xs
xsm
sm
md
lg

“เสรีพิศุทธ์” ชี้สิ้น “ผกก.สมเพียร” บทเรียนที่ผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

“เสรีพิศุทธ์” ลั่น “ผกก.สมเพียร” เสียชีวิต ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนใต้ ต้องรับผิดชอบ ระบุนักการเมืองบริหารบ้านเมืองมีการซื้อขายตำแหน่ง แต่ไม่มีการดำเนินคดีเพราะผลประโยชน์ลงตัว แนะต้องมีการปรับเปลี่ยนกำลัง จนท. มีกำลังในพื้นที่ทุกตำบล ทุกอำเภอ ทำงานเชิงรุกทุกวัน ย้ำสูญเสียตำรวจน้ำดีครั้งนี้ขอให้เป็นบทเรียนนำไปแก้ไขเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม ประเทศชาติ และเพื่อในหลวง

วันนี้ (14 มี.ค.) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ในระหว่างการปฎิบัติหน้าที่ ว่า เรื่องนี้ผู้บังคับบัญชาต้องเป็นคนรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.สมเพียร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บัญชาการศูนย์ปฎิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ที่มีอำนาจสามารถสั่งการได้ แต่ไม่ยอมย้าย พ.ต.อ.สมเพียร ไปอยู่ที่อื่นที่เป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงน้อย

“การมาเรียกร้องเพื่อขอย้ายตัวเองออกนอกพื้นทื่ของ พ.ต.อ.สมเพียรนั้น ผมเชื่อว่าเขาไม่ได้กลัว เพียงแต่เขาทำงานในพื้นที่มานานกว่า 40 ปี และทำงานมาทั้งชีวิต และการที่ร้องขอก็เพราะถูกป้องร้ายจากกลุ่มผู้ก่อการร้าย ถ้าถามว่าเขากลัวมั้ย ผมว่าทุกคนไม่กลัว เพียงแต่เขาทำงานต่อสู้มานาน และเมื่อถึงเวลาที่จะเกษีณอายุราชการก็เป็นธรรมดาที่อยากจะอยู่กับครอบครัว” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อไปว่า จริงแล้ว เรื่องการโยกย้ายนั้นผู้บังคับบัญชาในพื้นที่จะเป็นผู้พิจารณาเองได้โดยไม่ ต้องรอคำสั่งจาก ผบ.ตร.หรือคำร้องขอของตำรวจ เพราะเรื่องนี้ผู้บังคับบัญชาควรจะมีวิจารณญาณ มีความรู้ในการบริหาร น่าจะรู้ว่าคนอายุ 60 ปีควรจะให้เขาได้พักผ่อนแล้ว หากตนยังคงทำหน้าที่อยู่ก็จะย้าย พ.ต.อ.สมเพียรออกจากพื้นที่ไปแล้วโดยไม่ต้องรอให้ร้องขอย้ายตัวเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนี้ใครควรจะเป็นผู้รับผิดชอบ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ทาง ก.ตร.ไม่รู้เรื่องระเบียบกฎหมาย ไม่ได้อ่าน วันนั้นบอกถูก อีกวันบอกผิด อยู่ที่ใครจะเป็น ผบ.ตร. ไม่รู้สมองเป็นอะไร ไม่มีความคิดความรับผิดชอบ ส่วนความบกพร่องต่อหน้าที่ต่อผู้ปฎิบัตินั้นก็น่าจะเป็นผู้บัญชาการศูนย์ ปฎิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะคนที่เป็นหัวหน้าควรจะรู้แล้วว่า ควรจะให้ พ.ต.อ.สมเพียร ไปอยู่ในพื้นที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า พ.ต.อ.สมเพียร ก็ไม่ได้คิดหนี แต่เมื่อทำงานจบ น่าจะให้ได้พักผ่อน ย้ายไปอยู่ในพื้นที่อื่นแล้วประสานทางตำรวจภาค 9 ปรับเปลี่ยนตำแหน่งก็ไม่น่ามีปัญหา นี่แสดงว่าหัวหน้าผู้ปฎิบัติขาดความรับผิดชอบ ส่วนเรื่องที่จะไปเยี่ยวยาในภายหลังนั้นตนมองว่า หากไม่โวยก็คงไม่นึกถึง

ส่วนเรื่องที่มีนักการเมืองขอคนของตัวเองไปลงพื้นที่ทำเลทองจนทำให้ พ.ต.อ.สมเพียร ไม่ได้ย้ายนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า นักการเมืองบริหารบ้านเมือง มีการซื้อขายตำแหน่ง ตนบอกได้ว่า มี เพียงแต่ไม่มีการดำเนินคดี เพราะผลประโยชน์ลงตัว หากระบบเป็นแบบนี้ไม่มีทางดีขึ้น จึงจำเป็นต้องแก้ไข

เมื่อถามว่าจะแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวแนะว่า ต้องมีการปรับเปลี่ยนกำลังเจ้าหน้าที่ จัดกำลังให้มีอยู่ในพื้นที่ทุกตำบล ทุกอำเภอ ทำงานเชิงรุกทุกวัน จัดกำลังให้ระดับหัวหน้าคอยสนับสนุนดูแลขวัญและกำลังใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ปฎิบัติในพื้นที่ในระดับหัวหน้าหมวดน่าจะมีอายุประมาณ 20 ถึง 30 ปี จัดให้เป็นผู้บังคับหมวดออกกวาดล้างอยู่ในพื้นที่ในช่วงกลางคืน ไม่ใช่ว่าพื้นที่ในช่วงกลางคืนตกเป็นของฝ่ายตรงข้ามหมด สาเหตุที่เราแพ้เป็นเนื่องจากทำไม่เป็น เพราะฉะนั้นต้องปรับกำลังพล ปรับระบบใหม่ อีกทั้งปรับกำลังให้เจ้าหน้าที่ได้กลับไปทำงานที่บ้านเกิดเมืองนอน กลับสู่อ้อมกอดของครอบครัว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวด้วยว่า พ.ต.อ.สมเพียร เป็นนายตำรวจที่ตั้งใจทุ่มเทการทำงานให้กับบ้านเมืองมาเป็นระยะเวลานาน อยู่ในพื้นที่มานานกว่า 40 ปี มีความรู้ความสามารถ ชำนาญในพื้นที่ ทำงานอย่างต่อเนื่อง ปะทะต่อสู้กับโจรผู้ร้ายจนกระทั่งได้รับบาดเจ็บมาแล้วหลายครั้ง ถือว่าเป็นนายตำรวจที่ดี และมีลักษณะเป็นผู้นำ กล้าหาญสู้รบปราบปรามกับผู้ก่อการร้ายมาโดยตลอด จนได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันมีศักดิ์ชั้นรามาธิบดี เหรียญรามมาลา เข็มกล้ากลางสมร และกระทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาเหมือนกับตน

“ตอนนั้น พ.ต.อ.สมเพียร เป็นตำรวจชั้นประทวน ทำงานจนได้เลื่อนชั้นยศเป็นสัญญาบัตร และหลังจากที่ผมขึ้นเป็น ผบ.ตร.ก็แต่งตั้งให้เขาเป็น ผกก.สภ.บันนังสตา และเขาก็ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ และด้วยความเป็นคนชำนาญในพื้นที่ก็สามารถปราบผู้ก่อการร้ายมาได้โดยตลอดจน ใกล้เกษียณก็ขอย้ายตัวเอง แต่ไม่ได้ย้ายจนต้องมาสังเวยชีวิต ก็ขอให้ตำรวจทุกคนนึกถึง พ.ต.อ.สมเพียร และขอให้เป็นบทเรียนนำไปแก้ไขเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม ประเทศชาติ และเพื่อในหลวง” อดีต ผบ.ตร.กล่าว

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อาการของ ด.ต.โสภณ อินทรบวร อายุ 36 ปี สังกัดสถานีตำรวจภูธรบันนังสตา จ.ยะลา ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลศูนย์ยะลา มาตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบันนังสตา เสียชีวิต ล่าสุด ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ว่า ด.ต.โสภณ ได้เสียชีวิตลงแล้วอย่างสงบ ที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของพ่อแม่ ภรรยา ลูกๆ และญาติ รวมทั้งเพื่อนข้าราชการตำรวจด้วยกัน

วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ ด.ต.โสภณ อินทรบวร ผบ.หมู่ (ป.) สภ.บันนังสตา ที่เสียชีวิตลงในวันนี้ หลังออกปฏิบัติงานในพื้นที่ร่วมกับ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.บันนังสตา แล้วได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมาว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อครอบครัว และจะได้ดูแลในเรื่องของสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ พร้อมทั้งให้การช่วยเหลือครอบครัวอย่างเต็มที่

พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า ในส่วนของบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนั้น ด.ต.โสภณ จะได้รับเลื่อนอัตราเงินเดือน 7 ขั้น และเสนอขอพระราชทานเลื่อนยศ เป็น พ.ต.อ. พร้อมทั้งได้รับเงินค่าทดแทนการเสียชีวิต 25 เท่า ของอัตราเงินเดือน เป็นจำนวน 440,000 บาท รวมทั้งค่าจัดการศพ 20,000 บาท เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ 350,000 บาท และเงินกองทุนสวัสดิการ ตร. 200,000 บาท ส่วนบุตรชายของผู้ตาย คือ ด.ช.ณัฐนนท์ อินทรบวร อายุ 14 ปี ซึ่งขณะนี้เรียนอยู่ชั้น ม.2 ที่ ร.ร.สตรียะลา นั้นจะได้รับทุนการศึกษาจนจบปริญญาตรี รวมทั้งได้รับสิทธิในการเข้ารับการราชการตำรวจสืบแทนบิดาต่อไปด้วย
พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผู้กำกับการสถ.บันนังสตา จ.ยะลา หลังจากเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ ปทีป เมื่อ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
กำลังโหลดความคิดเห็น