กองปราบตามรวบอดีตนักวิชาการวัฒนธรรม ซี 6 ร่วมกับผู้บังคับบัญชายักยอกเงินเดือนพระสงฆ์ที่สังกัดตามวัดใน จ.อำนาจเจิญ กว่า 1.2 ล้าน โดยใช้วิธีโอนเงินและปลอมบัตรฝากเงิน เจ้าตัวให้การปฏิเสธ อ้างสะสางปัญหาที่เกิดขึ้นไว้หมดแล้ว
วันนี้ (24 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ สุขวัฒน์ธนกุล ผกก.5 บก.ป.พร้อมด้วย พ.ต.ท.วันชัย ชัยชูโชติ สว.กก.5 บก.ป. นำกำลังจับกุม นางวารุณี สะโสดา อายุ 44 ปี อดีตนักวิชาการวัฒนธรรม 6 ว.สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอำนาจเจริญ อยู่บ้านเลขที่ 393/10 หมู่ 4 ต.บุ่ง อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ ตามหมายจับศาลจังหวัดอำนาจเจริญ ที่ จ.11/2553 ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2553 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือเก็บรักษาทรัพย์ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเอง เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดโดยทุจริต ทำเอกสารโดยใช้โอกาสที่ตนมีหน้าที่ ปลอมและใช้เอกสารปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น จับกุมได้ที่บริเวณตลาดยิ่งเจริญ ถนนพหลโยธิน แขวงคลองถนน เขตบางเขน กทม.
พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อช่วงปลายปี 2548 ขณะที่ผู้ต้องหารับราชการในตำแหน่งนักวิชาการวัฒนธรรม 6 ว.สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอำนาจเจริญ ได้ร่วมกับพวก 2 คน ประกอบด้วย ผู้อำนวยการสำนักฯ และรองผู้อำนวยการสำนักฯ ใช้ตำแหน่งหน้าที่ ยักยอกเงินจำนวน 1,212,447 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ต้องเบิกจ่ายเป็นเงินเดือนให้กับพระสงฆ์ (นิตยภัต) ที่สังกัดอยู่ตามวัดต่างๆ ในพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ โดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารในชื่อของตนเอง นอกจากนี้ยังมีการปลอมบัตรฝากเงิน เช็คธนาคารที่มอบอำนาจโดยผู้ว่าราชการจังหวัด
พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากนั้นทางจังหวัดอำนาจเจริญได้ตรวจสอบพบการทุจริตที่เกิดขึ้นในสำนักงานวัฒนธรรมดังกล่าว จึงมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความผิดทางวินัยกับข้าราชการที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 ราย กระทั่งเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2551 ได้มีคำสั่งไล่ นางวารุณี ออกจากราชการ และมีการยึดเงินในบัญชีธนาคารของ นางวารุณี ที่มีการยักยอกไปทั้งหมด พร้อมกันนั้น ทางจังหวัดได้แจ้งความดำเนินคดีอาญา จากนั้นทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอำนาจเจริญ ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเอาไว้ก่อนที่ผู้ต้องหาจะถูกชุดสืบสวน กก.5 บก.ป.ติดตามจับกุมตัวไว้ได้
สอบสวน นางวารุณี ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า ขณะนี้มีอาชีพจัดซื้ออาหารส่งให้กับร้านค้าภายในศูนย์อาหารตลาดยิ่งเจริญ ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นยอมรับว่าช่วงที่ยังรับราชการผู้บังคับบัญชาได้ขอร้องให้ใช้บัญชีเงินฝากธนาคารของตนรับโอนเงินที่ต้องจ่ายเป็นเงินเดือนให้พระสงฆ์ในพื้นที่หลายครั้ง เนื่องจากพระสงฆ์หลายรายไม่ได้มารับเงินเดือน แต่หลังที่ตนถูกตั้งกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัย จนถูกไล่ออกจากราชการไปแล้วก็ได้สะสางปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดโดยไม่คิดว่าจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับตนอีก
“ผู้อำนวยการ และรองผู้อำนวยการ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาในตอนนั้น ไม่ทราบว่าถูกดำเนินการอย่างไรบ้าง โดยช่วงที่ถูกคำสั่งไล่ออกก็ไม่มีจิตใจคิดจะทำอะไร ก่อนจะมาเริ่มตั้งหลักชีวิตใหม่อีกครั้ง ที่ผ่านมา หากฉันรู้ว่าถูกดำเนินคดีอาญาด้วยก็จะรีบต่อสู้คดีทันที เพราะไม่เคยคิดจะหลบหนีไปไหน ฉันมีครอบครัว มีลูกๆ ที่ต้องเลี้ยงดู เมื่อมาถูกจับเช่นนี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิต ส่วนเรื่องคดีความคงจะปรึกษากับทนายความเพื่อต่อสู้คดีต่อไป” นางวารุณี กล่าวทั้งน้ำตา
ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอำนาจเจริญ รับไว้ดำเนินคดีต่อไป