xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนตำนานดำเนินคดีเด็ก:แต้มสี(ดำ)บนผ้าขาว

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


าว 2 ทุ่มคืนวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา เกิดคดีที่อาจทำให้หลายฝ่ายต้องไปพินิจพิจารณากันอย่างรอบคอบอีกครั้ง ถึงการดำเนินคดีกับเด็ก ซึ่งได้ชื่อว่า ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ทั้งยังเป็นเด็กที่อายุเพิ่ง 8 ขวบ และไม่ได้ไปก่อความเดือดร้อนให้กับสังคม เหมือนผู้ที่ได้ชื่อว่า"เด็กหรือเยาวชน" อย่างพวกเด็กเว้นท์ หรือ"เด็กโข่ง" ที่ก่อความเดือดร้อนรำคาญไปจนถึงขั้นก่ออาชญากรรม

คดีที่ว่าก็คือ น.ส.แก้ว (นามสมมติ) อายุ 31 ปี อาชีพรับจ้าง เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน ว่า ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 8 ขวบ ลูกชายซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ป.1 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ถูกนายราชันย์ ปุราโส อายุ 26 ปี และ น.ส.ลักขณา ปุราโส อายุ 27 ปี ผู้จัดการร้านแฟมิลี่มาร์ท สาขาตลาดบางเขน นำตัวส่ง ร.ต.ท.กานต์นิธิ แดงอ่ำ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ โดยมีของกลาง ขนมมันฝรั่งอบกรอบยี่ห้อพริงเกิ้ล 1 กล่อง ราคา 59 บาท อาหารเช้าซีเรียลยี่ห้อเคลล็อก 1 กล่อง ราคา 10 บาท และกระเป๋าเป้นักเรียนแบบสะพายสีฟ้า 1 ใบ

น.ส.ลักขณา เล่าว่า ร้านจดทะเบียนเป็นลักษณะห้างหุ้นส่วนจำกัด ชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด เอรากอน เปิดเป็นร้านขายของชำ มีหุ้นส่วนอีกคนชื่อ น.ส.นวลจันทร์ ไชยสงค์ โดยเมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. ด.ช.เอ พร้อมเพื่อนจำนวนหนึ่งเข้ามาในร้านแล้วขโมยของดังกล่าวใส่กระเป๋าเป้แล้วจะหลบหนี นายราชันย์จึงเข้าตรวจสอบและจับตัวไว้ได้ พร้อมนำส่งพนักงานสอบสวน หลังเกิดเหตุได้พูดคุยกับ น.ส.นวลจันทร์ แต่ น.ส.นวลจันทร์ไม่ยอมความ ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะทางร้านถูกขโมยของบ่อยครั้ง และอยากให้เป็นกรณีตัวอย่าง

ด้านน.ส.แก้ว แม่ของ ด.ช.เอ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้รับแจ้งจากครูประจำชั้นของลูกว่า ลูกชายขโมยของที่ร้านแฟมิลี่มาร์ทและถูกจับตัวส่ง สน.ทุ่งสองห้อง จึงรีบเดินทางมาที่ สน. พร้อมกับนำใบรับรองแพทย์จากศูนย์บริการสาธารณสุข 24 บางเขน มายืนยันว่าลูกชายมีระดับไอคิวต่ำกว่า 85 ซึ่งทางแพทย์ถือว่าไม่ปกติ และพยายามเจรจาขอชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ น.ส.ลักขณา และน.ส.นวลจันทร์ ไม่ยินยอม ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด แม้ว่าตนและลูกชายจะยกมือไหว้ขอความเห็นใจ และยอมรับผิดก็ตาม

“ดิฉันเป็นแม่ม่าย มีลูก 3 คน ทำงานเป็นลูกจ้างขายข้าวแกงในตลาดบางเขน ได้ค่าจ้างวันละ 300 บาท แต่ต้องเลี้ยงดูลูกถึง 3 คน โดย ด.ช.เอ เป็นลูกคนกลาง ทุกวันก็ให้เงินลูกไปโรงเรียนวันละ 25 บาท ไม่เคยขาด วันไหนไม่ไปขายของก็ไม่มีรายได้ บรรดาแม่ค้าในตลาดก็จะเรี่ยไรเงินมาช่วยทุกครั้ง ที่ผ่านมาสอนลูกๆ ไม่ให้ขโมยของของใคร อีกทั้งลูกก็ไม่เคยทำมาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก หากลูกต้องถูกดำเนินคดีไม่รู้จะทำอย่างไร อยากให้เจ้าของร้านเห็นใจ เพราะลูกชายเป็นคนสมองช้า ขนาดขโมยของมายังไม่รู้เรื่องว่าขโมยของ” น.ส.แก้ว กล่าว

ขณะที่พ.ต.อ.พงษ์ สังข์มุรินทร์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง กล่าวว่า แม้ตำรวจจะพยายามเจรจา แต่เจ้าของร้านยังคงยืนยันจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด ทางเจ้าหน้าที่ต้องทำตามหน้าที่ จึงสอบปากคำเจ้าของร้านเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ พร้อมกับนำตัวเด็กส่งบ้านภูมิเวช ปากเกร็ด ซึ่งเป็นสถานแรกรับเด็กที่กระทำความผิด จากนั้นผู้ปกครองสามารถไปรับตัวออกมาได้ทันที แล้วค่อยนัดให้ผู้ปกครองพาเด็กมาให้อัยการ ทนายความ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ และพนักงานสอบสวน ร่วมสอบปากคำอีกครั้ง

พ.ต.อ.พงษ์ กล่าวอีกครั้งว่า เท่าที่มองดูก็เห็นว่า ด.ช.เอ ไม่เหมือนเด็กปกติคนอื่น ยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไร ยังร่าเริงและเล่นเหมือนเด็กวัยนี้ทั่วๆ ไป ทั้งนี้ คาดว่าภายใน 1 สัปดาห์จะสามารถสรุปสำนวนส่งให้อัยการได้ โดยพนักงานสอบสวนจะลงความเห็นสั่งไม่ฟ้องแนบท้ายสำนวนไปด้วย หากอัยการมีความเห็นสอดคล้องกับพนักงานสอบสวนคดีนี้ก็จบ แต่หากไม่เห็นด้วยและต้องการให้สอบปากคำเพิ่มเติมก็ต้องปฏิบัติตามความเห็นของอัยการ

มีนายตำรวจผู้หนึ่งเคยให้ความรู้ว่า นายตำรวจทำไมถึงต้องเรียนจบด้านรัฐศาสตร์ แทนที่จะเป็นนิติศาสตร์ ทั้งที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย นายตำรวจผู้นั้น บอกว่า แม้หน้าที่ของตำรวจ คือการดูแลประชาชนให้เคารพกฎหมาย แต่ประชาชนนั้นมีหลากหลาย การใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียวนั้น ไม่สามารถทำให้สังคมเกิดความสงบสุขได้ ต้องใช้หลักการปกครองหรือคุณธรรมควบคู่กันไป เช่น การจับคนที่ทำผิดกฎจราจรแม้เขาจะผิดหลายข้อหา แต่หลักการของการตั้งด่านตรวจก็คือ การลดอุบัติเหตุ การจับและปรับหลายข้อหานั้นก็สามารถทำได้ แต่ประชาชนจะเกิดความไม่พอใจ และไม่เข้าใจในการทำงานของตำรวจ การทำผิดบางครั้งจึงต้องอลุ้มอล่วย และอธิบายให้ประชาชนเข้าใจเพื่อให้เกิดความร่วมมือ

ข่าวคราวของเด็กชายเอดังกล่าว ผู้ที่ได้ติดตามข่าวก็คงรู้สึกสลดใจ เพราะเด็กวัยเพียง 8 ขวบและยังมีอาการทางสมอง กลับต้องมาถูกดำเนินคดี ยังดีที่คดีนี้ ทางตำรวจแม้จะทำตามหน้าที่คือรับแจ้งความดำเนินการสอบสวน แต่ก็ใช้หลักคุณธรรมในการพิจารณาลงความเห็นสั่งไม่ฟ้องไป ซึ่งตัวเด็ก และแม่คงได้รับบทเรียนจากเหตุการณ์ครั้งนี้

การทำผิดนั้นจริงอยู่ว่า ผู้กระทำผิดต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย แต่เด็กวัยเพียง 8 ขวบหากขบวนการยุติธรรมบ้าจี้ไปตามความต้องการของเจ้าของร้านจนเด็กต้องเข้าไปอยู่ในสถานพินิจจะเป็นอย่างไร จากความผิดพลาดที่ขโมยครั้งแรก ต้องเข้าไปอยู่ในสังคมเสือสิงห์กระทิงแรด เมื่อออกมาก็ถูกตราหน้าจากสังคมว่าเป็นเด็กเลว หากจิตใจไม่ใฝ่ดีพอ ชีวิตที่เหลือ คงหนีไม่พ้นวงจรอุบาทว์ วนเวียนอยู่ในวังวนของการกระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะสังคมไม่ให้โอกาส

ข่าวในลักษณะนี้ไม่ใช่เคยเกิดขึ้นเพียงครั้งแรก แต่จากเรื่องเล็กน้อยยิ่งกว่านี้ ก็เคยตกเป็นข่าวดังขึ้นหน้าหนึ่งมาแล้ว อย่างคดี เด็กชาย อายุ 14 ปี ที่ถูกนางวาสนา พูลรส หรือเจ๊แขก เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊แขก ในเขตเทศบาลเมืองราชบุรี แจ้งจับดำเนินคดีในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากไม่พอใจที่เด็กตักพริกป่นใส่ชามก๋วยเตี๋ยวเล่นจนถูกจับกุมดำเนินคดี เกิดเป็นกระแสสังคมออกมาต่อต้านเจ๊แขก มีผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนลงมาช่วยเหลือเด็ก จนถึงขั้นที่นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้น ต้องให้นางกอบกุล นพอมรบดี อดีตส.ส.ราชบุรี เป็นตัวกลางในการเจรจากับคู่กรณีทั้งสองฝ่าย จนกระทั่งจบลงอย่างทุลักทุเล

ส่วนอีกคดีที่เกิดในลักษณะเดียวกัน แต่คราวนั้นจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เด็กชายอายุ 10 ขวบ อีกคนกลับโชคร้ายกว่า เมื่อเข้าไปขโมยลูกอมคอเร็ทและขนมในร้านเจ๊เล้งมูลค่าเพียง 30 บาท และถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างจับได้แล้วส่งดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับนำไปขังรวมกับผู้ต้องขังที่เป็นผู้ใหญ่ในห้องขังของสน.ดอนเมือง

นายสมบัติ วงศ์คำแหง เลขาธิการสภาทนายความ เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การดำเนินคดีเด็กนั้น ต่างกับผู้ใหญ่ต้องมีความละมุนละม่อมและต้องมีการสอบปากคำร่วมกับผู้ปกครอง นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยาและอัยการและไม่ใช่เป็นการสอบเค้นเด็กแต่ต้องสอบผ่านทางนักจิตวิทยาอีกที ส่วนเรื่องการนำเด็กเข้าห้องขังตำรวจทำไม่ถูก ตำรวจไม่ได้มีอำนาจในการควบคุมตัวเด็กต้องรีบแจ้งให้สถานพินิจมารับตัวไปภายใน 24 ชม. ถ้าสถานพินิจไม่มารับตัวตำรวจก็ไม่มีอำนาจในการให้ประกันตัว แต่ไม่สมควรที่จะนำเด็กไม่ขังรวมกับผู้ใหญ่ ให้เด็กอยู่กับผู้ปกครองมีตำรวจเฝ้าก็พอแล้ว

จนสุดท้ายคดีนี้ทางเจ๊เล้ง ก็ทนกระแสสังคมไม่ได้ต้องออกมายอม แต่ก็เกิดำถามมากมายในการทำหน้าที่ของตำรวจ และคุ้มหรือไม่กับชื่อเสียงของร้านเจ๊เล้ง ที่ต้องการให้เด็ก 10 ขวบหลาบจำด้วยการพยายามดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด

อย่าว่าแต่เด็กอายุน้อยๆ แม้แต่โจรผู้ร้ายฆ่าคน เมื่อกระบวนการยุติธรรมไปสิ้นสุดที่ศาล ท่านก็ยังมีเมตตาธรรม แม้จะเป็นผู้ตัดสินคดี ศาลต้องพิจารณาทุกอย่างประกอบกันทั้งหลักนิติธรรม และคุณธรรม ผู้ที่กระทำผิดฆ่าคนยังได้ลดโทษหากไม่เจตนา ผู้ค้ายายังได้ลดโทษเมื่อสารภาพให้เบาะแสตำรวจขยายผล แล้วนับประสาอะไรกับเด็ก ที่สังคม และขบวนการยุติธรรมจะไม่ให้โอกาส เด็กเหล่านี้ได้ทบทวนสิ่งที่ตนเคยผิดพลาด แล้วยังสามารถแก้ไขได้

เด็กเปรียมเสมือนผ้าขาว เอาสีอะไรละเลงลงไปแม้น้อยนิดก็ย่อมต้องเห็นปรากฏชัด จึงต้องนำไปซักสีออกให้สะอาดดังเดิม แต่ขึ้นอยู่ที่ว่า วิธีการซักอย่างไหนจะได้ผล และให้ผ้าได้มาขาวสะอาดดังเดิมเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น