การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผบก.-สว. ที่"บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการผบ.ตร. มีคำสั่งลงไปถึงกองบัญชาการต่างๆ ให้จัดทำบัญชีรายชื่อนายนตำรวจที่จะได้รับการแต่งตั้งและโยกย้าย ให้เสร็จสิ้นและให้มีคำสั่งแต่งตั้งพร้อมกันทุกหน่วยในวันที่ 22 ม.ค.2553 โดยให้คำสั่งแต่งตั้งมีผลบังคับใช้พร้อมกันในวันที่ 16 ก.พ.นี้นั้น ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าการแต่งตั้งโยกย้ายในทุกระดับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย่อมหนีไม่พ้น"ตั๋ว" อันเป็นตัวเบิกทางให้ได้รู้กันว่า ใคร เป็นเด็กใคร และในระหว่างนั้น เจ้าของตั๋ว เรืองอำนาจขนาดไหน บางครั้งถึงขั้นชื่อหลุดหน้าห้องการพิจารณาก็มี ทั้งที่ชื่อมาอันดับหนึ่งตั้งแต่อยู่ในมุ้งแล้วเสียด้วยซ้ำ
การแต่งตั้งบัญชีรายชื่อระดับรองผบก.-สว.ในครั้งนี้ ก็เช่นกัน ย่อมต้องเลี่ยงไม่พ้น "ตั๋ว" สุดแต่ว่า "ตั๋ว"ใครจะใหญ่และมีเพาเวอร์มากกว่ากันเท่านั้น ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ต้องยอมรับว่า นายตำรวจสายพรรคประชาธิปัตย์ ดูจะมีราศีดีกว่าเพื่อน เพราะผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลรับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี แม่บ้านและผู้จัดการรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์นั่นเอง
ที่ต้องหยิบยกเรื่องนี้ มาเล่าสู่กันฟัง ก็เพราะว่า การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผบก.-สว. ที่เรียกกันว่า"โผเล็ก"ในครั้งนี้ หลายคนอาจจะมองข้ามไปว่า "โผเล็ก"นั่นไม่สลักสำคัญอะไร แต่หารู้ไม่ว่า "โผเล็ก"นี่แหละ คือ"ขุมเงิน-ขุมทอง"ทีเดียว โดยมีเรื่อง"วงใน" มาเล่าสู่กันฟังว่า การจัดทำบัญชี"โผเล็ก"ในครั้งนี้ มี"คีย์แมน"คนสำคัญ เป็นคนจัดการ เหมือนเมื่อครั้งยุคสมัยของพล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ เป็นผบ.ตร.ที่ไว้เนื้อเชื่อใจใช้บริการ"อีจ๋อย" จนสุดท้ายถูกดึงและดองมาจนถึงการแต่งตั้งในครั้งนี้
"คีย์แมน"คนสำคัญที่ว่า กลับไม่ใช่"กำนันเทพ"คนดัง ตามที่หลายคนคาดการณ์กัน แต่กลับเป็น"ไอ้คึก" มารับบทบาทหน้าที่ในการจัดการ"ขุมเงิน-ขุมทอง" จัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้แทน โดย"ไอ้คึก"ได้ใช้ความเด็ดขาด จัดการตัด"ตั๋ว"สายต่างๆออกอย่างไม่มีเยื่อใย คงไว้เพียง"ตั๋ว" ที่มาจาก 2 สายเท่านั้น นั่นคือ 1.ตั๋วที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ ของนายสุเทพโดยตรง และ2.ตั๋วที่มาจาก"บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.โดยตรงเพียง 2 สายเท่านั้น "ตั๋วนอกนั้นรับประทาน"แห้ว"กันไปเต็มๆ
"ไอ้คึก"คนที่ว่า ก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล ซึ่งต้องหนีไม่พ้นคนใกล้ชิดและสนิทสนมกับนายสุเทพพอสมควร ทั้งนี้ จะเห็นหน้าค่าตา"ไอ้คึก"ได้จาก"จอแก้ว"อยู่บ่อยครั้ง เพราะต้องมาออกจอแก้วตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา เรื่อง"โผเล็ก"เสร็จ"ไอ้คึก"นี้ ไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้น ในอดีตสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เรืองอำนาจ ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว โดย"โผเล็ก"ในครั้งนั้น "ไอ้หงอก"เป็นคนจัดการจนเรียบร้อยโรงเรียนทักษิณไปแล้ว ส่วน"ไอ้คึก"จะยอมเปิดตัวเปิดใจหรือไม่ ไว้รอลุ้นกัน แต่รับรอง...หาตัวได้ไม่ยาก
เสร็จเรื่อง"โผเล็ก" ให้อดคิดถึง"โผใหญ่"ไม่ได้ ก็ตำแหน่งผบ.ตร. ที่ว่างค้างข้ามปีมานาน ข่าวจาก"วงใน"รายงานมาว่า ณ นาทีนี้ ไม่ต้องพึ่งหมอฟันธงกับหมอคอนเฟิร์มก็เชื่อขนมกินได้เลยว่า พล.ต.อ.ปทีป ไม่มีวันได้สำผัสเก้าอี้ผบ.ตร.เต็มตัวแต่เพียงผู้เดียวแน่นอน เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องการคาดเดา แต่มีเหตุและปัจจัยเป็นตัวบ่งชี้ เพราะตั้งแต่พล.ต.อ.ปทีป นั่งรักษาการผบ.ตร.มา ไม่เคยได้แสดงศักยภาพในความเป็น"ผู้นำ"ให้ได้เห็น โดยเฉพาะต้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานก.ต.ช.ที่มีอำนาจเสนอชื่อผบ.ตร.เห็น แต่พล.ต.อ.ปทีป กลับไม่แสดงภาวะความเป็นผู้นำให้นายกรัฐมนตรีเห็นแม้แต่น้อย กลับเล่นบท"ลอยตัว" นั่นก็ไม่ นี่ก็ไม่ เรียกว่า เซฟตัวเองอย่างเดียว เซฟจนไม่มีผลงานให้ปรากฏ
เหตุและปัจจัยสำคัญ ที่เพิ่งผ่านไปสดๆร้อนๆก็คือ การที่ก.ตร. มีมติรับอุทธรณ์คดีของ 3 นายพลตำรวจ (พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผบช.ภ.4 และพล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ อดีตผบก.อุดรธานี) ซึ่งการลงมติในเรื่องนี้ พล.ต.อ.ปทีปก็เล่นบทลอยตัวเซฟตัวเองอีก ด้วยการงดออกเสียงเอาดื้อๆ ทำให้ก.ตร.มีมติส่งเรื่องดังกล่าวไปให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา เหมือนโยนเผือกร้อนใส่นายกฯอย่างไรอย่างนั้น ทั้งที่ในก.ตร. ในฐานะรรท.ผบ.ตร. ก็มีเพาเวอร์ไม่แพ้คนที่นั่งเป็นประธานก.ตร.เช่นเดียวกัน
แม้ก่อนหน้านี้ จะมีข่าวค่อนข้างเชื่อถือได้ออกมาระบุว่า ทั้งพล.ต.อ.ปทีป และพล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย แคนดิเดทผบ.ตร. จะใช้วิธี นั่งรักษาการในตำแหน่งผบ.ตร.กันคนละครึ่ง แต่เมื่อมาถึงนาทีนี้ ด้วยเหตุและปัจจัยดังกล่าว ก็สามารถคาดการณ์ได้เลยว่า อีกไม่กี่เดือนจากนี้ไป พล.ต.อ.จุมพล จะได้นั่งเก้าอี้ผบ.ตร.ตัวจริงเสียงจริงก่อนเกษียณอายุราชการลงแน่นอน เพราะตัวพล.ต.อ.จุมพล มีทั้งเหตุและปัจจัยที่ไม่สามารถนั่งเก้าอี้รักษาการได้จริงๆ ต้องเก้าอี้ผบ.ตร.เท่านั้น !