หนุ่มเมืองกาญจน์ยกพวกปล้นบ้านในสุพรรณฯ แต่เพื่อนโดนจับหมด เจ้าตัวเลยหนีเข้ากรุงมาทำงานในบริษัทผลิตเครื่องจักรกลย่านสุขุมวิท แต่ยังไม่ทิ้งสันดานโจร เพราะแอบฉกทรัพย์สินเพื่อนร่วมงานอยู่เรื่อย จนเพื่อนทนไม่ไหวต้องแจ้งตำรวจับ
เมื่อเวลา 15.50 น. วานนี้ (17 ธ.ค.) พ.ต.อ.พงษ์สยาม มีขันทอง ผกก.สน.พระโขนง พร้อมด้วย พ.ต.ท.ไกรสีห์ สุวรรณงาม สว.สส. และ ร.ต.ท.ธีรยุทธ คชคง รอง สว.สส.นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายวัฒนา หรือแบงก์ ศรีอุ่นเรือน อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 หมู่ 11 ต.หนองปลิง อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสุพรรณบุรี เลขที่ จ.152/2552 ลงวันที่ 6 พ.ค.52 ในข้อหาปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธและร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยจับกุมตัวได้ที่บริษัทผลิตเครื่องจักรกลแห่งหนึ่งในซอยสุขุมวิท 62 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม.
พ.ต.อ.พงษ์สยาม เปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากการที่มีกลุ่มพนักงานในบริษัทผลิตเครื่องจักรกลแห่งหนึ่งในซอยสุขุมวิท 62 เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พระโขนง ว่าหลังจากนายวัฒนาเข้ามาทำงานเป็นลูกจ้างได้ไม่นาน ทรัพย์สินในบริษัทก็สูญหายไปหลายรายการ เจ้าหน้าที่จึงวางแผนเฝ้าติดตามพฤติกรรมนายวัฒนาอยู่ห่างๆ และตรวจพบข้อมูลประวัติอาชญากรพบว่า นายวัฒนาหนีหมายจับคดีอุกฉกรรจ์ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี เข้ามาทำงานในบริษัทแห่งนี้ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานก่อนนำกำลังเข้าจับกุมและเชิญตัวมาสอบสวนที่ สน.พระโขนง
จากการสอบสวนนายวัฒนาให้การว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยไปอาศัยอยู่กับคนรู้จักที่ จ.สุพรรณบุรี จนกระทั่งได้รู้จักสนิทสนมกับเพื่อนกลุ่มหนึ่งประกอบด้วยนายตั้ม อายุ 25 ปี นายอ่ำ อายุ 21 ปี และ ด.ช.อาร์ท (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ต่อมาในวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 02.15 น.พวกตนทั้ง 4 คนก็ชวนกันไปปล้นทรัพย์บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 1 อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี โดยใช้รถจักรยานยนต์ 2 คัน บุกเข้าไปใช้ปืนจ่อบังคับให้เจ้าของบ้านผู้เสียหาย ก่อนที่พวกตนจะช่วยกันขนทรัพย์สินประกอบด้วย เครื่องเสียง เครื่องดีวีดี โทรศัพท์มือถือ และเงินสดอีกจำนวนหนึ่งหลบหนีออกมา
นายวัฒนาให้การต่อว่า หลังจากนั้นตนก็เอาทรัพย์สินที่ปล้นมาไปขายให้กับพ่อค้ารับซื้อของเก่าในย่านนั้น โดยตนไม่ได้เอาเงินส่วนแบ่งแต่อย่างใด ซึ่งหลังก่อเหตุไม่กี่วันเพื่อนๆ ในแก๊งอีก 3 คนก็ถูกตำรวจตามจับกุมตัวไว้ได้ทั้งหมด ตนจึงต้องหนีไปกบดานตามสถานที่ต่างๆ ก่อนตัดสินใจมาสมัครงานใน กทม.จนถูกตำรวจตามรวบตัววันนี้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของนายวัฒนามากนัก เนื่องจากมีผู้เสียหายหลายรายซึ่งเป็นพนักงานอยู่ในบริษัทเดียวกันให้การยืนยันว่า ทรัพย์สินเล็กๆ น้อยๆ มักสูญหายไปในระหว่างที่นายวัฒนามาปรากฏตัวที่บริษัทอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ที่เกิดเหตุเดินทางมารับตัวไปดำเนินคดี และหากมีผู้เสียหายรายใดสงสัยว่าเคยถูกผู้ต้องหารายนี้ก่อเหตุลักเอาทรัพย์สินไป ขอให้เดินทางมาตรวจสอบประวัติและดูภาพถ่ายของนายวัฒนาเพื่อทำเรื่องอายัดตัวได้ที่ สน.พระโขนง
เมื่อเวลา 15.50 น. วานนี้ (17 ธ.ค.) พ.ต.อ.พงษ์สยาม มีขันทอง ผกก.สน.พระโขนง พร้อมด้วย พ.ต.ท.ไกรสีห์ สุวรรณงาม สว.สส. และ ร.ต.ท.ธีรยุทธ คชคง รอง สว.สส.นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายวัฒนา หรือแบงก์ ศรีอุ่นเรือน อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 หมู่ 11 ต.หนองปลิง อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสุพรรณบุรี เลขที่ จ.152/2552 ลงวันที่ 6 พ.ค.52 ในข้อหาปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธและร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยจับกุมตัวได้ที่บริษัทผลิตเครื่องจักรกลแห่งหนึ่งในซอยสุขุมวิท 62 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม.
พ.ต.อ.พงษ์สยาม เปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากการที่มีกลุ่มพนักงานในบริษัทผลิตเครื่องจักรกลแห่งหนึ่งในซอยสุขุมวิท 62 เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พระโขนง ว่าหลังจากนายวัฒนาเข้ามาทำงานเป็นลูกจ้างได้ไม่นาน ทรัพย์สินในบริษัทก็สูญหายไปหลายรายการ เจ้าหน้าที่จึงวางแผนเฝ้าติดตามพฤติกรรมนายวัฒนาอยู่ห่างๆ และตรวจพบข้อมูลประวัติอาชญากรพบว่า นายวัฒนาหนีหมายจับคดีอุกฉกรรจ์ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี เข้ามาทำงานในบริษัทแห่งนี้ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานก่อนนำกำลังเข้าจับกุมและเชิญตัวมาสอบสวนที่ สน.พระโขนง
จากการสอบสวนนายวัฒนาให้การว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยไปอาศัยอยู่กับคนรู้จักที่ จ.สุพรรณบุรี จนกระทั่งได้รู้จักสนิทสนมกับเพื่อนกลุ่มหนึ่งประกอบด้วยนายตั้ม อายุ 25 ปี นายอ่ำ อายุ 21 ปี และ ด.ช.อาร์ท (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ต่อมาในวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 02.15 น.พวกตนทั้ง 4 คนก็ชวนกันไปปล้นทรัพย์บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 1 อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี โดยใช้รถจักรยานยนต์ 2 คัน บุกเข้าไปใช้ปืนจ่อบังคับให้เจ้าของบ้านผู้เสียหาย ก่อนที่พวกตนจะช่วยกันขนทรัพย์สินประกอบด้วย เครื่องเสียง เครื่องดีวีดี โทรศัพท์มือถือ และเงินสดอีกจำนวนหนึ่งหลบหนีออกมา
นายวัฒนาให้การต่อว่า หลังจากนั้นตนก็เอาทรัพย์สินที่ปล้นมาไปขายให้กับพ่อค้ารับซื้อของเก่าในย่านนั้น โดยตนไม่ได้เอาเงินส่วนแบ่งแต่อย่างใด ซึ่งหลังก่อเหตุไม่กี่วันเพื่อนๆ ในแก๊งอีก 3 คนก็ถูกตำรวจตามจับกุมตัวไว้ได้ทั้งหมด ตนจึงต้องหนีไปกบดานตามสถานที่ต่างๆ ก่อนตัดสินใจมาสมัครงานใน กทม.จนถูกตำรวจตามรวบตัววันนี้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของนายวัฒนามากนัก เนื่องจากมีผู้เสียหายหลายรายซึ่งเป็นพนักงานอยู่ในบริษัทเดียวกันให้การยืนยันว่า ทรัพย์สินเล็กๆ น้อยๆ มักสูญหายไปในระหว่างที่นายวัฒนามาปรากฏตัวที่บริษัทอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ที่เกิดเหตุเดินทางมารับตัวไปดำเนินคดี และหากมีผู้เสียหายรายใดสงสัยว่าเคยถูกผู้ต้องหารายนี้ก่อเหตุลักเอาทรัพย์สินไป ขอให้เดินทางมาตรวจสอบประวัติและดูภาพถ่ายของนายวัฒนาเพื่อทำเรื่องอายัดตัวได้ที่ สน.พระโขนง
