อาแค้นหลานอุตส่าห์นำบ้านจำนองแบงก์ได้เงินร่วมทุนธุรกิจส่งออกดอกไม้ประดิษฐ์ กว่า 5 แสน แถมให้เงินสดอีก 5.7 แสน รวมเบ็ดเสร็จกว่าล้าน แต่พอขอแจมมีส่วนร่วมบริหารงานด้วยกลับถูกปฏิเสธ เลยนัดเคลียร์ใจแต่ตกลงกันไม่ได้โมโหชัก 9 มม. ขู่เจ้าหลานชายท้าให้ยิง ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ลั่นไกโดนท้องบาดเจ็บ
วันนี้ (7 ธ.ค.) เมื่อเวลา 12.20 น. ขณะที่ พ.ต.ท.ธนวัฒน์ พูลสวัสดิ์ สวป.สน.พระโขนง ร.ต.ท.ก้องภพ เพ็ชรนิล รอง สวป.สน.พระโขนง กำลังออกปฏิบัติหน้าที่ตรวจตราพื้นที่ ได้รับแจ้งว่ามีเหตุชายถูกยิงได้รับบาดเจ็บภายในบ้านเลขที่ 43 ซอยประวิทย์และเพื่อน 2 แขวงบางจาก เขตพระโขนง จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจเดินทางไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงบ้านหลังดังกล่าวพบเพียงกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บทราบว่าถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายกิตติศักดิ์ โตวิโรจน์กุล อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53/24 หมู่ 10 แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.เข้าที่บริเวณท้องด้านซ้าย 1 นัด ขณะเดียวกัน พบนายชาญชัย วงศาเจริญสุข อายุ 56 ปี เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวซึ่งเป็นอาแท้ๆ ของผู้บาดเจ็บยืนถือปืนแบบกึ่งออโตเมติกขนาด 9 มม.รอมอบตัวอยู่
เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวนายชาญชัยมาสอบสวนที่ สน.พระโขนง โดยมี พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผบก.น.5 พ.ต.อ.วราวุธ ทวีชัยการ รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.พงษ์สยาม มีขันทอง ผกก.สน.พระโขนง พ.ต.ท.ปัญญาศักดิ์ ปริญญานุสรณ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.สุนทร บุญปรีดา สว.สส. ร่วมทำการสอบปากคำ
จากการสอบสวนนายชาญชัยให้การรับสารภาพว่าเป็นคนยิงนายกิตติศักดิ์ หลานชายด้วยตัวเอง สาเหตุจากความขัดแย้งเรื่องธุรกิจ โดยเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา นายกิตติศักดิ์ซึ่งเป็นลูกของพี่ชายคนโตได้เข้ามาชวนตนร่วมลงทุนทำธุรกิจส่งออกดอกไม้ประดิษฐ์ไปขายต่างประเทศทางเว็บไซต์ โดยตนได้ให้เงินสดประมาณ 570,000 บาท และเอาบ้านหลังที่เกิดเหตุของตนไปจำนองเพื่อกู้เงินจากธนาคารอีก 500,000 บาท ให้หลานชายไป
นายชาญชัยให้การต่อว่า หลังจากนั้นหลานชายตนดำเนินการทำเว็บไซต์ และเตรียมจะเปิดตัวธุรกิจในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว ตนได้บอกหลานชายว่าจะขอเข้าไปมีส่วนร่วมบริหารงานด้วย แต่หลานชายกลับมาบอกว่าไม่ต้องยุ่ง หากตนเข้ายุ่ง หลานชายจะไม่ทำธุรกิจตัวนี้อีกต่อไป ซึ่งตนไม่ยอม เพราะเห็นว่าเงินที่ลงทุนไปทั้งหมดเป็นของตน อีกทั้งหากธุรกิจมีปัญหาขาดทุนไม่มีเงินไปใช้คืนธนาคารบ้านของตนอาจจะถูกยึดได้ วันนี้จึงนัดหลานชายมาคุยกันที่บ้านเพื่อเคลียร์ปัญหากัน
“ก่อนที่เขาจะเข้ามาคุยที่บ้าน ผมก็เตรียมปืนใส่กระสุนไว้นัดเดียว เอาไว้ขู่เผื่อเวลามีเรื่องกัน เพราะเขาเป็นคนตัวใหญ่หนักร้อยกว่ากิโลฯ อีกทั้งยังเคยมีประวัติชอบใช้ความรุนแรงด้วย พอมาถึงก็นั่งคุยกันแต่ก็ตกลงกันไม่ได้ ด้วยความโมโหผมก็เลยเอาปืนมาขู่เขา แต่เขาก็ท้าให้ยิง ก็เลยยิงใส่ไป ซึ่งตอนแรกตั้งใจจะยิงขาแต่ปืนสะบัดเลยไปโดนท้อง” นายชาญชัยให้การ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายชาญชัยไปตรวจเขม่าดินปืน พร้อมทั้งแจ้งข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีตามฎหมายต่อไป
วันนี้ (7 ธ.ค.) เมื่อเวลา 12.20 น. ขณะที่ พ.ต.ท.ธนวัฒน์ พูลสวัสดิ์ สวป.สน.พระโขนง ร.ต.ท.ก้องภพ เพ็ชรนิล รอง สวป.สน.พระโขนง กำลังออกปฏิบัติหน้าที่ตรวจตราพื้นที่ ได้รับแจ้งว่ามีเหตุชายถูกยิงได้รับบาดเจ็บภายในบ้านเลขที่ 43 ซอยประวิทย์และเพื่อน 2 แขวงบางจาก เขตพระโขนง จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจเดินทางไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงบ้านหลังดังกล่าวพบเพียงกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บทราบว่าถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายกิตติศักดิ์ โตวิโรจน์กุล อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53/24 หมู่ 10 แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.เข้าที่บริเวณท้องด้านซ้าย 1 นัด ขณะเดียวกัน พบนายชาญชัย วงศาเจริญสุข อายุ 56 ปี เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวซึ่งเป็นอาแท้ๆ ของผู้บาดเจ็บยืนถือปืนแบบกึ่งออโตเมติกขนาด 9 มม.รอมอบตัวอยู่
เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวนายชาญชัยมาสอบสวนที่ สน.พระโขนง โดยมี พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผบก.น.5 พ.ต.อ.วราวุธ ทวีชัยการ รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.พงษ์สยาม มีขันทอง ผกก.สน.พระโขนง พ.ต.ท.ปัญญาศักดิ์ ปริญญานุสรณ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.สุนทร บุญปรีดา สว.สส. ร่วมทำการสอบปากคำ
จากการสอบสวนนายชาญชัยให้การรับสารภาพว่าเป็นคนยิงนายกิตติศักดิ์ หลานชายด้วยตัวเอง สาเหตุจากความขัดแย้งเรื่องธุรกิจ โดยเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา นายกิตติศักดิ์ซึ่งเป็นลูกของพี่ชายคนโตได้เข้ามาชวนตนร่วมลงทุนทำธุรกิจส่งออกดอกไม้ประดิษฐ์ไปขายต่างประเทศทางเว็บไซต์ โดยตนได้ให้เงินสดประมาณ 570,000 บาท และเอาบ้านหลังที่เกิดเหตุของตนไปจำนองเพื่อกู้เงินจากธนาคารอีก 500,000 บาท ให้หลานชายไป
นายชาญชัยให้การต่อว่า หลังจากนั้นหลานชายตนดำเนินการทำเว็บไซต์ และเตรียมจะเปิดตัวธุรกิจในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว ตนได้บอกหลานชายว่าจะขอเข้าไปมีส่วนร่วมบริหารงานด้วย แต่หลานชายกลับมาบอกว่าไม่ต้องยุ่ง หากตนเข้ายุ่ง หลานชายจะไม่ทำธุรกิจตัวนี้อีกต่อไป ซึ่งตนไม่ยอม เพราะเห็นว่าเงินที่ลงทุนไปทั้งหมดเป็นของตน อีกทั้งหากธุรกิจมีปัญหาขาดทุนไม่มีเงินไปใช้คืนธนาคารบ้านของตนอาจจะถูกยึดได้ วันนี้จึงนัดหลานชายมาคุยกันที่บ้านเพื่อเคลียร์ปัญหากัน
“ก่อนที่เขาจะเข้ามาคุยที่บ้าน ผมก็เตรียมปืนใส่กระสุนไว้นัดเดียว เอาไว้ขู่เผื่อเวลามีเรื่องกัน เพราะเขาเป็นคนตัวใหญ่หนักร้อยกว่ากิโลฯ อีกทั้งยังเคยมีประวัติชอบใช้ความรุนแรงด้วย พอมาถึงก็นั่งคุยกันแต่ก็ตกลงกันไม่ได้ ด้วยความโมโหผมก็เลยเอาปืนมาขู่เขา แต่เขาก็ท้าให้ยิง ก็เลยยิงใส่ไป ซึ่งตอนแรกตั้งใจจะยิงขาแต่ปืนสะบัดเลยไปโดนท้อง” นายชาญชัยให้การ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายชาญชัยไปตรวจเขม่าดินปืน พร้อมทั้งแจ้งข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีตามฎหมายต่อไป