xs
xsm
sm
md
lg

รวบ “เคทอง” คากองปราบ-บุกค้นรถ “เสธ.แดง” พบปืนอื้อ!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกทำหน้าเซ็งเมื่อตำรวจรวบตัวนายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ หรือ เคทอง ลูกน้องคนสนิทขณะซ่อนอยู่ในรถตู้
รวบ “เคทอง” คากองปราบฯ หลัง “เสธ.แดง” ทำทีมาถามเรื่องการประกันตัวลูกน้อง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่บุกค้นรถตู้ตรากงจักรยึดปืนอีกเพียบ เตรียมเล่นงานเคทองข้อพกพาอาวุธปืนอีกคดี


วันนี้ (6 มี.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.45 น.พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกเดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ศานิตย์ มหถาวร รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รอง ผบก.ป.) เพื่อสอบถามถึงขั้นตอนการดำเนินคดี และการประกันตัวให้กับ นายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ หรือเคทอง ลูกน้องคนสนิท ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวิธีอื่นใดเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และขู่เข็ญให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจ และคดีนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์

พล.ต.ขัตติยะ กล่าวภายหลังเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อถามว่าจะพานายพรวัฒน์มามอบตัวได้อย่างไร แต่ก็ยังไม่ชัดเจนเพราะพนักงานสอบสวนแจ้งว่าสำนวนยังส่งมาไม่ถึงกองปราบปรามจึงยังไม่ทราบว่าจะพานายพรวัฒน์มามอบตัวได้เมื่อใด แต่ยืนยันว่านายพรวัฒน์ยังอยู่ในประเทศไม่ได้หลบหนีไปไหน

พล.ต.ขัตติยะ กล่าวต่อว่า ที่เรียกนายพรวัฒน์ว่าอาจารย์เพราะเป็นหมอดูและจัดรายการผ่านแคมฟร็อก ส่วนเหตุปาระเบิดธนาคารกรุงเทพที่เกิดขึ้นนั้นนายพรวัฒน์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด แต่ที่มีการพูดผ่านวิดีโอคลิปเกี่ยวกับเหตุระเบิดนั้นตนเชื่อว่าเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า

พล.ต.ขัตติยะ กล่าวด้วยว่า ส่วนคดีของตนเรื่องอาวุธปืนและอาวุธสงครามที่ตรวจค้นพบในบ้านพักซึ่งทางกองปราบปรามสอบสวนดำเนินคดีนั้นทราบจากพนักงานสอบสวนว่าจะมีการสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการในวันที่ 8 มี.ค.นี้ โดยตนจะต้องเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อเดินทางพร้อมกับสำนวนไปรายงานตัวต่ออัยการ ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นคดีของตนแล้วจะอาจจะพานายพรวัฒน์มามอบตัวอีกครั้ง

พล.ต.ขัตติยะ กล่าวอีกว่า ได้เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ดูไบและพูดคุย พ.ต.ท.ทักษิณ โดยตนได้เสนอแนวทางสามวันจบแต่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่รับและให้ใช้แนวทางของ นปช. แต่ก็ขอบคุณตนที่ไม่ทะเลาะกับแกนนำ นปช. และขอให้ช่วยดูแลความปลอดภัยโดยรอบการชุมนุมให้กับ นปช. โดยจะมีชุดเฉพาะกิจเป็นหน่วยลาดตระเวนป้องกันการก่อวินาศกรรม โดยกลุ่มคนที่ต้องเฝ้าระวังในช่วงการชุมนุมที่จะถึงนี้คือ พวกทหารนอกเครื่องแบบ หรือที่ทางทหารเรียกกันว่าข้าศึกสมมติ และอีกกลุ่มคือพวกเสื้อน้ำเงินที่จะแฝงตัวเข้ามา ก่อความวุ่นวายได้

นอกจากนี้ พล.ต.ขัตติยะ ยังกล่าวถึงกรณีถูกสะกดรอยติดตามความเคลื่อนไหวด้วยว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.วันเดียวกันนี้ ระหว่างที่ตนกับลูกน้องเดินทางไปหานายพรวัฒน์ที่บ้านพักภายในซอยลาดกระบัง 14/1 ได้มีกลุ่มคนประมาณ 3-4 คน ขับรถกระบะตามมา จากนั้นก็มีชายคนหนึ่งเดินตามสะกดรอย ตนกับลกน้องจึงวิ่งไล่ตามชายคนดังกล่าวไปจนสามารถจับตัวไว้ได้ สอบถามแล้วเขาอ้างว่าเป็นชุดเฉพาะกิจของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตนจึงยึดวิทยุสื่อสาร 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล ระบุชื่อ นายสุวัฒน์ชัย ทองรักษ์ อายุ 38 ปี เอาไว้ โดยทั้งหมดนี้ตนยินดีส่งคืนให้แต่มีข้อแม้ว่านายสุเทพจะต้องให้นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี เป็นผู้สั่งตนเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น พล.ต.ขัตติยะ พร้อมลูกน้องกำลังจะขึ้นรถตู้โตโยต้า สีขาว ทะเบียนตรากงจักร 2481 กระจกหน้ารถด้านซ้ายติดป้ายผ่านเข้าออก ม.พัน 4 รอ. พ.ศ.2541-2542 แต่ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม นำโดย พ.ต.อ.ศานิตย์ พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ พ.ต.ท.อดินันท์ ชัยนันท์ รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ธีรพัฒน์ ธารีไทย พ.ต.ต.จารุวัฒน์ พาหุมันโต สว.กก.1 บก.ป. พ.ต.ต.ต่อศักดิ์ พิทักษ์โกศล สว.กก.ปพ.บก.ป. พร้อมชุดสืบสวน กก.1 บก.ป. และหน่วยคอมมานโดจำนวนหนึ่ง ได้เข้าไปหา พล.ต.ขัตติยะอีกครั้ง หลังจากได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า นายพรวัฒน์ ผู้ต้องหาตามหมายจับนั้นซ่อนตัวอยู่ในรถของ พล.ต.ขัตติยะ โดย พ.ต.อ.ศานิตย์ กล่าวกับ พล.ต.ขัตติยะว่า ขออนุญาตตรวจสอบภายในรถยนต์ แต่ พล.ต.ขัตติยะ บอกว่าไม่มีอะไร ก่อนจะพากันเดินไปยังรถตู้

จากนั้นกำลังตำรวจก็ตรงเข้าไปเปิดประตูข้างรถตู้คันดังกล่าวก็พบชายสองคนนั่งอยู่ที่เบาะหลังสุดของรถ คนหนึ่งนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร ส่วนอีกคนกำลังทำทีเป็นนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เจ้าหน้าที่จึงเรียกทั้งสองให้ลงจากรถ พบว่าชายคนที่ถือหนังสือพิมพ์บังหน้าอยู่นั้นคือ นายพรวัฒน์ หรือเคทอง จึงแสดงตัวจับกุมทันที โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า พล.ต.ขัตติยะ ซึ่งอยู่ร่วมตรวจสอบรถยนต์นั้นถึงกับหน้าถอดสี ผิดไปจากช่วงก่อนหน้านี้ที่ยังพูดจาหยอกล้อกับสื่อมวลชนอย่างสนุกสนาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพบตัวนายพรวัฒน์ พ.ต.อ.ศานิตย์ ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน กก.1 บก.ป. และกำลังคอมมานโด นำตัวนายพรวัฒน์ขึ้นไปยังห้องประชุมชั้น 2 อาคารสำนักงานผู้บังคับบัญชาทันที โดยมี พล.ต.ขัตติยะ เดินประกบอยู่ไม่ห่าง

นายพรวัฒน์กล่าวว่า เป็นนักจัดการรายการโหราศาสตร์คู่การเมืองกับการทหาร เป็นรายการวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองผ่านทางแคมฟร็อก ช่วงเวลา 22.00-เที่ยงคืน และ 01.00-03.00 น. ซึ่งจัดมาได้ 3 ปีกว่าแล้ว โดยตนจะนำดวงเมืองมาช่วยวิเคราะห์ และจำลองภาพว่าจะเกิดอะไรขึ้นในทุกๆ 2 วัน

“สำหรับเหตุร้ายที่เกิดขึ้นนั้น ผมขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนที่มีคลิปวิดีโอเผยแพร่ออกไปโดยเฉพาะที่เว็บไซต์ยูทิวบ์นั้นก็มีคนทำขึ้นซึ่งจะตัดหรือหยิบช่วงใดของรายการไปก็ได้ ซึ่งคนที่ทำก็ตัดเอาช่วงท้ายๆ ของรายการแค่ประมาณ 2 นาทีไปลง สังเกตได้ว่าเป็นช่วงที่ตนใกล้จะหลับแล้วเพราะง่วงมาก ไม่ไหว หลังจากนั้นก็ฟุบหลับไปกับโต๊ะไปเลย ทั้งที่รายการจริงๆ จัดนานถึง 2-3 ชั่วโมงจึงอยากถามว่าเหตุใดจึงไม่นำรายการทั้งหมดไปลง ส่วนสิ่งที่ตนพูดในรายการนั้นก็เป็นการวิเคราะห์จากโหราศาสตร์ว่าแต่ละวันจะเกิดอะไรซึ่งตนสามารถนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาตรวจดูได้เลยซึ่งจากการตรวจสอบช่วงนั้นก็หนีไม่พ้นที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่แล้ว” เคทองกล่าว

ต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น. พ.ต.ท.อดินันท์นำกำลังเข้าตรวจค้นตัวการ์ดของ พล.ต.ขัตติยะ แต่ถูกคนขับรถอ้างว่าชื่อนายพล อดีตทหารนาวิกโยธินขัดขวาง พร้อมทั้งตะคอกว่าไม่มีสิทธิ์ตรวจค้น พ.ต.ท.อดินนันท์ จึงแสดงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ ชายคนดังกล่าวจึงยอมให้ตรวจค้นแต่โดยดี จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียนกงจักร 2481 ที่ พล.ต.ขัตติยะ และเคทองนั่งมา

จากการตรวจค้นอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนยี่ห้อบาเร็ตต้าขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอก ยี่ห้อคาร์ ขนาด 9 มม.1 กระบอก ยี่ห้อกล็อก ขนาด 9 มม.1กระบอก ยี่ห้อซีแซดขนาด 6.35 มม.1 กระบอก กระสุนขนาด 9 มม.48 นัด ขนาด 6.35 อีก 8 นัด มีดพก 1 เล่ม กระเป๋าหนังสีดำ 1 ใบ โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง และกล้องดิจิตอลอีก 1 ตัว นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ยึดอาวุธปืนกล็อกขนาด 9 มม.อีก 1 กระบอกพร้อมกระสุนจากตัวการ์ด พล.ต.ขัตติยะด้วย

ต่อมา พล.ต.ขัตติยะ เดินทางมาดูอาวุธปืนที่เจ้าหน้าที่ยึดได้ในรถด้วยสีหน้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด โดย พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า อาวุธตนมีเพียง 2 กระบอกและมีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนใบอนุญาตไม่ต้องพกพาเพราะเป็นนายทหาร อย่างไรก็ตาม อาวุธปืนที่เหลือและโน้ตบุ๊กเป็นของนายพรวัฒน์ ก็มีทะเบียนทั้งหมด ทั้งนี้ พาอาวุธปืนที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้นั้นเอาไว้ป้องกันตัวเพราะมีคนจ้องเล่นงานตนอยู่

ด้าน พ.ต.อ.ศานิตย์ กล่าวว่า เบื้องต้นคงต้องรอให้ พล.ต.ขัตติยะ และ นายพรวัฒน์ นำในอนุญาตครอบครองมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ส่วนใบอนุญาตพกพาในส่วนของ พล.ต.ขัตติยะ นั้นไม่น่าจะมีปัญหาเพราะเป็นนายทหารสามารถพกพาได้ ส่วนนายเคทองทางพนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อหาพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารระโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกคดีหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ทำการตรวจค้นอยู่นั้น พล.ต.ขัตติยะ ได้ขออนุญาต พ.ต.อ.ศานิตย์ เพื่อไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินดอนเมืองไปต่างจังหวัด แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต ทำให้ พล.ต.ขัตติยะไม่พอใจ จากนั้นทาง พ.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง สว.กก.ปพ.บก.ป.พร้อมตำรวจคอมมานโดอาวุธครบมือจำนวน 5 นายเข้ารักษาความปลอดภัย เกรงจะเกิดการกระทบกระทั่งระหว่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของ พล.ต.ขัตติยะ และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม

ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารพระธรรมนูญเดินทางมาตรวจสอบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียนกงจักร 2481 ที่เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืน จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่าจะสวมทะเบียนปลอมซึ่งจะสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง






อาวุธปืนที่ยึดได้ในรถ

กำลังโหลดความคิดเห็น