดเหตุจนถึงนาทีที่เกิดอุบัติเหตุ

"ความประมาทที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุมาจากความประมาท แต่กรณีนี้ ชุดสอบสวนกำลังปรึกษาหารือว่า จะทำหนังสือไปยังผู้ให้บริการด้านโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อขอตรวจสอบการใช้โทรศัพท์มือถือในวันเกิดเหตุย้อนหลังในช่วงก่อนเกิดอุบัติเหตุ เธอได้พูดคุยโทรศัพท์มือถือหรือไม่ เพราะหลักฐานจากกล้องวงจรปิดระบุวันและเวลาอย่างชัดเจน หากนำมาเปรียบเทียบแล้วพบว่ามีการใช้โทรศัพท์มือถือก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมว่า ใช้โทรศัพท์ระหว่างขับขี่ ก็จะรู้ว่าก่อนอุบัติเหตุเกิดขึ้นเพราะอะไร"พล.ต.ต.อำนวย กล่าว

ขณะที่ ผู้เชี่ยวชาญด้านโทรศัพท์มือถือ เปิดเผยถึงขั้นตอนการขอตรวจสอบการใช้โทรศัพท์มือถือของลูกค้าว่า หากพนักงานสอบสวนทำหนังสือมาเพื่อขอตรวจสอบตามขั้นตอนของกฎหมาย ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจรารณาดำเนินการให้ตามขอบเขตของกฎหมาย ซึ่งจะสามารถตรวจสอบได้ทั้งข้อมูลการโทรเข้าและโทรออก ว่ามีโทรศัพท์เข้ามากี่โมง หรือโทรศัพท์ออกกี่โมง รวมถึงการตรวจสอบการส่งข้อความสั้น (เอสเอ็มเอส) ข้อความภาพ (เอ็มเอ็มเอส) ก็สามารถตรวจสอบได้เช่นกัน ซึ่งพนักงานสอบสวนต้องนำวันเวลาจากกล้องวงจรปิดมาเทียบค่ามาตรฐานให้ตรงกับเวลาโลก เมื่อเปรียบเทียบได้แล้วนำข้อมูลวันและเวลาจากกล้องวงจรปิดกับโทรศัพท์มือถือมาดูกัน

ผลการกระทำที่เกิดขึ้น น.ส.แพรวา ถูกตำรวจแจ้ง 2 ข้อหา คือ ข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ชนรถผู้อื่น ได้รับความเสียหายมีผู้ถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บสาหัส และอีกข้อหา คือ ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ โดยขั้นตอนจากนี้ไป กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม คาดว่าจะสามารถทำรายงาน เพื่อเสนอต่อศาลเยาวชนและครอบครัว ภายในกำหนด 30 วัน ส่วนสาระสำคัญ จะนำเสนอรายงานการสืบเสาะประวัติ การศึกษาและครอบครัว พร้อมเสนอความเห็นต่อศาล ซึ่งมีหลายแนวทาง อาทิ โทษว่ากล่าวตักเตือน ปล่อยตัวไปโดยวางเงื่อนไขการคุมประพฤติ หรือ เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นอบรมความประพฤติ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล

แม้วันนี้โทษที่ น.ส.แพรวา ได้รับมันจะเล็กน้อยเหลือเกิน และ “เทียบไม่ได้” กับการสูญเสียคนบริสุทธิ์ถึง 9 ชีวิต แต่ “ตราบาป” จะที่ติดตัวไปจนวันตาย และการ “ถูกตราหน้าจากสังคม” น่าจะเป็นบทลงโทษที่สมน้ำสมเนื้อ ที่สำคัญเหตุการณ์นี้น่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับสังคมไทยได้เป็นอย่างดี แม้จะเป็น “โศกนาฏกรรม” ส่งท้ายปีเสือดุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น หวังว่าเหตุการณ์นี้คงจะเป็นครั้งสุดท้ายและไม่เกิดขึ้นกับสังคมไทยอีก

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า กรณีศึกษา “เด็กทำผิด” สอนผู้ใหญ่ไม่ให้ทำเป็นไฟไหม้ฟาง!?!
จนท.ระดมช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในคืนเกิดเหตุ
เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมมารดา
กำลังโหลดความคิดเห็น