รวบกิ๊กเก่าเสี่ยเงินกู้ กับ "สิบโท" ผัวใหม่ ฆ่าเผาโหด สารภาพเคยกู้เงิน 2 แสนมาค้าขายแต่ไม่ประสบความสำเร็จประกอบกับเจอรักใหม่อยากเลิก จึงร่วมกันวางแผนลวงไปฆ่า โดยสาวเจ้าหลอกให้เสี่ยตายใจนวดเฟ้นจนเพลินส่งสัณญาณให้ "สิบโท" ใช้ไม้ตีกระหน่ำจนแน่นิ่ง แล้วลากศพใส่รถเผากลางป่า ขณะที่ "สิบโท" ยอมรับกิ๊กเสี่ยล่อใจจะซื้อปืนกับรถเก๋งให้แลกกับการสังหารโหด
วันนี้ (9 ก.พ.) เมื่อเวลา 15.30 น. ที่สน.นิมิตรใหม่ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สำเริง สุวรรณพงษ์ ผบก.น.3 พ.ต.อ.เทอดคม สุภาพงษ์ ผกก.สน.นิมิตรใหม่ พ.ต.อ.จำลอง สว่างวงศ์ ผกก.สส.บก.น.3 ร่วมแถลงข่าวจับกุม ส.ท.วัชระ หรือเอ บุญฤทธิ์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 169 หมู่ 2 ต.ปากคม อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ทหารสังกัด พล.ร.11 ฉะเชิงเทรา และน.ส.สุวารี หรือนะ เด่นซอ อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 59/67 ซอยสุเหร่าคลองหนึ่ง 10 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี เลขที่ 141-142/2553 ลงวันที่ 9 ก.พ.2553 ตามลำดับ ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลอบฝัง ซ่อนเร้น หรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย พร้อมของกลางรถ จยย. ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ สีดำ หมายเลขทะเบียน 338 - ตรัง เงินสด 43,000บาท และโทรศัพย์มือถือ ยี่ห้อโนเกีย จำนวน 1 เครื่อง
พล.ต.ต.อำนวย เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากวานนี้ (8 ก.พ.) เจ้าหน้าที่พบศพนายประสาท มัชฉิมานนท์ อายุ 62 ปี ถูกฆ่าแล้วนำศพมาเผาอำพรางคดีพร้อมรถเก๋งโตโยต้า คัมรี่ หมายเลขทะเบียน 3 ฬ-2693 กทม. ภายในป่าหญ้ารกร้าง ซอยแบนชโด 3 แขวงทรายกองดินใต้ เขตคลองสามวา ซึ่งหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายประสาท ผู้ตาย เคยมีความสัมพันธ์กับ น.ส.สุวารี จึงเชิญตัวมาสอบปากคำอยู่นานหลายชั่วโมง จนกระทั่ง น.ส.สุวารี ให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่า ได้รู้จักจนสนิทสนมและมีความสัมพันธ์มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยหลังจากผู้ตายเกษียณก่อนอายุงานนั้น ผู้ตายก็มาเปิดกิจการมินิมาร์ท และปล่อยเงินกู้ ตนในฐานะเพื่อนสาวคนสนิท ได้ขอยืมเงินจากผู้ตาย จำนวน 200,000 บาท ไปลงทุนทำกิจการค้าขายอาหารสัตว์ย่านนิมิตรใหม่ รวมทั้งให้เช่าวินรถตู้โดยสาร แต่กิจการขายอาหารสัตว์เกิดประสบภาวะขาดทุนเลยเลิกกิจการไป ซึ่งผู้ตายยึดรถตู้ของตนไปแล้ว 1 คัน
น.ส.สุวารี ให้การต่อว่า หลังจากนั้นตนมาขายข้าวมันไก่ ที่ย่านตลาดมีนบุรี จนกระทั่งก่อนหน้านี้ประมาณ 3 เดือน มารู้จักกับ ส.ท.วัชระ และมีความสัมพันธ์ด้วยกัน ตนจึงอยากเลิกกับผู้ตายเพื่อมาคบหากับ ส.ท.วัชระ ซึ่งในวันที่ 7 ก.พ. จึงนัดนายประสาท ให้มาตกลงเรื่องรักสามเส้าที่ศาลาใกล้กับบ่อตกปลาเรือนแพฟิชชิ่งปาร์ค ถนนประชาร่วมใจ แขวงคู้คลองฝั่งเหนือ เขตหนองจอก แต่ไม่คิดว่า ส.ท.วัชระ จะใช้ไม้ตีนายประสาทจนเสียชีวิต
น.ส.สุวารี กล่าวด้วยว่า หลังจากนายประสาทเสียชีวิตแล้ว ตนก็ลงไปดูต้นทางให้ ก่อนที่ ส.ท.วัชระจะลากศพผู้ตายขึ้นรถแล้วขับไปยังจุดที่พบศพ โดยตนลงจากรถก่อนที่หน้าปากซอย ส่วน ส.ท.วัชระ ขับรถเข้าไปป่าหญ้ารกทึบเพื่อเผาศพผู้ตายทิ้งพร้อมกับรถ จากนั้นนั่งรถออกมาด้วยกันแล้วไปเปิดโรงแรมนอน ก่อนจะแยกย้ายกันไป ต่อมาถูกตำรวจมาเชิญตัวไปสอบปากคำ
หลังสอบปากคำ น.ส.สุวารี เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับ น.ส.สุวารี และ ส.ท.วัชระ จากศาลจังหวัดมีนบุรี ก่อนเข้าจับกุม ส.ท.วัชระ ได้ที่บริเวณฝั่งตรงข้ามร้าน 108 ชอป ถนนวัดโสธร ต.หน้าวัดโสธร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำ ที่กก.สส.บก.น.3
จากการสอบสวน ส.ท.วัชระ ให้การรับสารภาพว่า ได้รู้จักกับ น.ส.สุวารี มาได้ประมาณ 3 เดือนเศษ ซึ่ง น.ส.สุวารี เคยสัญญากับตนว่า จะซื้อปืนกับรถเก๋งให้แต่ต้องแลกกับการทำงานให้อย่างหนึ่ง คือฆ่านายประสาท คนรักเก่าของ น.ส.สุวารี โดยมีการวางแผนกันก่อน โดยน.ส.สุวารี ได้โอนเงินมาให้ตนก่อนล่วงหน้า 16,000 บาท จากนั้นตนขี่รถจยย.ตระเวนหาที่ทิ้งศพ จนกระทั่งมาเจอทุ่งหญ้ารกทึบในซอยแบนชะโด 3 จึงเข้าไปจอดรถจยย.ทิ้งไว้ที่นั่น ก่อนนั่งแท็กซี่เข้ามาซ่อนตัวอยู่ในศาลาริมทาง ใกล้กับบ่อตกปลาชื่อเรือนแพ ฟิชชิ่งปาร์ค ถนน ประชาร่วมใจ แขวงคู้คลองฝั่งเหนือ เขตหนองจอก
ส.ท.วัชระ ให้การต่อว่า หลังจากน.ส.สุวารี นั่งรถพา นายประสาทผู้ตายมาที่ศาลา ทั้งคู่ก็นั่งคุยกัน ก่อนที่ น.ส.สุวารีจะนวดให้นายประสาทอยู่นานประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้น น.ส.สุวารี ส่งสัญญาณให้ตนย่องไปข้างหลังแล้วใช้ไม้ตีนายประสาทหลายครั้งจนแน่นิ่งไป จากนั้น น.ส.สุวารี ออกไปดูต้นทางให้ ส่วนตนค่อยๆ ลากนายประสาทไปใส่ไว้ที่พื้นรถด้านหลังของรถเก๋งแล้วขับไปยังจุดที่เผารถ ในซอยแบนชะโด 3 โดยปล่อยให้ น.ส.สุวารี ลงจากรถไปก่อนที่หน้าปากซอย ส่วนตนก็ขี่รถ.จยย.ออกไปหาซื้อน้ำมันจากปั้มหลอดย่านนั้น แล้วกลับมารื้อค้นเอาทรัพย์สินในตัวผู้ตาย พร้อมเอาน้ำมันราดตัวผู้ตายและราดรถทั่วทั้งคันก่อนจะจุดไฟเผาทิ้ง
ส.ท.วัชระ ให้การต่อว่า หลังจากนั้นตนขับรถมารับ น.ส.สุวารี ขึ้นรถแล้วพากันไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มย่านถนนสุวินทวงศ์ โดย น.ส.สุวารี ให้ตนลงไปกดเงินจากตู้ ซึ่งตนกลัวว่ากล้องวงจรปิดจะจำใบหน้าได้ จึงสวมหมวกไหมพรมปิดหน้าไว้ จากนั้นกดเงินมาประมาณเกือบ 200,000 บาท โดย น.ส.สุวารี แบ่งเงินให้ตน 50,000 บาท ก่อนจะพากันไปเปิดโรงแรมนอนด้วยกันจนมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้ดังกล่าว
ภายหลังการแถลงข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุทุกจุด ท่ามกลางประชาชนที่ทราบข่าวมามุงดูพร้อมวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก ก่อนนำตัวกลับมาควบคุมไว้ที่ สน.นิมิตรใหม่ เพื่อดำเนินคดีต่อไป
โหดฆ่าเสี่ยเงินกู้เผาทั้งรถหมกทิ้งกลางป่า
วันนี้ (9 ก.พ.) เมื่อเวลา 15.30 น. ที่สน.นิมิตรใหม่ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สำเริง สุวรรณพงษ์ ผบก.น.3 พ.ต.อ.เทอดคม สุภาพงษ์ ผกก.สน.นิมิตรใหม่ พ.ต.อ.จำลอง สว่างวงศ์ ผกก.สส.บก.น.3 ร่วมแถลงข่าวจับกุม ส.ท.วัชระ หรือเอ บุญฤทธิ์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 169 หมู่ 2 ต.ปากคม อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ทหารสังกัด พล.ร.11 ฉะเชิงเทรา และน.ส.สุวารี หรือนะ เด่นซอ อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 59/67 ซอยสุเหร่าคลองหนึ่ง 10 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี เลขที่ 141-142/2553 ลงวันที่ 9 ก.พ.2553 ตามลำดับ ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลอบฝัง ซ่อนเร้น หรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย พร้อมของกลางรถ จยย. ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ สีดำ หมายเลขทะเบียน 338 - ตรัง เงินสด 43,000บาท และโทรศัพย์มือถือ ยี่ห้อโนเกีย จำนวน 1 เครื่อง
พล.ต.ต.อำนวย เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากวานนี้ (8 ก.พ.) เจ้าหน้าที่พบศพนายประสาท มัชฉิมานนท์ อายุ 62 ปี ถูกฆ่าแล้วนำศพมาเผาอำพรางคดีพร้อมรถเก๋งโตโยต้า คัมรี่ หมายเลขทะเบียน 3 ฬ-2693 กทม. ภายในป่าหญ้ารกร้าง ซอยแบนชโด 3 แขวงทรายกองดินใต้ เขตคลองสามวา ซึ่งหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายประสาท ผู้ตาย เคยมีความสัมพันธ์กับ น.ส.สุวารี จึงเชิญตัวมาสอบปากคำอยู่นานหลายชั่วโมง จนกระทั่ง น.ส.สุวารี ให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่า ได้รู้จักจนสนิทสนมและมีความสัมพันธ์มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยหลังจากผู้ตายเกษียณก่อนอายุงานนั้น ผู้ตายก็มาเปิดกิจการมินิมาร์ท และปล่อยเงินกู้ ตนในฐานะเพื่อนสาวคนสนิท ได้ขอยืมเงินจากผู้ตาย จำนวน 200,000 บาท ไปลงทุนทำกิจการค้าขายอาหารสัตว์ย่านนิมิตรใหม่ รวมทั้งให้เช่าวินรถตู้โดยสาร แต่กิจการขายอาหารสัตว์เกิดประสบภาวะขาดทุนเลยเลิกกิจการไป ซึ่งผู้ตายยึดรถตู้ของตนไปแล้ว 1 คัน
น.ส.สุวารี ให้การต่อว่า หลังจากนั้นตนมาขายข้าวมันไก่ ที่ย่านตลาดมีนบุรี จนกระทั่งก่อนหน้านี้ประมาณ 3 เดือน มารู้จักกับ ส.ท.วัชระ และมีความสัมพันธ์ด้วยกัน ตนจึงอยากเลิกกับผู้ตายเพื่อมาคบหากับ ส.ท.วัชระ ซึ่งในวันที่ 7 ก.พ. จึงนัดนายประสาท ให้มาตกลงเรื่องรักสามเส้าที่ศาลาใกล้กับบ่อตกปลาเรือนแพฟิชชิ่งปาร์ค ถนนประชาร่วมใจ แขวงคู้คลองฝั่งเหนือ เขตหนองจอก แต่ไม่คิดว่า ส.ท.วัชระ จะใช้ไม้ตีนายประสาทจนเสียชีวิต
น.ส.สุวารี กล่าวด้วยว่า หลังจากนายประสาทเสียชีวิตแล้ว ตนก็ลงไปดูต้นทางให้ ก่อนที่ ส.ท.วัชระจะลากศพผู้ตายขึ้นรถแล้วขับไปยังจุดที่พบศพ โดยตนลงจากรถก่อนที่หน้าปากซอย ส่วน ส.ท.วัชระ ขับรถเข้าไปป่าหญ้ารกทึบเพื่อเผาศพผู้ตายทิ้งพร้อมกับรถ จากนั้นนั่งรถออกมาด้วยกันแล้วไปเปิดโรงแรมนอน ก่อนจะแยกย้ายกันไป ต่อมาถูกตำรวจมาเชิญตัวไปสอบปากคำ
หลังสอบปากคำ น.ส.สุวารี เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับ น.ส.สุวารี และ ส.ท.วัชระ จากศาลจังหวัดมีนบุรี ก่อนเข้าจับกุม ส.ท.วัชระ ได้ที่บริเวณฝั่งตรงข้ามร้าน 108 ชอป ถนนวัดโสธร ต.หน้าวัดโสธร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำ ที่กก.สส.บก.น.3
จากการสอบสวน ส.ท.วัชระ ให้การรับสารภาพว่า ได้รู้จักกับ น.ส.สุวารี มาได้ประมาณ 3 เดือนเศษ ซึ่ง น.ส.สุวารี เคยสัญญากับตนว่า จะซื้อปืนกับรถเก๋งให้แต่ต้องแลกกับการทำงานให้อย่างหนึ่ง คือฆ่านายประสาท คนรักเก่าของ น.ส.สุวารี โดยมีการวางแผนกันก่อน โดยน.ส.สุวารี ได้โอนเงินมาให้ตนก่อนล่วงหน้า 16,000 บาท จากนั้นตนขี่รถจยย.ตระเวนหาที่ทิ้งศพ จนกระทั่งมาเจอทุ่งหญ้ารกทึบในซอยแบนชะโด 3 จึงเข้าไปจอดรถจยย.ทิ้งไว้ที่นั่น ก่อนนั่งแท็กซี่เข้ามาซ่อนตัวอยู่ในศาลาริมทาง ใกล้กับบ่อตกปลาชื่อเรือนแพ ฟิชชิ่งปาร์ค ถนน ประชาร่วมใจ แขวงคู้คลองฝั่งเหนือ เขตหนองจอก
ส.ท.วัชระ ให้การต่อว่า หลังจากน.ส.สุวารี นั่งรถพา นายประสาทผู้ตายมาที่ศาลา ทั้งคู่ก็นั่งคุยกัน ก่อนที่ น.ส.สุวารีจะนวดให้นายประสาทอยู่นานประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้น น.ส.สุวารี ส่งสัญญาณให้ตนย่องไปข้างหลังแล้วใช้ไม้ตีนายประสาทหลายครั้งจนแน่นิ่งไป จากนั้น น.ส.สุวารี ออกไปดูต้นทางให้ ส่วนตนค่อยๆ ลากนายประสาทไปใส่ไว้ที่พื้นรถด้านหลังของรถเก๋งแล้วขับไปยังจุดที่เผารถ ในซอยแบนชะโด 3 โดยปล่อยให้ น.ส.สุวารี ลงจากรถไปก่อนที่หน้าปากซอย ส่วนตนก็ขี่รถ.จยย.ออกไปหาซื้อน้ำมันจากปั้มหลอดย่านนั้น แล้วกลับมารื้อค้นเอาทรัพย์สินในตัวผู้ตาย พร้อมเอาน้ำมันราดตัวผู้ตายและราดรถทั่วทั้งคันก่อนจะจุดไฟเผาทิ้ง
ส.ท.วัชระ ให้การต่อว่า หลังจากนั้นตนขับรถมารับ น.ส.สุวารี ขึ้นรถแล้วพากันไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มย่านถนนสุวินทวงศ์ โดย น.ส.สุวารี ให้ตนลงไปกดเงินจากตู้ ซึ่งตนกลัวว่ากล้องวงจรปิดจะจำใบหน้าได้ จึงสวมหมวกไหมพรมปิดหน้าไว้ จากนั้นกดเงินมาประมาณเกือบ 200,000 บาท โดย น.ส.สุวารี แบ่งเงินให้ตน 50,000 บาท ก่อนจะพากันไปเปิดโรงแรมนอนด้วยกันจนมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้ดังกล่าว
ภายหลังการแถลงข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุทุกจุด ท่ามกลางประชาชนที่ทราบข่าวมามุงดูพร้อมวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก ก่อนนำตัวกลับมาควบคุมไว้ที่ สน.นิมิตรใหม่ เพื่อดำเนินคดีต่อไป
โหดฆ่าเสี่ยเงินกู้เผาทั้งรถหมกทิ้งกลางป่า