อธิบดีดีเอสไอ มอบหมาย “ณรัชต์” เป็นหัวหน้าทีมประสาน สตช.เพื่อเดินทางไป สนง.ตำรวจสากล ฝรั่งเศส ภายใน ม.ค.นี้ เพื่อขอความร่วมมือผลักดันหมายจับ “อาบู อาลี” เอี่ยวฆ่านักการทูตซาอุฯ เป็นผู้ร้ายตำรวจสากล ตามลากตัวมาลงโทษก่อนคดีหมดอายุความ 1 ก.พ. พร้อมเร่งตามสืบเพชรซาอุฯ ส่งคืน
วันนี้ (13 ม.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอและโฆษกดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีความคืบหน้าของอีก 2 คดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทางการซาอุฯ กำลังเร่งติดตาม เพราะจะมีผลต่อการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คือ คดีฆ่านักการทูต 3 คน เมื่อปี 2533 และคดีโจรกรรมเพชรซาอุฯ ว่า ในส่วนของคดีฆ่านักการทูต 3 คน หลังจากที่ดีเอสไอสรุปสำนวนการสอบสวนส่งอัยการ และอัยการมีความเห็นให้ดีเอสไอออกหมายจับนายอาบู อาลี ชาวอาหรับ เพื่อส่งฟ้องศาล แต่เนื่องจากเป็นคดีที่เกิดขึ้นนานเกือบ 20 ปี จึงมีเพียงภาพสเกตซ์ตามที่ตำรวจเคยสเกตซ์ไว้
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้จึงยังไม่สามารถติดตามตัวผู้ต้องหาตามหมายจับมาได้ ซึ่งนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ได้มีคำสั่งมอบหมายให้จัดชุดโดยมีตนเป็นหัวหน้าคณะ เพื่อประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อเดินทางไปสำนักงานอินเตอร์โพล หรือตำรวจสากล ที่กรุงริยอง ประเทศฝรั่งเศส ภายในเดือน ม.ค.นี้ เพื่อขอความร่วมมือให้ผลักดันหมายจับนายอาบู อาลี เข้าสู่หมายจับบุคคลที่ต้องการตัวของตำรวจสากล ซึ่งมีประเทศสมาชิกจำนวนมากกว่า 190 ประเทศ เพื่อติดตามตัวมาให้ได้ก่อนคดีหมดอายุความในวันที่ 1 ก.พ. นี้ ตามกฎหมายไทย อย่างไรก็ตาม ทางซาอุฯ เห็นว่ากรณีฆ่านักการทูตควรยึดตามสนธิสัญญา หรือกฎหมายระหว่างประเทศ ที่คดีไม่ควรมีอายุความ ดังนั้น ดีเอสไอจึงพยายามเร่งติดตามอย่างเต็มที่
“สำหรับคดีโจรกรรมเพชรซาอุฯ ที่เพิ่งรับโอนเป็นคดีพิเศษ ล่าสุด ขอบข่ายการทำงานของดีเอสไอ จะค้นหาเพชรซาอุฯ ยังไม่ได้คืนและหาผู้ครอบครองเพชร ซึ่งจะมีความผิดฐานรับของโจร ขณะนี้คดีมีเบาะแส แต่ยังคืบหน้าไม่มาก รวมทั้งเนื่องจากคดีเกิดขึ้นนานแล้ว จึงอาจมีการนำเพชรไปแปรสภาพหรือเปลี่ยนตำหนิรูปพรรณของเพชร ทำให้ยากต่อการติดตาม และจากการประสานกับซาอุฯ มาตลอด ทางประเทศซาอุฯ เห็นว่าได้ถูกละเมิดจากกรณีที่คนซาอุฯ ถูกฆ่าและทรัพย์สินถูกขโมย จึงต้องการความยุติธรรมและทรัพย์สินคืน” พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าว