กรรมการพิจารณายกเว้นหลักเกณฑ์ ถกหาคนผิดกรณีไม่แต่งตั้ง ผกก.สมเพียร ประชุมนัดแรกไร้ข้อสรุป เตรียมสอบลึกไปถึงกระบวนการแต่งตั้งในภาค 9 หาความบกพร่องเหตุใดไม่รับ ผกก.สมเพียร มาดำรงตำแหน่งใน สภ.กันตัง ตามที่ร้องขอ รอวันศุกร์ที่ 26 มี.ค. บช.ภ.9-ผบช.ศชต.แจงข้อเท็จจริงอีกครั้ง
วันนี้ (24 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.เอก อังสนานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณายกเว้นหลักเกณฑ์ในสมัยการแต่งตั้งโยกย้ายระดับรอง ผบก.-ผกก.วาระประจำปี 2552 เป็นประธานการประชุมตรวจสอบการแต่งตั้งใน บช.ภ.9 ร่วมกับ พล.ต.ท.อาจิณ โชติวงษ์ ผบช.ก.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชัยยง กีรติขจร รอง ผบช.สกพ. ตัวแทนจากกองร้องทุกข์ ก.ตร. และกองการวินัย ให้พิจารณาตรวจสอบข้อบกพร่องการแต่งตั้งใน บช.ภ.9 เน้นเฉพาะในกรณีของ พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา อดีต ผกก.สภ.บันนังสตา โดยใช้เวลาการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง
พล.ต.ท.เอก กล่าวภายหลังการประชุมว่า ในที่ประชุมได้หารือกรณีที่ไม่มีการแต่งตั้งพล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา มาดำรงตำแหน่งที่ สภ.กันตัง ซึ่งวันนี้ได้มีการนำหนังสือร้องทุกข์ของ พล.ต.อ.สมเพียร ที่ได้ยื่นไว้เมื่อวันที่ 22 ก.พ. และนำหนังสือชี้แจงเหตุผลที่ไม่สามารถแต่งตั้งได้จาก พล.ต.ท.วีระยุทธ สิทธิมาลิก บช.ภ. 9 และ พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชษฎ์ ผบช.ศชต. แต่ก็ยังไม่มีรายละเอียดมากพอ ที่ประชุมจึงเห็นว่าควรจะให้ พล.ต.ท.วีระยุทธ และ พล.ต.ท.พีระ มาชี้แจงและให้ถ้อยคำด้วยตนเอง ซึ่งนัดวันเวลาไว้แล้ว ในวันศุกร์ที่ 26 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น. ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปว่ามีความบกพร่องตรงไหน อย่างไร
“เรื่องนี้ถ้าถามจริงๆ แล้วปัญหาของ พล.ต.อ.สมเพียร ทางฝ่ายคณะกรรมการตรวจสอบการยกเว้นหลักเกณฑ์ไม่ทราบปัญหามาก่อนเลย เพราะ พล.ต.อ.สมเพียร ดำรงตำแหน่งเดิมมากว่า 3 ปี อยู่ในกรณีที่ไม่ต้องขอยกเว้นหลักเกณฑ์ ทางเราจึงไม่ทราบปัญหา มารู้อีกทีก็ทราบว่า ท่านไปร้องกับทางนายกรัฐมนตรีด้วยวาจาและมาร้องทุกข์กับท่านปทีป” พล.ต.ท.เอก กล่าว
พล.ต.ท.เอก กล่าวต่อว่า ในวันศุกร์นี้จะเชิญมาพูดคุยและสอบสวนถึงกระบวนการแต่งตั้ง โดยก่อนการทำการแต่งตั้ง ทราบว่า พล.ต.ท.พีระ และ พล.ต.ท.วีระยุทธได้ตกลงกันแล้วว่า จะรับ พล.ต.อ.สมเพียร มาดำรงตำแหน่งใน สภ.กันตัง ตามที่ พล.ต.อ.สมเพียร ร้องขอ แต่ทำไมถึงไม่แต่งตั้ง มีเหตุผลใด โดยข้อตกลงเรื่องนี้หลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรอยู่แล้ว ซึ่งตรงนี้จะให้ ผบช.ภ.9 นำหนังสือดังกล่าวมาแสดงในที่ประชุมด้วย ส่วนเงื่อนไขการสับเปลี่ยนกำลังนั้นขึ้นกับ ผบช.9 ที่จะเสนอเงื่อนไข ซึ่งเรายังไม่ทราบว่าทาง ผบช.ภ 9 มีดุลพินิจในการสับเปลี่ยนกำลังกับ ศชต.อย่างไร
“หนังสือชี้แจงของ ผบช.ทั้งสองชี้แจงกันคนละประเด็น อย่าง บช.ภ.9 ก็ไปทาง แต่ไม่อยากลงรายละเอียด รอให้เขามาให้ถ้อยคำ ถ้าอยากได้ข้อเท็จจริงต้องถามดีกว่า ว่าเกิดอะไรขึ้น หรือว่า ตกลงกันรับแล้ว แต่ทำไมไม่แต่งตั้งให้หรือแต่งตั้งแล้ว ทำไมรายชื่อถูกถอด ส่วนจะสามารถสาวไปถึงว่ามีนักการเมืองมาขอมา ก็ตอบไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่า ผบช.ภ.9 จะพูดอย่างไร ก็อยากให้รอวันศุกร์” พล.ต.ท.เอกกล่าว
เมื่อถามว่าในวันศุกร์นี้จะสามารถทราบหรือไม่ว่าใครจะต้องรับผิดชอบหรือมีใครถูกใครผิด พล.ต.ท.เอกกล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ แต่ในวันศุกร์จะสามารถชี้ว่าปัญหาเกิดจากอะไร และใครมีความบกพร่องตรงไหน
เมื่อถามต่อว่าหากนำกฎระเบียบมาพิจารณาอาจไม่มีคนผิด พล.ต.ท.เอกกล่าวว่า ขอให้ใจเย็น อย่าง บช.ภ.2 เราก็สามารถไปแก้ไขได้ แต่มีความแตกต่างกันที่ บช.ภ. 2 มีปัญหาขณะที่ คำสั่งยังไม่มีผล
เมื่อถามว่าก่อนหน้าที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษาสบ 10 เข้าไปพูดคุยและทำหนังสือกับ พล.ต.อ.ปทีป มาแล้ว พล.ต.ท.เอกกล่าวว่า ข้อเท็จจริงตรงนี้เราไม่มี เราจะตรวจสอบเฉพาะในประเด็นเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องจริงๆ แต่ตรงนี้ ผู้สื่อข่าวอาจรับทราบข้อมูลมาจากส่วนหนึ่ง เราจะดูถึงกระบวนการแต่งตั้งของ บช.ศชต.และ บช.ภ.9
“อดุลย์” มอบเงิน 3 แสนให้เมียสมเพียร
ขณะเดียวกัน นางพิมพ์ชนา ภูวพงษ์พิทักษ์ ภรรยาของ พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา พร้อมด้วย ส.ต.ท.โรจนินทร์ เอกสมญา บุตรชาย เข้าพบ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา (สบ10) โดย พล.ต.ต.อำนาจ อันอาตย์งาม รอง ผบช.ภ.3 ได้นำเงินที่รวบรวมจากข้าราชการตำรวจ และครอบครัว บช.ภ.3 จำนวน 600,000 บาท มามอบให้เพื่อช่วยเหลือครอบครัว พล.ต.อ.สมเพียร จำนวน 300,000 บาท และมอบให้ผู้บาดเจ็บเสียชีวิตจากเหตุการณ์เดียวกันอีกจำนวน 300,000 บาท
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า จะช่วยดูแลเรื่องสวัสดิการที่ครอบครัว พล.ต.อ.สมเพียร ที่จะได้รับโดยจะเดินเรื่อง ส่วนใดที่ยังไม่เรียบร้อย ก็จะเร่งดำเนินการตรวจสอบให้
“ปทีป” เคยรับรู้เรื่อง “สมเพียร” ขอย้าย
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ.อดุลย์เคยเข้าพบ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท. ผบ.ตร. เพื่อขอความช่วยเหลือการแต่งตั้งโยกย้าย พล.ต.อ.สมเพียร จริงหรือไม่ พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวยอมรับว่าเคยเข้าพบ พล.ต.อ.ปทีป เพื่อช่วยเหลือแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่ง พล.ต.อ.ปทีป ก็รับทราบเรื่องดังกล่าวและจะช่วยเหลือ แต่ไม่ทราบว่าชื่อของ พล.ต.อ.สมเพียรจะขาดตกบกพร่องไปส่วนใดตนไม่ทราบเพราะไม่มีอำนาจในการแต่งตั้ง ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นตนในฐานะผู้บังคับบัญชาก็พยายามดูแลแก้ไขอยู่ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีก
เมียสมเพียรไม่เชื่อคนร้ายมอบตัวเป็นมือฆ่า
ด้าน นางพิมพ์ชนากล่าวว่า ความรู้สึกของ พล.ต.อ.สมเพียร ที่ต้องการย้ายเพราะทราบว่า ผกก.กันตัง กำลังเกษียณ หลังจากที่ทำเรื่องขอโยกย้ายก็คิดว่า พล.ต.อ.สมเพียร จะได้รับการพิจารณาเพราะเหลืออายุราชการเพียง 1 ปี จนถึงขั้นเตรียมเก็บของเพื่อย้าย แต่หลังจากที่ พล.ต.อ.อดุลย์ โทรศัพท์มาบอกว่าไม่ได้ย้าย พล.ต.อ.สมเพียรรู้สึกผิดหวัง เพราะตั้งแต่รับราชการมาไม่เคยขออะไรเป็นพิเศษ คิดว่าไม่ได้รับความยุติธรรมจึงมาร้องทุกข์เพื่อให้ตำรวจรุ่นหลังต้องเจอเหตุการณ์เช่นนี้อีก สำหรับตอนนี้อยากให้ ตร.ปรับปรุงโครงสร้างการทำงานของตำรวจ ให้ตำรวจชั้นผู้ใหญ่เหลียวมองการทำงานของตำรวจ ผู้น้อยบ้าง แม้งบประมาณที่ลงไปยังตำรวจใต้จะมีจำนวนมากแต่ตำรวจไม่ได้ต้องการเพียงแค่งบประมาณ แต่ต้องการสนใจดูแลสวัสดิภาพ ความปลอดภัยจากผู้ใหญ่ด้วย
“ตอนนั้นแม้ต้องทำงานหนัก เราก็ไม่เคยอะไร เมื่อเห็นว่าเหลือปีกว่าก็จะเกษียณแล้ว ก็คิดว่าจะได้ อยากรู้ว่าชื่อไปตกหล่นตรงไหนตอนย้าย รอฟังคำชี้แจง ตร.อยู่ ทำไมบางตำแหน่งไม่ถึงหลักเกณฑ์ ยังโยกย้ายได้ ส่วนกรณีจับผู้ต้องหาฆ่าจ่าเพียร ตนไม่เชื่อว่าเป็นมือปืน ถ้าเป็นคนวางระเบิดน่าจะใช่ แต่ที่มามอบตัวไม่คิดว่าเป็นคนฆ่าจ่าเพียร เพราะคนที่ทำแบบนี้คงไม่มามอบตัวเอง” นางพิมพ์ชนากล่าว
ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 มอบเงินสดจำนวน 2 แสนบาทที่ได้จากการรวบรวมจากเพื่อนนักธุรกิจในนาม “กลุ่มเพื่อนแต้ม” ให้กับนางพิมพ์ชนา ภูวพงษ์พิทักษ์ ภรรยาของ พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา หรือ “จ่าเพียรขาเหล็ก” อดีตผู้กำกับการ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายต่างๆในครอบครัว
นางพิมพ์ชนากล่าวขอบคุณพร้อมระบุว่า รู้สึกตื่นต้นใจแทนสามีที่ยังมีคนเห็นคุณค่าแม้จะเสียชีวิตไปแล้ว ถึงแม้จะช้าไปหน่อยก็รู้สึกภาคภูมิใจ และขอให้ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติงานในเขตพื้นที่ภาคใต้ตั้งใจทำงานทำหน้าที่ และให้ระมัดระวังตัวเองให้มากที่สุด โดยให้นึกถึงเหตุการณ์ของสามีเป็นตัวอย่าง
“ฉันยังรู้สึกผิดหวังกับการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม และยังมองในเรื่องของผลประโยชน์เป็นหลักอยู่ เพราะหากสามีได้โยกย้ายในครั้งนั้นก็คงไม่ต้องมาเสียชีวิตแบบนี้” ภรรยาผู้สูญเสียสามีไปอย่างไม่มีวันกลับกล่าวด้วยสีหน้าสลด
วันนี้ (24 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.เอก อังสนานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณายกเว้นหลักเกณฑ์ในสมัยการแต่งตั้งโยกย้ายระดับรอง ผบก.-ผกก.วาระประจำปี 2552 เป็นประธานการประชุมตรวจสอบการแต่งตั้งใน บช.ภ.9 ร่วมกับ พล.ต.ท.อาจิณ โชติวงษ์ ผบช.ก.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชัยยง กีรติขจร รอง ผบช.สกพ. ตัวแทนจากกองร้องทุกข์ ก.ตร. และกองการวินัย ให้พิจารณาตรวจสอบข้อบกพร่องการแต่งตั้งใน บช.ภ.9 เน้นเฉพาะในกรณีของ พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา อดีต ผกก.สภ.บันนังสตา โดยใช้เวลาการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง
พล.ต.ท.เอก กล่าวภายหลังการประชุมว่า ในที่ประชุมได้หารือกรณีที่ไม่มีการแต่งตั้งพล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา มาดำรงตำแหน่งที่ สภ.กันตัง ซึ่งวันนี้ได้มีการนำหนังสือร้องทุกข์ของ พล.ต.อ.สมเพียร ที่ได้ยื่นไว้เมื่อวันที่ 22 ก.พ. และนำหนังสือชี้แจงเหตุผลที่ไม่สามารถแต่งตั้งได้จาก พล.ต.ท.วีระยุทธ สิทธิมาลิก บช.ภ. 9 และ พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชษฎ์ ผบช.ศชต. แต่ก็ยังไม่มีรายละเอียดมากพอ ที่ประชุมจึงเห็นว่าควรจะให้ พล.ต.ท.วีระยุทธ และ พล.ต.ท.พีระ มาชี้แจงและให้ถ้อยคำด้วยตนเอง ซึ่งนัดวันเวลาไว้แล้ว ในวันศุกร์ที่ 26 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น. ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปว่ามีความบกพร่องตรงไหน อย่างไร
“เรื่องนี้ถ้าถามจริงๆ แล้วปัญหาของ พล.ต.อ.สมเพียร ทางฝ่ายคณะกรรมการตรวจสอบการยกเว้นหลักเกณฑ์ไม่ทราบปัญหามาก่อนเลย เพราะ พล.ต.อ.สมเพียร ดำรงตำแหน่งเดิมมากว่า 3 ปี อยู่ในกรณีที่ไม่ต้องขอยกเว้นหลักเกณฑ์ ทางเราจึงไม่ทราบปัญหา มารู้อีกทีก็ทราบว่า ท่านไปร้องกับทางนายกรัฐมนตรีด้วยวาจาและมาร้องทุกข์กับท่านปทีป” พล.ต.ท.เอก กล่าว
พล.ต.ท.เอก กล่าวต่อว่า ในวันศุกร์นี้จะเชิญมาพูดคุยและสอบสวนถึงกระบวนการแต่งตั้ง โดยก่อนการทำการแต่งตั้ง ทราบว่า พล.ต.ท.พีระ และ พล.ต.ท.วีระยุทธได้ตกลงกันแล้วว่า จะรับ พล.ต.อ.สมเพียร มาดำรงตำแหน่งใน สภ.กันตัง ตามที่ พล.ต.อ.สมเพียร ร้องขอ แต่ทำไมถึงไม่แต่งตั้ง มีเหตุผลใด โดยข้อตกลงเรื่องนี้หลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรอยู่แล้ว ซึ่งตรงนี้จะให้ ผบช.ภ.9 นำหนังสือดังกล่าวมาแสดงในที่ประชุมด้วย ส่วนเงื่อนไขการสับเปลี่ยนกำลังนั้นขึ้นกับ ผบช.9 ที่จะเสนอเงื่อนไข ซึ่งเรายังไม่ทราบว่าทาง ผบช.ภ 9 มีดุลพินิจในการสับเปลี่ยนกำลังกับ ศชต.อย่างไร
“หนังสือชี้แจงของ ผบช.ทั้งสองชี้แจงกันคนละประเด็น อย่าง บช.ภ.9 ก็ไปทาง แต่ไม่อยากลงรายละเอียด รอให้เขามาให้ถ้อยคำ ถ้าอยากได้ข้อเท็จจริงต้องถามดีกว่า ว่าเกิดอะไรขึ้น หรือว่า ตกลงกันรับแล้ว แต่ทำไมไม่แต่งตั้งให้หรือแต่งตั้งแล้ว ทำไมรายชื่อถูกถอด ส่วนจะสามารถสาวไปถึงว่ามีนักการเมืองมาขอมา ก็ตอบไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่า ผบช.ภ.9 จะพูดอย่างไร ก็อยากให้รอวันศุกร์” พล.ต.ท.เอกกล่าว
เมื่อถามว่าในวันศุกร์นี้จะสามารถทราบหรือไม่ว่าใครจะต้องรับผิดชอบหรือมีใครถูกใครผิด พล.ต.ท.เอกกล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ แต่ในวันศุกร์จะสามารถชี้ว่าปัญหาเกิดจากอะไร และใครมีความบกพร่องตรงไหน
เมื่อถามต่อว่าหากนำกฎระเบียบมาพิจารณาอาจไม่มีคนผิด พล.ต.ท.เอกกล่าวว่า ขอให้ใจเย็น อย่าง บช.ภ.2 เราก็สามารถไปแก้ไขได้ แต่มีความแตกต่างกันที่ บช.ภ. 2 มีปัญหาขณะที่ คำสั่งยังไม่มีผล
เมื่อถามว่าก่อนหน้าที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษาสบ 10 เข้าไปพูดคุยและทำหนังสือกับ พล.ต.อ.ปทีป มาแล้ว พล.ต.ท.เอกกล่าวว่า ข้อเท็จจริงตรงนี้เราไม่มี เราจะตรวจสอบเฉพาะในประเด็นเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องจริงๆ แต่ตรงนี้ ผู้สื่อข่าวอาจรับทราบข้อมูลมาจากส่วนหนึ่ง เราจะดูถึงกระบวนการแต่งตั้งของ บช.ศชต.และ บช.ภ.9
“อดุลย์” มอบเงิน 3 แสนให้เมียสมเพียร
ขณะเดียวกัน นางพิมพ์ชนา ภูวพงษ์พิทักษ์ ภรรยาของ พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา พร้อมด้วย ส.ต.ท.โรจนินทร์ เอกสมญา บุตรชาย เข้าพบ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา (สบ10) โดย พล.ต.ต.อำนาจ อันอาตย์งาม รอง ผบช.ภ.3 ได้นำเงินที่รวบรวมจากข้าราชการตำรวจ และครอบครัว บช.ภ.3 จำนวน 600,000 บาท มามอบให้เพื่อช่วยเหลือครอบครัว พล.ต.อ.สมเพียร จำนวน 300,000 บาท และมอบให้ผู้บาดเจ็บเสียชีวิตจากเหตุการณ์เดียวกันอีกจำนวน 300,000 บาท
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า จะช่วยดูแลเรื่องสวัสดิการที่ครอบครัว พล.ต.อ.สมเพียร ที่จะได้รับโดยจะเดินเรื่อง ส่วนใดที่ยังไม่เรียบร้อย ก็จะเร่งดำเนินการตรวจสอบให้
“ปทีป” เคยรับรู้เรื่อง “สมเพียร” ขอย้าย
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ.อดุลย์เคยเข้าพบ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท. ผบ.ตร. เพื่อขอความช่วยเหลือการแต่งตั้งโยกย้าย พล.ต.อ.สมเพียร จริงหรือไม่ พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวยอมรับว่าเคยเข้าพบ พล.ต.อ.ปทีป เพื่อช่วยเหลือแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่ง พล.ต.อ.ปทีป ก็รับทราบเรื่องดังกล่าวและจะช่วยเหลือ แต่ไม่ทราบว่าชื่อของ พล.ต.อ.สมเพียรจะขาดตกบกพร่องไปส่วนใดตนไม่ทราบเพราะไม่มีอำนาจในการแต่งตั้ง ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นตนในฐานะผู้บังคับบัญชาก็พยายามดูแลแก้ไขอยู่ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีก
เมียสมเพียรไม่เชื่อคนร้ายมอบตัวเป็นมือฆ่า
ด้าน นางพิมพ์ชนากล่าวว่า ความรู้สึกของ พล.ต.อ.สมเพียร ที่ต้องการย้ายเพราะทราบว่า ผกก.กันตัง กำลังเกษียณ หลังจากที่ทำเรื่องขอโยกย้ายก็คิดว่า พล.ต.อ.สมเพียร จะได้รับการพิจารณาเพราะเหลืออายุราชการเพียง 1 ปี จนถึงขั้นเตรียมเก็บของเพื่อย้าย แต่หลังจากที่ พล.ต.อ.อดุลย์ โทรศัพท์มาบอกว่าไม่ได้ย้าย พล.ต.อ.สมเพียรรู้สึกผิดหวัง เพราะตั้งแต่รับราชการมาไม่เคยขออะไรเป็นพิเศษ คิดว่าไม่ได้รับความยุติธรรมจึงมาร้องทุกข์เพื่อให้ตำรวจรุ่นหลังต้องเจอเหตุการณ์เช่นนี้อีก สำหรับตอนนี้อยากให้ ตร.ปรับปรุงโครงสร้างการทำงานของตำรวจ ให้ตำรวจชั้นผู้ใหญ่เหลียวมองการทำงานของตำรวจ ผู้น้อยบ้าง แม้งบประมาณที่ลงไปยังตำรวจใต้จะมีจำนวนมากแต่ตำรวจไม่ได้ต้องการเพียงแค่งบประมาณ แต่ต้องการสนใจดูแลสวัสดิภาพ ความปลอดภัยจากผู้ใหญ่ด้วย
“ตอนนั้นแม้ต้องทำงานหนัก เราก็ไม่เคยอะไร เมื่อเห็นว่าเหลือปีกว่าก็จะเกษียณแล้ว ก็คิดว่าจะได้ อยากรู้ว่าชื่อไปตกหล่นตรงไหนตอนย้าย รอฟังคำชี้แจง ตร.อยู่ ทำไมบางตำแหน่งไม่ถึงหลักเกณฑ์ ยังโยกย้ายได้ ส่วนกรณีจับผู้ต้องหาฆ่าจ่าเพียร ตนไม่เชื่อว่าเป็นมือปืน ถ้าเป็นคนวางระเบิดน่าจะใช่ แต่ที่มามอบตัวไม่คิดว่าเป็นคนฆ่าจ่าเพียร เพราะคนที่ทำแบบนี้คงไม่มามอบตัวเอง” นางพิมพ์ชนากล่าว
ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 มอบเงินสดจำนวน 2 แสนบาทที่ได้จากการรวบรวมจากเพื่อนนักธุรกิจในนาม “กลุ่มเพื่อนแต้ม” ให้กับนางพิมพ์ชนา ภูวพงษ์พิทักษ์ ภรรยาของ พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา หรือ “จ่าเพียรขาเหล็ก” อดีตผู้กำกับการ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายต่างๆในครอบครัว
นางพิมพ์ชนากล่าวขอบคุณพร้อมระบุว่า รู้สึกตื่นต้นใจแทนสามีที่ยังมีคนเห็นคุณค่าแม้จะเสียชีวิตไปแล้ว ถึงแม้จะช้าไปหน่อยก็รู้สึกภาคภูมิใจ และขอให้ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติงานในเขตพื้นที่ภาคใต้ตั้งใจทำงานทำหน้าที่ และให้ระมัดระวังตัวเองให้มากที่สุด โดยให้นึกถึงเหตุการณ์ของสามีเป็นตัวอย่าง
“ฉันยังรู้สึกผิดหวังกับการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม และยังมองในเรื่องของผลประโยชน์เป็นหลักอยู่ เพราะหากสามีได้โยกย้ายในครั้งนั้นก็คงไม่ต้องมาเสียชีวิตแบบนี้” ภรรยาผู้สูญเสียสามีไปอย่างไม่มีวันกลับกล่าวด้วยสีหน้าสลด