ตร.สั่งทุกหน่วยป้องกันปราบปรามอาชญากรรม อำนวยความสะดวกให้ประชาชนช่วงเทศกาลตรุษจีน-วาเลนไทน์ มุ่งเน้นป้องกันปราบปราม คดีชีวิต ร่างกาย และเพศ พร้อมเพิ่มความเข้มตั้งด่านจุดตรวจสกัด ด้าน ตม. เตรียมรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศอย่างเต็มที่
วันนี้ (12 ก.พ.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า วันที่ 14 ก.พ. 2553 เป็นวันตรุษจีนและวันวาเลนไทน์ ตามประเพณีปฏิบัติของคนไทยเชื้อสายจีนในช่วงตรุษจีน จะมีการจัดเตรียมซื้อสิ่งของ การทำพิธีเซ่นไหว้และเดินทางไปเยี่ยมญาติ หรือเดินทางไปท่องเที่ยว ทำให้มีประชาชนออกเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ และใช้เงินเพื่อจับจ่ายใช้สอยเป็นจำนวนมาก ส่วนวันวาเลนไทน์ก็จะมีการจัดงานรื่นเริงตามแหล่งสถานบันเทิง สถานบริการ และโรงแรมต่างๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ปัญหาการจราจร รวมทั้งการเกิดอัคคีภัยอันเนื่องมาจากความประมาทได้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. จึงได้กำหนดมาตรการให้ทุกหน่วยปฏิบัติเพื่อเป็นการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม อำนวยความสะดวกการจราจรและป้องและระงับอัคคีภัยในช่วงเทศกาลดังกล่าว
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม สั่งให้ระดมกำลังกวาดล้างอาชญากรรมช่วงระหว่างวันที่ 9-15 ก.พ.2553 ตรวจตราตามสถานบริการ สถานบันเทิง สวนสาธารณะ และสถานที่เสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม เพื่อป้องกันการเกิดคดีที่เกี่ยวกับชีวิต ร่างกายและเพศตลอดจนคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ รวมทั้งเพิ่มความเข้มการจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด โดยเฉพาะตามเส้นทางและพื้นที่ล่อแหลมเส้นทางเปลี่ยว หรือที่น่าจะเกิดอาชญากรรมการตั้งจุดตรวจค้นให้ดำเนินการทั้งกลางวันและกลางคืน มุ่งเน้นการป้องกันปราบปราม คดีชีวิต ร่างกาย และเพศ โดยเฉพาะคดีทำร้ายร่างกาย คดีข่มขืนกระทำชำเรา คดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ คดีอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นตามสถานที่ที่มีประชาชนไปร่วมกิจกรรมกันเป็นจำนวนมาก ตลอดจนคดีที่รัฐเป็นผู้เสียหายซึ่งเป็นบ่อเกิดของอาชญากรรม อาทิ ความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 และพ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 เป็นต้น
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการอำนวยความสะดวกการจราจรนั้น ให้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกการจราจรในบริเวณสถานีขนส่งทุกแห่ง เส้นทางหลักและเส้นทางรองที่สำคัญ โดยจัดการจราจรให้สอดคล้องและเหมาะสมกับพื้นที่และสถานการณ์ เช่น วันจับจ่ายและวันเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งการจราจรในวันดังกล่าวจะคับคั่งเป็นพิเศษ รวมทั้งประชาสัมพันธ์สภาพการจราจรและแนะนำเส้นทางเดินรถ พร้อม ทั้งกวดขันการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจริงจังในกรณีความผิดที่เป็น สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุจราจร ได้แก่ ขับรถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย, ขับรถยนต์ที่มีอุปกรณ์ส่วนควบไม่ถูกต้องและครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดซึ่งอาจ ทำให้เกิดอุบัติเหตุ, ขับรถขณะเมาสุรา, ขับรถยนต์โดยไม่คาดเข็มขัดนิรภัย, ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่, ขับรถด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด, ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง, ขับรถแซงในที่คับขันหรือเขตปลอดภัย, ขับรถย้อนศร และโทรศัพท์ขณะขับรถ
“สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใคร่ขอความร่วมมือประชาชน ในการออกไปธุระหรือท่องเที่ยวให้ ระมัดระวังแก๊งค์มิจฉาชีพที่จะมาหลอกเอาทรัพย์หรือประทุษร้ายต่อทรัพย์ และให้ระมัดระวังการเกิดอัคคีภัยเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการจุดธูปเทียนบูชาหรือเซ่นไหว้ การใช้เครื่องไฟฟ้า หรือแก๊สหุงต้ม เมื่อออกจากบ้านควรถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อป้องกันความร้อน หรือความเสื่อมสภาพของสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้า รวมทั้งหลีกเลี่ยงการจุดประทัด ดอกไม้เพลิง ในลักษณะที่ก่อให้เกิดอันตราย หรือ ก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่น ตลอดจนให้ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรโดยเคร่งครัด โดยเฉพาะเรื่อง “เมาไม่ขับ” “โทร.ไม่ขับ” และการไม่ขับรถในขณะที่ร่างกายอ่อนเพลีย การข้ามถนนให้ใช้สะพานลอย ทางข้าม ทางม้าลาย หรือตามจุดที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวก นอกจากนี้ ขอความร่วมมือจากเจ้าของสถานบริการ สถานบันเทิง ช่วยกันสอดส่อง ดูแล เด็กหรือเยาวชน ไม่ให้ไปมั่วสุมทางเพศ เสพยาเสพติด และดื่มสุรา หรือเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลดังกล่าวด้วย”โฆษกตร.กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผบก.ตม.2 ได้สั่งการให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดเตรียมพร้อมและกำหนดแนวทางปฏิบัติในการรองรับการตรวจผู้เดินทางเข้าออกราชอาณาจักรทางด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสากล โดยเฉพาะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยให้ความสำคัญต่อการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทาง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว การบูรณาการกำลังพลทั้งแบบการจัดเวรเหลื่อมเวลา และการจัดเจ้าหน้าที่จากฝ่ายสนับสนุนเข้าเสริมแบบเต็มกำลังกำลังให้ครบทุกช่วงตรวจในชั่วโมงเที่ยวบินแน่นหนา ภายใต้มาตรฐานการตรวจหนังสือเดินทางของเจ้าหน้าที่แก่ผู้โดยสารไม่เกินคนละประมาณ 1 นาที
พล.ต.ต.วิสนุ กล่าวว่า ในวันตรุษจีนคาดว่าจะมีผู้เดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะในช่วงวันที่ 12-21 ก.พ. 2553 จะมีการเพิ่มเที่ยวบิน ทั้งแบบทั่วไปและเช่าเหมาลำประมาณ 370 เที่ยวบิน และมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นกว่า 60,000 คน ดังนั้น เพื่อรองรับต่อการเพิ่มขึ้นข้างต้นและสนองตอบต่อนโยบายการท่องเที่ยวของรัฐบาลและสตม.อย่างมีประสิทธิภาพ จึงให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นสร้างความเข้าใจอันดีต่อข้าราชการตำรวจในสังกัด อุทิศแรงกาย แรงใจ และปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ และกำกับดูแลการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด และขอความร่วมมือข้าราชการตำรวจในสังกัดในการงดเว้นการลาในช่วงระหว่าง 12-21 ก.พ. 2553 และกำชับให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติหน้าที่ โดยแสดงออกถึงความเป็นมิตรต่อประชาชนโดยเฉพาะผู้เข้ารับการตรวจหนังสือเดินทาง ด้วยรอยยิ้ม การใช้ถ้อยคำที่สุภาพและแสดงกิริยาท่าทางที่เหมาะสม รวมถึงการหลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ อันเป็นชนวนเหตุให้เกิดการกระทบกระทั่ง โต้เถียงหรือการวิวาทโดยเด็ดขาด รวมทั้งให้หัวหน้าเวรอำนวยการ และผู้ช่วยหัวหน้าเวรอำนวยการ ร่วมกันดูแลและแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวให้เรียบร้อย
ผบก.ตม.2 กล่าวอีกว่า ในส่วนการปฏิบัติให้บริหารจัดการกำลังเจ้าหน้าที่ประจำช่วงตรวจหนังสือเดินทางให้เพียงพอ และสอดคล้องกับปริมาณผู้โดยสารในแต่ละช่วงเวลา รวมถึงจัดเวรยามให้สามารถปฏิบัติภารกิจอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง การเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ธุรการฝ่าย การจัดเวรเหลื่อมเวลา โดยให้เจ้าหน้าที่ของผลัดต่อไปมาปฏิบัติงานก่อนเวลาในช่วงของวันและเวลาที่มีผู้โดยสารหนาแน่น
“จากการวิเคราะห์สถานการณ์ล่วงหน้าพบว่า แม้จะมีการระดมพลอย่างเต็มกำลัง แต่ด้วยปริมาณช่องตรวจที่มีจำนวนการใช้งานจำกัด (ขาเข้า 100 ช่อง ขาออก 62 ช่อง) ประกอบกับปริมาณผู้โดยสารที่มีแนวโน้มการสะสมในชั่วโมงหนาแน่นสูงสุด เป็นขาเข้าประมาณ 3,000 คน และขาออกประมาณ 3,600 คน จึงคาดว่าจะมีผู้โดยสารรอรับการตรวจในพื้นที่ขาเข้าแถวละประมาณ 30 คน ซึ่งต้องใช้เวลารอประมาณคนละ 30 นาที และขาออกแถวละประมาณ 60 คน ซึ่งอาจมีแถวล้นออกนอกพื้นที่ และใช้เวลารอนานถึงประมาณคนละ 60 นาที อาจส่งผลต่อมาตรฐานในการอำนวยความสะดวกได้ ซึ่ง บก.ตม.2 จะพยายามแก้ภาวะปัญหาที่อาจเกิดขึ้นดังกล่าวอย่างเต็มความสามารถ ทั้งวิธีประชาสัมพันธ์และวิธีประสานความร่วมมือกับหน่วยงานข้างเคียง เพื่อให้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” พล.ต.ต.วิสนุ กล่าว