ผบช.น.เชื่อเหตุระเบิดพาณิชย์พระนคร-ศาลฎีกา เชื่อมโยงกัน คนร้ายหวังข่มขู่และสร้างสถานการณ์ กำชับทุก บก.น.ตั้งด่านตรวจเข้ม 200 จุด สกัดป่วน ช่วง 10 วันสุดท้ายก่อนพิพากษาคดียึดทรัพย์ พร้อมเพิ่มกำลังดูแลทำเนียบรัฐบาล-ศาลฎีกาและบ้านพักบุคคลสำคัญ
วันนี้ (14 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.กล่าวถึงกรณีคนร้ายยิงระเบิดชนิด เอ็ม 79 เข้าไปภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตพาณิชยการพระนคร ใกล้กับทำเนียบรัฐบาลว่า หลังเกิดเหตุได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พบว่าในจุดเกิดเหตุมีรถยนต์เสียหาย 3 คัน ส่วนจะเป็นระเบิดจะเป็นชนิดใดนั้นยังไม่สามารถยืนยันได้ ต้องรอให้ พฐ.และเจ้าหน้าที่สรรพวุธนำหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุไปตรวจสอบอย่างละเอียดเสียก่อน แต่นับว่าโชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เพราะระหว่างเกิดเหตุเป็นช่วงกลางดึกไม่มีใครเดินอยู่บริเวณดังกล่าว ส่วนวิถีกระสุนจะยิงมาจากตรงไหนนั้นยังไม่สามารถตอบได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ และเชื่อว่าคนร้ายไม่ได้ประสงค์ต่อชีวิตเพียงแค่ต้องการข่มขู่และสร้างสถานการณ์มากกว่า เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ศาลฏีกาเมื่อช่วงเช้า เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์เช่นกันเพราะเป็นช่วงที่ใกล้ถึงวันสำคัญที่จะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ทั้ง 2 จุดจะเชื่อมโยงและผู้ก่อเหตุจะเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ต้องรอผลการสอบสวน ซึ่งได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 สืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อคลี่คลายให้ได้โดยเร็ว หลังจากนี้ไปในช่วง 10 วัน ก่อนถึงวันที่ 26 ก.พ. จะต้องมีการเพิ่มกำลังตำรวจดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ กทม.ให้มากขึ้น พร้อมทั้งได้สั่งการให้ตำรวจทุกหน่วย บก.น.1-9 และ บก.ตปพ.เพิ่มการตั้งด่านจากที่มีอยู่เดิม 200 จุด โดยเน้นการตรวจค้นบุคคลต้องสงสัย วัตถุต้องสงสัย อาวุธ และวัตถุระเบิดให้เพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งให้ตรวจตราดูแลสถานที่สำคัญๆ โดยเฉพาะทำเนียบรัฐบาล ศาลฎีกา รวมถึงบ้านพักบุคคลสำคัญ ให้เพิ่มกำลังหนาแน่นกว่าเดิม เนื่องจากผู้ที่จะก่อเหตุมักจะอาศัยช่องโหว่และช่วงที่สบโอกาส
“ดังนั้น หากเพิ่มกำลังให้เต็มพ้นที่ก็จะสามารถป้องกันได้ โดยในช่วง 10 วันจากนี้ไป จะระดมกำลังตำรวจทุกหน่วยเข้ามาช่วยไม่เฉพาะฝ่ายสืบสวน ฝ่ายป้องกันและปราบปรามเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ลำพังกำลังตำรวจเองอาจจะดูแลได้ไม่เต็มที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนด้วย เราเป็นคนไทยด้วยกัน อย่าทำอะไรให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง หากพบเห็นสิ่งผิดปกติหรือบุคคลต้องสงสัยให้แจ้งตำรวจได้ทันที” พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าว