ผบช.น.ประชุมประเมินสถานการณ์เหตุป่วนระเบิดทั่วกรุง หาจุดบกพร่อง โดยเฉพาะเหตุระเบิดบ้านนายบรรหาร บอกต่อไปนี้จะลงมาดูแลคดีด้วยตัวเอง ชี้กำลัง ตร.พร้อมรับมือเหตุวุ่นวาย หากการเจรจาเย็นนี้ล้มเหลว ด้านโฆษก บช.น.ย้ำ หากมีการบุกรุกสถานที่จะถือว่าไม่ใช่เป็นการชุมนุมโดยสงบ ตร.จะสลายการชุมนุมทันทีตามกฎหมาย
วันนี้ (29 มี.ค.) ที่ บช.น.เมื่อเวลา 14.30 น.พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.กล่าวภายหลังเรียกประชุมคดีระเบิดและยิงอาวุธเอ็ม 79 ใส่สถานที่ราชการและสัญลักษณ์ทางการเมืองหลายแห่งทั่ว กทม.ว่า วันนี้ ได้เชิญ รอง ผบช.น.มาประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ ว่า ที่ผ่านมามีข้อบกพร่องตรงไหนบ้าง รวมทั้งดูคำสั่งเก่าๆ ที่เคยสั่งไว้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งจุดตรวจค้น จุดสกัด และจุดวีไอพี รอบบ้านบุคคลสำคัญว่ามีเหตุเกิดขึ้นได้อย่างไร โดยเฉพาะเหตุวางระเบิดหน้าบ้าน นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย และเหตุยิงถล่ม ธ.กรุงเทพ สาขาบางยี่ขัน
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่สรุปได้ว่าหน้าบ้านพักนายบรรหาร มีกำลังเจ้าหน้าที่อยู่ แต่อยู่ฝั่งตรงข้าม และหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้วิ่งมาดู ปรากฏว่า คนร้ายหนีไปแล้ว จากนั้นก็มีเหตุการณ์ยิง ที่ ธ.กรุงเทพ อีกครั้ง เราก็ต้องมาดูว่ามีข้อบกพร่องอย่างไร เกิดจากอะไร ก็มาแก้ปัญหากัน อย่างไรก็ตาม ขอเรียนว่า หลังจากนี้ จะลงไปดูแลด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิดทุกคดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า กำลังเจ้าหน้าที่เพียงพอหรือไม่ ทำไมถึงเกิดเหตุหลายครั้ง พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า คนเราไม่เหมือนกัน ตำรวจบางนายก็ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง บางนายก็ย่อหย่อน
ผู้สื่อข่าวถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายวางระเบิดหน้า ธ.กรุงเทพ ผบช.น.ตอบว่า ต้องไปถาม พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น.เพราะตอนเกิดเหตุนั้นอยู่สถาบันพระปกเกล้า
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กังวลหรือไม่หากการเจรจาระหว่างรัฐบาลและแกนนำคนเสื้อแดงไม่ประสบความสำเร็จ และมีกำลังเพียงพอที่จะรับมือหรือไม่ พล.ต.ท.สัณฐาน ตอบว่า เราไม่อยากมีเหตุเกิดขึ้น แต่กำลังเจ้าหน้าที่เพียงพอที่จะรับมือกับความวุ่นวายได้แน่นอน
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก บช.น.กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า สำหรับวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา มียอดกลุ่มผู้ชุมนุมสูงสุด 57,000 คน และในขณะนี้ เวลาประมาณ 11.00 น.มียอดกลุ่มผู้ชุมนุมที่ผ่านฟ้าประมาณ 9,700 คน โดยเป็นข้อมูลจากสันติบาลในพื้นที่ชุมนุม ไม่มีเหตุแต่อย่างใด ส่วนพื้นที่อื่นใน กทม.มีเหตุเกิดขึ้นทั่วไป เกิดเหตุอุกฉกรรจ์ 5 เหตุในช่วงที่ผ่านมา คือ 1.เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2553 เวลาประมาณ 15.40 น. เกิดเหตุคนร้ายจำนวน 1 คน อายุประมาณ 30-40 ปี ผิวดำแดง สูงประมาณ 165 ซม.สวมกางเกงยีนส์ เสื้อคลุมสีฟ้า สวมหมวกแก๊ปสีแดง ผ้าคาดปากสีแดง ได้เดินข้ามถนนหลานหลวงมายังหน้าธนาคารกรุงเทพ สาขาสะพานขาว แล้วใช้อาวุธปืนขนาด .38 ยิงไปที่กระจกประตูทางเข้าของธนาคารกรุงเทพดังกล่าว 5 นัด ทำให้กระจกเป็นรูร้าว 4 บาน แล้วเดินข้ามถนนหลบหนีไปทางแยกสะพานขาว 2.เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2553 เวลาประมาณ 18.15 น.ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เต็นท์เก็บอาหารแห้งของกลุ่ม นปช.ที่ตั้งอยู่ที่สนามหลวง ฝั่งตรงข้ามศาลฎีกา จำนวน 2 เต็นท์ เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบและสอบสวนการ์ดที่ดูแลที่เต็นท์ได้ความ ว่า ขณะนั่งรับประทานอาหารข้างเต็นท์ ได้ยินเสียงดังคล้ายประทัด จึงวิ่งไปดู พบว่า ได้เกิดเปลวเพลิงไหม้เต็นท์ จึงได้ช่วยกันดับไฟ แต่ไม่สามารถดับได้ จากการสำรวจพบว่ามีทรัพย์สินได้รับความเสียหาย คือ เต็นท์ 2 หลัง, กล่องโฟมใส่อาหาร, เครื่องครัวจำพวก น้ำปลา ซีอิ๊ว และเครื่องปรุง รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 1 แสนบาท
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า 3.เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2553 เวลาประมาณ 22.00 น.ได้เกิดเหตุคนร้ายขว้างระเบิดชนิดขว้าง แบบเอ็ม 67 จำนวน 1 ลูก ไปที่บริเวณโคนต้นไม้หน้าบ้านเลขที่ 293-299 ใกล้ปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 57 แขวงบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ติดกับกำแพงรั้วบ้านของนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี จากแรงระเบิดทำให้เกิดหลุมกว้างประมาณ 10 ซม.1 หลุม แรงสะเก็ดระเบิดยังทำให้ นางวรรณา หาญกระสินธ์ ซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุได้รับบาดเจ็บ 4.เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2553 เวลาประมาณ 02.00 น.ได้เกิดเหตุกลุ่มการ์ด นปช.ได้ควบคุมชายต้องสงสัยขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโคโรน่า สีน้ำเงิน ทะเบียน 1 อ -1934 กทม.บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบและสอบสวน ทราบชื่อภายหลังชื่อ นายกิตติโชติ รุ่งจรัส อายุ 55 ปี มีอาชีพเป็นผู้ตรวจสินค้าทางทะเล อยู่ที่บริษัท มารีน เซอเวเยอร์ ไทยแลนด์ จำกัด และจากการตรวจค้นภายในรถพบปุ๋ยยูเรีย 2 ถุง น้ำหนักประมาณถุงละ 500 กรัม อยู่ในกระโปรงท้ายรถยนต์ จึงนำตัวไปทำการสอบสวนที่ สน.นางเลิ้ง จากการสอบสวนได้ความว่า นายกิตติโชติ ได้ขับรถเข้าผิดเส้นทาง ทำให้เฉี่ยวชนแผงกั้นของการ์ด นปช.จึงเป็นเหตุให้ถูกการ์ด นปช.ควบคุมตัว ส่วนกรณีปุ๋ยยูเรียที่เจ้าหน้าที่ ตำรวจพบนั้น เป็นปุ๋ยยูเรียที่นายกิตติโชติ เก็บมาจากเรือบรรทุกสินค้าที่เกาะสีชัง ซึ่งได้รับความเสียหายเปียกชื้นจากการถูกน้ำทะเลจำนวน 1 ถุง ส่วนอีก 1 ถุงเป็นตัวอย่างปุ๋ยยูเรียที่ไม่ได้รับความเสียหาย โดยจะนำส่งห้องแล็บของบริษัทเพื่อตรวจสอบเปรียบเทียบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง จึงประสานหน่วยงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิดมาทำการตรวจสอบแจ้งว่าปุ๋ยดังกล่าวเป็นปุ๋ยยูเรียจริง แต่การตรวจสอบไม่พบวัตถุใดๆ ที่จะใช้เป็นส่วนประกอบวัตถุระเบิดได้ จึงได้จัดทำประวัตินายกิตติโชติ ไว้ ก่อนปล่อยตัวไป และ 5.เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2553 เวลาประมาณ 08.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางพลัด ได้รับแจ้งจากพนักงานของ ธนาคารกรุงเทพ สาขาบางยี่ขัน ว่า ที่บริเวณกระจกของธนาคารมีรอยกระสุนปืน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปทำการตรวจที่เกิดเหตุ พบว่า ที่บริเวณบานกระจกประตูด้านล่างของธนาคารกรุงเทพ สาขาบางยี่ขัน มีร่องรอยจากการถูกกระสุนปืนยิง 5 นัดและยังพบปลอกกระสุนปืนอยู่ในที่เกิดเหตุ 2 ปลอก จึงได้เก็บไว้เป็นพยานหลักฐานต่อไป
“สำหรับสถานการณ์นั้น เมื่อวานนี้กลุ่มแกนนำคนเสื้อแดงก็ได้มีการพูดคุยกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคณะ โดยจะมีการนัดเพื่อเจรจาหาข้อยุติอีกครั้งในวันนี้ เวลา 18.00 น.โดยสถานการณ์ต่อจากนี้ไม่ว่าจะจบในรูปแบบใด เจรจาได้หรือไม่ได้ทาง ศอ.รส.ก็มีแผนในการสั่งการเตรียมความพร้อม โดยในวันนี้เวลา 14.00 น.จะมีการประชุมรอง ผบก.และผู้ควบคุมกำลังในการเตรียมพร้อมสนับสนุนจุดต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชน สถานที่สำคัญ สัญลักษณ์ จุดตรวจ และการสนันสนุนสายตรวจรถจักรยานยนต์และสายตรวจเดินเท้า โดยให้ตำรวจภูธรเข้าเพิ่มเติมในการปฏิบัติ นอกจากนี้ หลังจากการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ได้รับแจ้งจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายเลข 191 ว่า มีผู้โทร.เข้ามาปรึกษาทั้งเส้นทาง เหตุต่างๆ จำนวนมาก จึงให้ ปจ.หญิงที่รอปฏิบัติหนาที่ และมีความรู้เรื่องกฎหมายไปช่วยในการรับโทรศัพท์ผลัดละ 24 นาย โดยหลังจากที่เริ่มเข้าปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่เวลา 20.00 น.วันที่ 28 มีนาคม ถือว่ามีผลเป็นที่น่าพอใจ” โฆษก บช.น.กล่าว
ถามถึงเส้นทางงานกาชาด พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.ได้มีคำสั่งให้เปิดด้านหน้า บช.น.โดยจะใช้เส้นทางตั้งแต่แยกเบญจ แยกพระรูป ถึงแยกผ่านฟ้า รวมถึงแยกสวนมิสกวัน ถึงแยกวังแดง โดยสงวนพื้นที่เส้นทางคู่ขนานไว้สำหรับในการรักษาความปลอดภัย โดยหากผู้เข้าชมงานให้มาด้านแยกเบญจ หรือแยกพล.1 จะสะดวกกว่า ส่วนกรณีผู้ชุมนุมพยายามให้ไปรวมตัวด้านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยให้ถอยไปถึงแยก จปร. และค่อนข้างเป็นห่วง เนื่องจากจุดที่ชุมนุมกับงานกาชาดอยู่ใกล้กัน ต้องยอมรับว่า การตั้งจุดตรวจค้นทุกคนเป็นไปได้ยาก
ถามว่า แผนของ ศอ.รส.มีการปรับแผนเป็นอย่างไร พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า แผนจากนี้คือจะไม่ตั้งรับอย่างเดียว แต่จะมีสายตรวจเคลื่อนที่ และกำหนดทิศทางจุดซุ่มโป่งต่างๆ รวมถึงสายตรวจ 191 สุนัขตำรวจ ตำรวจม้า การหาข่าวเชิงลึก โดยในส่วนของแผนเผชิญเหตุนั้น ทาง พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น.ได้มีการพูดกับแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งเป็น ผบ.เหตุการณ์ในการเตรียมพร้อม โดยเบื้องต้นได้ใช้กำลัง 45 กองร้อย เพื่อดูแล 4 อย่างสำคัญ คือ พื้นที่ชุมนุม สถานที่สำคัญ การตั้งจุดตรวจร่วมความมั่นคง ตำรวจ-ทหาร และการนำกำลังไปสนับสนุนการปฏิบัติ สน.พื้นที่
ถามว่า อาจมีการบุกรุกสถานที่ราชการหากการเจรจาไม่เป็นผล โฆษก บช.น.กล่าวว่า ศาลปกครองกลางได้วินิจฉัยว่าการบุกรุก ปิดล้อม ไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบ ไม่อยู่ในความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ เจ้าหน้าที่สามารถทำการสลายการชุมนมได้ตามกฎการใช้กำลัง หากไม่ฝ่าฝืน ไม่บุกรุกก็จะไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นเด็ดขาด เพราะมีขั้นตอนการปฏิบัติอยู่แล้ว ถามต่อว่าการเกิดเหตุรุนแรงในสถานที่ต่างๆทั้งที่มีการตั้งจุดตรวจอยู่มีการพิจารณาลงโทษ สน.พื้นที่หรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ผบช.น.กำลังพิจารณาอยู่ โดยจุดตรวจที่มีกว่า 400 จุดทั่วกทม.คงดูแลได้ยาก แต่บางแห่งเช่น ที่บ้าน นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เป็นจุดที่มีคนสัญจรไปมาติดถนนทำให้ยากในการป้องกัน ส่วนคดีระเบิดหรือยิงตามจุดต่างๆ พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น.รับหน้าที่ดูแลอยู่ ต้องขอเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานอีกระยะ เนื่องจากเหตุเกิดได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง การจะออกหมายจับหรือดำเนินคดีกับผู้ใดต้องให้เกิดความชัดเจนด้วย