ผบก.น.2 เผยคนร้ายไม่ต่ำกว่า 2 คนยิงเอ็ม 79 ใส่ ร.1 พัน.1 รอ. ชี้กล้องวงจรปิดของ บก.จร.ในช่วงเกิดเหตุมีปัญหา เนื่องจากวันที่ม็อบแดงไป ราบ 11 กระแสไฟฟ้าขัดข้องส่งผลถึงกล้องวงจรปิดของ บก.จร.ด้วย จึงรวบรวมวงจรปิดร้านค้า-ห้างสรรพสินค้าใกล้เคียงหาตัวคนร้าย ส่วนเอ็ม 79 บึ้มบ้านนักธุรกิจ เชื่อเป็นการยิงแบบสุ่มเพื่อให้ตกบ้านชุมชน ไม่ได้หวังผลยิงเป้าหมาย ต้องการก่อกวนสร้างสถานการณ์ทางการเมืองมากกว่า
วันนี้ (17 มี.ค.) พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.2 เปิดเผยความคืบหน้าเหตุคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่ที่กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน.1 รอ.) ว่า คนร้ายน่ามีไม่ต่ำกว่า 2 คน จากการตรวจสอบของกลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิด กองบังคับการปฎิบัติการพิเศษ พบแนววิถีก่อเหตุมาจากบนทางด่วนโทลล์เวย์ โดยใช้วิธีการชะลอรถให้ช้าลงก่อนยิงระเบิดเข้าไป
ดังนั้นจึงตัดประเด็นที่ว่าคนร้ายยิงระเบิดมาจากตึกสูง ซึ่งสั่งการฝ่ายสืบสวนตรวจสอบรถยนต์ทุกคันที่วิ่งอยู่บนทางโทลล์เวย์ ช่วงเวลาประมาณ 13.00-13.30 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ใกล้เคียงกับเวลาเกิดเหตุ และตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ด่านเก็บเงินทางด่วนโทลล์เวย์เพื่อตรวจสอบทะเบียนรถในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
พล.ต.ต.สาโรจน์ กล่าวอีกว่า ส่วนเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 ในบ้านนายวรสิทธิ เกียรติทวีอนันต์ นักธุรกิจส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้า ภายในซอยลาดพร้าว 23 ท้องที่ สน.พหลโยธินนั้น พล.ต.ต.สาโรจน์กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นพวกป่วนเมือง โดยยิงระเบิดวิถีโค้งมาในลักษณะที่ไม่เจาะจงเป้าหมาย ซึ่งตัดประเด็นที่ว่าคนร้ายมีเจตนายิงระเบิดเข้าไปที่บ้านของนายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ซึ่งอยู่ในซอยลาดพร้าว 25 แน่นอน ซึ่งขณะนี้ได้ตรวจสอบจุดต้องสงสัยทั้งหมด 3 จุด ซึ่งมีทั้งตึกสูงในบริเวณดังกล่าวและพื้นที่ว่างในละแวกนั้นด้วย เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินได้ว่าคนร้ายมีกี่คน
ส่วนกล้องวงจรปิดของ บก.จร.นั้น ในช่วงเกิดเหตุมีปัญหาเนื่องจาก วันที่กลุ่ม นปช.ไปที่กรมทหารราบที่ 11 รอ. ได้เกิดกระแสไฟฟ้าขัดข้องส่งผลถึงกล้องวงจรปิดของ บก.จร.ด้วย เจ้าหน้าที่จึงต้องรวบรวมกล้องวงจรปิดจากร้านค้า และห้างสรรพสินค้าใกล้เคียง เพื่อหาตัวคนร้าย รวมทั้งหาพยานบุคคลโดยการสอบถามประชาชนในบริเวณใกล้เคียงว่ามีใครเห็นรถยนต์หรือบุคคลต้องสงสัยหรือไม่
รายงานข่าวจากชุดสืบสวนเปิดเผยว่า สำหรับบ้านของบุคคลสำคัญในละแวกนั้นมีบ้านของนายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ซึ่งอยู่ในซอยลาดพร้าว 25 และเคยเกิดเหตุคนร้ายปาระเบิดเข้าไปภายในบ้านเมื่อปี 2551 และภายในซอยลาดพร้าว 23 ถัดจากบ้านหลังเกิดเหตุไปอีก 2 หลังก็เป็นบ้านของ พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด พักอาศัยอยู่ แต่ได้เกษียณอายุราชการไปกว่า 20 ปีแล้วจึงไม่น่าใช่เป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม ไม่มีบ้านขององคมนตรีหรือบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงทางการเมือง อีกทั้งการยิงกระสุนเอ็ม 79 ด้วยวิถีโค้ง เป็นการยิงที่ไม่ได้หวังผลรุนแรง ซึ่งคนร้ายอาจจะไม่ได้ยิงจากมุมสูง อาจจะยิงจากพื้นราบก็ได้ และขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนทำให้ยากแก่การมองเห็น การคำนวณด้วยสายตาไม่สามารถระบุได้ว่าบ้านหลังไหนเป็นบ้านใคร หรือเป็นบ้านบุคคลสำคัญคนใด จึงเชื่อว่าเป็นการยิงแบบสุ่มเพื่อให้ตกไปยังบ้านชุมชน ไม่ได้หวังผลยิงไปยังเป้าหมาย เป็นการก่อกวนเพื่อสร้างสถานการณ์ทางการเมืองมากกว่า
ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับนายวรสิทธิ ผู้เสียหายแจ้งว่า เรื่องที่เกิดขึ้นคิดว่าเป็นเรื่องการเมือง เพราะทำใจไว้ตั้งแต่ช่วงความเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มต่างๆ ว่าจะต้องมีเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้น แต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับบ้านของตน ซึ่งหากเป็นการปาระเบิดเข้าไปในบ้านตนจะหวาดกลัวเพราะเป็นการจงใจ แต่หากเป็นการยิงด้วยระยะไกลตนก็อุ่นใจขึ้นว่าคนร้ายไม่ได้มุ่งเป้าหมายที่บ้านตน
วันนี้ (17 มี.ค.) พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.2 เปิดเผยความคืบหน้าเหตุคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่ที่กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน.1 รอ.) ว่า คนร้ายน่ามีไม่ต่ำกว่า 2 คน จากการตรวจสอบของกลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิด กองบังคับการปฎิบัติการพิเศษ พบแนววิถีก่อเหตุมาจากบนทางด่วนโทลล์เวย์ โดยใช้วิธีการชะลอรถให้ช้าลงก่อนยิงระเบิดเข้าไป
ดังนั้นจึงตัดประเด็นที่ว่าคนร้ายยิงระเบิดมาจากตึกสูง ซึ่งสั่งการฝ่ายสืบสวนตรวจสอบรถยนต์ทุกคันที่วิ่งอยู่บนทางโทลล์เวย์ ช่วงเวลาประมาณ 13.00-13.30 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ใกล้เคียงกับเวลาเกิดเหตุ และตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ด่านเก็บเงินทางด่วนโทลล์เวย์เพื่อตรวจสอบทะเบียนรถในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
พล.ต.ต.สาโรจน์ กล่าวอีกว่า ส่วนเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 ในบ้านนายวรสิทธิ เกียรติทวีอนันต์ นักธุรกิจส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้า ภายในซอยลาดพร้าว 23 ท้องที่ สน.พหลโยธินนั้น พล.ต.ต.สาโรจน์กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นพวกป่วนเมือง โดยยิงระเบิดวิถีโค้งมาในลักษณะที่ไม่เจาะจงเป้าหมาย ซึ่งตัดประเด็นที่ว่าคนร้ายมีเจตนายิงระเบิดเข้าไปที่บ้านของนายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ซึ่งอยู่ในซอยลาดพร้าว 25 แน่นอน ซึ่งขณะนี้ได้ตรวจสอบจุดต้องสงสัยทั้งหมด 3 จุด ซึ่งมีทั้งตึกสูงในบริเวณดังกล่าวและพื้นที่ว่างในละแวกนั้นด้วย เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินได้ว่าคนร้ายมีกี่คน
ส่วนกล้องวงจรปิดของ บก.จร.นั้น ในช่วงเกิดเหตุมีปัญหาเนื่องจาก วันที่กลุ่ม นปช.ไปที่กรมทหารราบที่ 11 รอ. ได้เกิดกระแสไฟฟ้าขัดข้องส่งผลถึงกล้องวงจรปิดของ บก.จร.ด้วย เจ้าหน้าที่จึงต้องรวบรวมกล้องวงจรปิดจากร้านค้า และห้างสรรพสินค้าใกล้เคียง เพื่อหาตัวคนร้าย รวมทั้งหาพยานบุคคลโดยการสอบถามประชาชนในบริเวณใกล้เคียงว่ามีใครเห็นรถยนต์หรือบุคคลต้องสงสัยหรือไม่
รายงานข่าวจากชุดสืบสวนเปิดเผยว่า สำหรับบ้านของบุคคลสำคัญในละแวกนั้นมีบ้านของนายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ซึ่งอยู่ในซอยลาดพร้าว 25 และเคยเกิดเหตุคนร้ายปาระเบิดเข้าไปภายในบ้านเมื่อปี 2551 และภายในซอยลาดพร้าว 23 ถัดจากบ้านหลังเกิดเหตุไปอีก 2 หลังก็เป็นบ้านของ พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด พักอาศัยอยู่ แต่ได้เกษียณอายุราชการไปกว่า 20 ปีแล้วจึงไม่น่าใช่เป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม ไม่มีบ้านขององคมนตรีหรือบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงทางการเมือง อีกทั้งการยิงกระสุนเอ็ม 79 ด้วยวิถีโค้ง เป็นการยิงที่ไม่ได้หวังผลรุนแรง ซึ่งคนร้ายอาจจะไม่ได้ยิงจากมุมสูง อาจจะยิงจากพื้นราบก็ได้ และขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนทำให้ยากแก่การมองเห็น การคำนวณด้วยสายตาไม่สามารถระบุได้ว่าบ้านหลังไหนเป็นบ้านใคร หรือเป็นบ้านบุคคลสำคัญคนใด จึงเชื่อว่าเป็นการยิงแบบสุ่มเพื่อให้ตกไปยังบ้านชุมชน ไม่ได้หวังผลยิงไปยังเป้าหมาย เป็นการก่อกวนเพื่อสร้างสถานการณ์ทางการเมืองมากกว่า
ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับนายวรสิทธิ ผู้เสียหายแจ้งว่า เรื่องที่เกิดขึ้นคิดว่าเป็นเรื่องการเมือง เพราะทำใจไว้ตั้งแต่ช่วงความเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มต่างๆ ว่าจะต้องมีเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้น แต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับบ้านของตน ซึ่งหากเป็นการปาระเบิดเข้าไปในบ้านตนจะหวาดกลัวเพราะเป็นการจงใจ แต่หากเป็นการยิงด้วยระยะไกลตนก็อุ่นใจขึ้นว่าคนร้ายไม่ได้มุ่งเป้าหมายที่บ้านตน
