00...ห้วงสัปดาห์นี้แน่นอน ข่าวการพิพากษายึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท ที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ได้จากการโกงบ้าน โกงเมือง ยังคงมีการขยายผลอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เจ้าของทรัพย์อย่าง “ทักษิณ” และทาสบริวาร ก็ยังคงเคลื่อนไหวรายวัน เพื่อทวงทรัพย์อันมิควรได้กลับคืนมา
ประเด็นว่า ทำไม “ทักษิณ” เขาจึงไม่ยอมรับในผลแห่งคำพิพากษาที่ออกมา...ก็เพราะคนอย่าง “ทักษิณ” ไม่เคยคิดว่าตนเองผิด อีกทั้ง หากจำได้ในห้วงเวลาที่ผ่านมา “ทักษิณ” พูดย้ำอยู่เสมอว่า “เขาไม่ผิด แต่กฎหมายเขียนไว้ผิด”
ส่วนที่ “ทักษิณ” ออกมาขอโทษ(อดีตเมีย) ผู้ร่วมขบวนการโกงที่ชื่อ “พจมาน ชินวัตร” ว่าหากวันนั้น ถ้าเขาเชื่อเมีย ที่ไม่อยากให้มาเล่นการเมือง ก็คงไม่มีวันนี้ (วันที่เขาถูกตัดสินยึดทรัพย์) แต่ในทางกลับกัน มีผู้รู้หลายคน มองย้อนไปถึงคดี ซุกหุ้นภาค 1 ที่"ทักษิณ"เขาเป็นฝ่ายกำชัยชนะ (ท่ามกลางข้อกล่าวหาใช้เงินสู้)ว่าหากวันนั้น ศาลพิพากษาว่า ทักษิณ ผิดซุกหุ้น วันนี้ ทักษิณ อาจจะไม่ถูกยึดทรัพย์จนหมดตูด!
แต่เมื่อเขาลุแก่อำนาจ เขาเชื่ออย่างสนิทใจว่า “กฎหมายบ้านเมือง” ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เขาจึงไม่สำนึกในความผิดที่ได้กระทำลงไป
มิหนำซ้ำได้ทำผิดต่างกรรมต่างวาระ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า สะสมความผิดมาเป็นเวลายาวนาน จนร่ำรวยผิดปกติ อีกทั้งยังได้ถ่ายทอดพันธุกรรมโกงไปสู่รุ่นลูก ที่แต่ละคนเชื่ออย่างสนิทใจว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ พ่อเขาได้มาอย่างสุจริต เหมือนกับคำพูดก่อนคำสาบานของ “ทักษิณ” หลังศาลพิพากษายึดทรัพย์ว่า ชีวิตนี้เขาไม่เคยโกง และหากเขาโกงสักสตางค์แดงเดียว ขอให้เขามีอันเป็นไปใน 5 วัน 7 วัน ส่วนจะเป็นไปตามคำสาบานหรือไม่ ชาตินี้แหละได้เห็นแน่
00...ยังไม่เข็ดสำหรับทีมทนาย “ทักษิณ” ที่คิดจะนำประเด็นข้อกฎหมาย ยื่นอุทธรณ์สู้คดียึดทรัพย์ โดยอ้างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 14/2546 และ 32/2548 ตามที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่เป็นฝ่ายค้านขณะนั้น และนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ว.กทม.พร้อมสมาชิกส่วนหนึ่งยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบของ พ.ร.ก.แปลงภาษีสรรพสามิต ซึ่งตุลาการเสียงข้างมากวินิจฉัย พ.ร.ก.ดังกล่าวชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2540 ทั้ง 2 ครั้ง จนกระทั่ง พ.ร.ก.ดังกล่าวผ่านกระบวนการนิติบัญญัติ ออกเป็น พ.ร.บ.ประกาศบังคับใช้
โดยทีมกฎหมายแม้วมองว่า การที่องค์คณะผู้พิพากษาคดียึดทรัพย์วินิจฉัยความผิด พ.ต.ท.ทักษิณ ในประเด็นดังกล่าว ถือว่าเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 216 วรรคห้า ระบุว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐ
แน่นอนหากเป็นไปตามความเชื่อของเหล่าทนายหน้าหอ และถูกต้องตามนั้น ถือว่า องค์คณะคดียึดทรัพย์ คงตกม้าตาย ที่ไม่ได้มองไปถึงประเด็นนี้
การต่อสู้ในประเด็นข้อกฎหมาย(ประเด็นใหม่) ในมุมมองของทนายแม้ว ผลลัพธ์ในทางคดีจะจบลงเท่ากับศูนย์ เหมือนกับการสู้ประเด็นข้อกฎหมาย เรื่องอำนาจของ คมช. คตส.และ ป.ป.ช.ที่ทนายแม้ว แพ้หมดรูป เมื่อองค์คณะมีมติเอกฉันท์ว่า สามารถทำได้ และชอบด้วยกฎหมาย
ด้านผลลัพธ์ในทางการเมือง แน่นอนทนายสามารถ ยื้อเวลาไปได้อีกประมาณ 30 วัน แต่นั่น เป็นการทำเพื่อหวังผลเคลื่อนไหวสร้างความเดือดร้อนให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง ตามโจทย์ที่ “ทักษิณ” ตั้งไว้เท่านั้น และนั่นความจริงที่ประชาชนคนไทย ต้องรู้เท่าทันคนขี้โกง!
