เผยก่อนประธานไพร์มเนเจอร์ “สุนัทที เนื่องจำนงค์” ถูกยิงตาย มีโทรศัพท์คอยบอกเป้าหมายเหยื่อตั้งแต่ขับรถออกจากชลบุรีเข้าบ้านพัก และออกจากบ้านพักไปพบจุดจบ เชื่อเป็นคนในที่รู้ความเคลื่อนไหวของเหยื่อทุกฝีก้าวเป็นอย่างดี ขณะที่ตำรวจหลายหน่วยลงพื้นที่จำลองเหตุการณ์เหยื่อถูกคนร้ายสังหารอีกหลายครั้งเพื่อหาพยานหลักฐานต่างๆ ส่วน ผกก.สน.อุมดมสุข วิญญาณนักสืบเก่าเข้าสิง มอบงานบนโรงพักให้รอง ผกก.ดูแล ตัวเองลงลุยคดี 24 ชม.
วันนี้ (4 ธ.ค.) เมื่อเวลา 12.20 น.ที่ปากบริเวณปากซอยสุขาภิบาล 2 ซอย 16 แขวงและเขตประเวศ กทม. สถานที่คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงสังหารนางสุนัทที เนื่องจำนงค์ ประธานกรรมการบริหารไพร์มเนเจอร์กรุ๊ป จนเสียชีวิต พ.ต.ต.จารุวัตร พาหุมันโต สว.กก.1 บก.ป.ได้นำเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจกองปราบปรามเดินทางมายังจุดเกิดเหตุบริเวณปากซอยสุขาภิบาล 2 ซอย 11 เพื่อหลักฐานเพิ่มเติม และจำลองเหตุการณ์อีกครั้ง แต่เมื่อพบว่ามีผู้สื่อข่าวมาเฝ้ารอทำข่าวอยู่ก่อนแล้ว จึงรีบนำกำลังขึ้นรถกลับไปโดยไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลใดๆ
อย่างไรก็ตาม หลังจากเจ้าหน้าที่กองปราบปรามเดินทางกลับไปประมาณ 2 ชั่วโมง ได้มีเจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวน บช.น.เดินทางมาตรวจสอบในที่เกิดเหตุ และเรียกตัวคนงานก่อสร้างสอบปากคำอีก โดยนายตำรวจหัวหน้าชุดเปิดเผยเพียงว่า มาตามคำสั่งของ พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รรท.ที่ปรึกษา (สบ 10) ผู้ควบคุมคดีนี้เท่านั้น
หลังจากนั้นเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่จาก กก.สืบสวน บก.น.4 ประมาณ 10 นาย ได้เดินทางมาจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง โดยเริ่มตั้งแต่นางสุนัททีขับรถออกจากหมู่บ้านไพร์มเนเจอร์ วิลล่า ในเวลา 16.58 น. ระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ไปจนถึงหน้าปากซอยสุขาภิบาล 2 ซอย 11 จุดเกิดเหตุ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 นาทีเศษ
ทั้งนี้ ระหว่างทางที่นางสุนัททีขับรถผ่านไปนั้น เจ้าหน้าที่ก็ได้จำลองเหตุกาณ์ว่ามีคนร้ายดักซุ่มอยู่บริเวณใต้ต้นไม้ที่มีการผู กเปลนอนไว้ เมื่อนางสุนัททีขับรถผ่านจุดดังกล่าว คนร้ายที่ดักซุ่มอยู่ก็โทรศัพท์ไปแจ้งมือปืนที่ดักรออยู่บริเวณเสาไฟฟ้าหน้าปากซอย พร้อมทั้งขี่รถจักรยานยนต์ขับตามไปอย่างช้าๆ เมื่อรถของนางสุนัททีจอดชะลออยู่บริเวณปากซอย มือปืนก็ออกจากจุดที่ซ่อนมากระหน่ำยิงใส่จำนวน 3 นัด ก่อนที่จะขึ้นรถจักรยานยนต์ของคนร้ายที่ขับตามมาเลี้ยวขวาออกจากจุดเกิดเหตุหลบหนีไป
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนเกิดเหตุนางสุนัททีได้เดินทางไปที่ จ.ชลบุรี นานถึง 3 วัน ก่อนจะเดินทางกลับมาที่หมู่บ้านไพร์มเนเจอร์ วิลล่า และขับรถกลับออกมาจากหมู่บ้านจนมาถูกยิงเสียชีวิตดังกล่าวนั้น เจ้าหน้าที่คาดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะต้องมีคนรู้ความเคลื่อนไหวของนางสุนัททีเป็นอย่างดี คอยรายงานให้มือปืนทราบเป็นระยะว่านางสุนัททีกำลังจะเดินทางออกจากหมู่บ้าน เพราะปกตินางสุนัททีจะเข้าไปในหมู่บ้านไม่เป็นเวลาอยู่แล้ว จึงยากแก่การคาดเดาของคนร้ายว่านางสุนัททีจะเข้าหรืออกหมู่บ้านในเวลาเท่าใด หากมีคนคอยรายงานน่าจะง่ายกว่าการสังเกตการณ์อย่างเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของเงินที่รั่วไหลจากตลาดซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวเนื่องจำงนงค์นั้น ก่อนหน้านี้บิดาของ พล.ต.ต.ปิยะชาติ ได้ดูแลอยู่แล้ว แต่หลังจากนั้นจึงได้ให้บุตรบุญธรรมดูแลแทน เนื่องจากดูแลเองไม่ไหว ซึ่งปกติจะเก็บค่าเช่าแผงรายละ 300 บาท แต่หลังจากบุตรบุญธรรมของบิดา พล.ต.ต.ปิยะชาติ เข้ามาดูแล กลับเก็บค่าเช่าแผงเพิ่มเป็นแผงละ 1,500-2,000 บาท แต่กลับนำเงินเข้าบัญชีของตลาดเพียงแผงละ 300 บาท ส่วนที่เหลือคาดว่าน่าจะเก็บเข้าบัญชีตนเอง จนทางกลุ่มผู้ค้าเกิดทนไม่ไหว เข้าร้องเรียนกับบิดาของ พล.ต.ต.ปิยะชาติ เพื่อให้เข้ามาจัดการ บิดา ของ พล.ต.ต.ปิยะชาติ จึงให้ พล.ต.ต.ปิยะชาติ เป็นคนดูแล
ต่อมา พล.ต.ต.ปิยะชาติ จึงให้ผู้ตายดูแลต่ออีกทอดหนึ่ง จากนั้นผู้ตายจึงได้เข้าไปเจรจากับกลุ่มผู้ค้าพร้อมทั้งเปลี่ยนคณะบริหารตลาดทั้งชุด และเก็บเงินค่าเช่าแผงรายละ 300 บาทเท่าเดิม และโอนเงินส่วนดังกล่าวเข้าบัญชีของตลาดโดยตรง โดยที่ไม่ผ่านบัญชีของตัวเอง คาดว่าสาเหตุดังกล่าวน่าจะทำให้เกิดความไม่พอใจกับคณะบริหารเดิม เนื่องจากเสียผลประโยชน์จากรายได้ของตลาด จึงได้เริ่มสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ผู้ตายและทางกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 09.30 น.วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณสถานที่เกิดเหตุมีผู้นำขวดน้ำส้มแฟนต้าใส่หลอดไปวางเซ่นไว้ตรงป้ายบอกทางเข้าซอยสุขาภิบาล 2 ซอย 16 แขวงและเขตประเวศ กทม.ที่หักหล่นลงมา หลังจากที่นางสุนัททีถูกมือปืนยิง และรถเสียหลักพุ่งเข้าชนป้ายจนเสียหายดังกล่าว
ขณะเดียวกัน เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปตรวจสอบในซอยสุขาภิบาล 2 ซอย 11 แยก 2 ซึ่งเป็นไซต์งานที่กำลังก่อสร้างร้านคาร์แคร์ และลานจอดรถ อีกหนึ่งธุรกิจที่นางสุนัททีกำลังจะดำเนินการบนเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ ติดกันกับร้านอาหาร “ครัวสามครก@ซอย 11” โดยจากการสอบถามกลุ่มคนงานให้ข้อมูลว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหลายหน่วยงานเดินทางย้อนกลับมาตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และพาตัวคนงานไปสอบปากคำทุกวัน โดยเชื่อว่าพยานปากสำคัญที่เห็นหน้าคนร้าย และถูกคนร้ายข่มขู่ด้วยสายตา ขณะกำลังซ้อนรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 100 สีเข้ม สภาพเก่าหลบหนีไปนั้นก็น่าจะเป็นคนงานก่อสร้างในไซต์งานแห่งนี้
ขณะเดียวกัน ที่ สน.อุดมสุข กลับเต็มไปด้วยความเงียบเหงา ส่วน พ.ต.อ.สรรค์หกิจ บำรุงสุขสวัสติ ผกก.สน.อุดมสุข นั้นไม่ได้อยู่ที่โรงพัก ซึ่งจากการสอบถาม พ.ต.ท.สุวิรัตน์ ทับทิมพรรณ์ รอง ผกก.สส.สน.อุดมสุข ได้ความว่า พ.ต.อ.สรรค์หกิจ ซึ่งเป็นนักสืบเก่าได้ทุ่มเทกำลังทำคดีนี้อย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง จึงมอบหมายงานทั่วไปให้ตนรับผิดชอบแทน ส่วนความคืบหน้าของคดีในเชิงลึกนั้น ไม่ทราบอะไรมากเพราะต้องอยู่ดูแลงานที่โรงพักแทนผู้กำกับ
พ.ต.ท.สุวิรัตน์ กล่าวด้วยว่า สำหรับแนวทางการติดตามตัวคนร้ายในคดีนี้ ได้ปฏิบัติไปตามที่ผู้บังคับบัญชาได้สั่งการมา คือ ให้ฝ่ายสืบสวน สน.อุดมสุข เก็บรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุให้มากที่สุด โดยมีตำรวจ กก.สส.บก.น.4 คอยช่วยหาหลักฐานเกี่ยวกับกล้องวงจรปิด ส่วนชุดเฉพาะกิจของ ตร.จะรับผิดชอบในเรื่องการตามล่าหาตัวมือปืน
