“ประวุฒิ” เผย ม็อบแดงมี 4 หมื่น เท่าช่วงเช้า คาดเย็นนี้ มีสมทบเพิ่ม ย้ำ ตร.สั่งเพิ่มกำลังยกระดับเข้มงวด ดูแลสถานที่ราชการขั้นสูงสุด หวั่นมือที่ 3 ก่อความวุ่นวาย หวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ชี้เหตุยิงบึ้มเอ็ม 79 ร.1 พัน 1 รอ.ประสงค์ชีวิตหรือไม่ บอกเพียงก้ำกึ่ง เพราะการก่อเหตุเป็นเวลากลางวันยิงช่วงทหารประจำการ
วันนี้ (15 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ รอง ผบช.สทส. ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปก.ตร.กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีการเคลื่อนไหวชุมนุมไปยังด้านหน้ากรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ว่า ภาพรวมการชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ ขณะที่รายงานล่าสุดมีจำนวนผู้ชุมนุมประมาณ 40,000 คน ซึ่งเท่ากับช่วงเช้า ส่วนช่วงเย็นน่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาสมทบอีก
ส่วนเหตุคนร้ายใช้เครื่องยิงลูกระเบิดชนิดเอ็ม 79 เข้าไปภายใน กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน 1 รอ.) ถนนวิภาวดีรังสิตขาออก นั้น ขณะนี้ ทาง ศปก.ตร.ได้รับรายงานว่า ตำรวจนครบาลได้ควบคุมรถต้องสงสัยไว้ได้ ทราบว่า ขณะนี้ พล.ต.ท.สัณฐาณ ชยนนท์ ผบช.น.อยู่ระหว่างการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าว ซึ่งยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุหรือไม่ ซึ่งรายละเอียดต้องรอรายงานจาก บช.น.
พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุดังกล่าว ตร.ได้สั่งการให้เพิ่มความเข้ม และกำลังในการดูแลสถานที่ราชการ ขณะเดียวกัน ได้ยกระดับการอารักขาสถานที่ราชการ รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด ส่วนหน่วยงานภาคเอกชน มีการดูแลธนาคารกรุงเทพ ขณะที่สถานีวิทยุโทรทัศน์ต่างๆ มีทหารดูแลอยู่ ซึ่งไม่น่าเป็นห่วง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุระเบิดดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มคนเสื้อแดงหรือไม่ พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า สำหรับสาเหตุนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่ห่วงและพูดถึงมาตลอด คือ มือที่ 3 ที่ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย เพื่อหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เมื่อถามว่าเหตุดังกล่าวคนร้ายประสงค์ต่อชีวิตหรือไม่ พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า เป็นเรื่องก้ำกึ่งมาก เนื่องจากเป็นการก่อเหตุในช่วงเวลากลางวันและยิงไปในช่วงที่ทหารประจำการอยู่ ย่อมเล็งเห็นผลแล้วว่าจะมีคนบาดเจ็บและคนล้มตายอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการรักษาความปลอดภัยภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลที่ดูแลพื้นที่ปกติอยู่แล้ว ยังได้มีการเสริมกำลังตำรวจตระเวนชายแดน จำนวน 2 กองร้อย ร่วมตรวจตราอยู่ตลอด 24 ชม.และวันนี้เจ้าหน้าที่ได้นำลวดหนามมาวางบริเวณรั้ว และเพิ่มความเข้มในการตรวจตรารถทุกคันที่เข้าออกสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย
