พิลึก! “เทพเทือก” แอบร่อนหนังสือเวียน “ด่วนที่สุด” ถึง ก.ตร.ของดเว้นกฎ 3 ปีเลื่อนชั้น “พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์” นั่งเก้าอี้รองผู้บัญชาการสอบสวนกลางตัวจริง หลัง ก.ตร.เพิ่งมีมติให้นั่งรักษาการไปหมาดๆ เอาใจการเมืองสีน้ำเงิน ด้าน ก.ตร.โวยผิดปกติ ยันไม่จำเป็นต้องยกเว้นกฎ
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้ทำหนังสือเวียนถึงคณะกรรมการ ก.ตร.เพื่อขอยกเว้นระเบียบของ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2549 ซึ่งกำหนดว่านายตำรวจระดับผู้บังคับการที่จะเลื่อนตำแหน่งเป็นระดับรองผู้บัญชาการจะต้องอยู่ในตำแหน่งเดิมเป็นเวลา 3 ปี เว้นแต่จะได้รับการยกเว้นระเบียบดังกล่าว เพื่อแต่งตั้ง พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บังคับกองปราบปราม ในฐานะรักษาการรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยได้ทำเป็นหนังสือด่วนที่สุด เพื่อให้กรรมการ ก.ตร.ได้มีความเห็นกลับมายังนายสุเทพ โดยไม่มีการเรียกประชุมคณะกรรมการ ก.ตร.เพื่อพิจารณาข้อยกเว้นดังกล่าว
แหล่งข่าวจาก ก.ตร.รายหนึ่ง เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือจากนายสุเทพจริง โดยหลังจากได้รับหนังสือแล้วได้มีเจ้าหน้าที่มาติดตามรับหนังสือกลับและได้ตอบกลับในทันที แต่ไม่เห็นด้วยกับหนังสือเวียนดังกล่าว เพราะถือว่าเป็นเรื่องไม่ปกติ การยกเว้นระเบียบข้อบังคตับของ ก.ตร.จะต้องมีการเรียกประชุมเพื่อจะได้ชี้แจงถึงเหตุผลความเหมาะสมและความจำเป็นในการแต่งตั้ง โดยมีคณะกรรมการ ก.ตร.ที่ไม่ได้เป็นข้าราชการหลายคนไม่เห็นด้วยกับหนังสือเวียนดังกล่าว แต่เชื่อว่าในระบบราชการยังมี ก.ตร.ที่อยู่ในตำแหน่งและส่วนใหญ่เป็นระดับรอง ผบ.ตร.เห็นด้วยกับหนังสือเวียน อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ตนยังไม่ทราบว่า ก.ตร.ได้ตอบรับทั้งหมดหรือไม่ เพราะเรื่องนี้ถือว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องมีการตั้งรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เคยมีการยกเว้นในการแต่งตั้งรอง ผบ.ตร.เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยในสำนักพระราชวัง ซึ่งมีความจำเป็นที่ต้องยกเว้นระเบียบ ก.ตร. แต่ตำแหน่งดังกล่าวตนยังไม่เห็นความจำเป็น และธรรมเนียบปฏิบัติที่ผ่านมายังไม่มีเคยมีการแต่งตั้งระดับผู้บังคับการที่ยังอยู่ไม่ครบตามกฎ ก.ตร. ขึ้นมาเป็นรองผู้บัญชาการสอบสวนกลางหาก ก.ตร.ส่วนใหญ่ให้ความเห็นด้วยก็จะถือเป็นครั้งแรกใน ก.ตร.ที่มีการกระทำในลักษณะนี้
ด้าน พล.ต.อ.พิชิต ควรเตชะคุปต์ กรรมการ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวว่า ได้รับหนังสือแล้วเช่นเดียวกัน แต่ยังยืนยันหลักการว่าจะไม่ร่วมพิจารณาเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายใดๆทั้งสิ้น ทั้งตนและ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เพราะเห็นว่าการแต่งตั้งโยกย้ายควรให้มี ผบ.ตร.คนใหม่แล้วเท่านั้น จึงไม่ขอแสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ เป็นหัวหน้าชุดเข้าบุกค้น 4 จุดในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล กรณีความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างรถมอเตอร์ไซด์ไทเกอร์ วงเงินกว่าพันล้านบาท ทั้งๆที่พ้นจากตำแหน่งผู้บังคับการกองปราบปรามไปรักษาการรองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง อีกทั้งยังไม่ได้รับการแบ่งงานให้รับผิดชอบงานในส่วนของกองปราบ แต่กลับนำกำลังของกองปราบออกไปปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว โดยไม่มีการรายงานต่อผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางในฐานะผู้บังคับบัญชา
นอกจากนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ เป็นนายตำรวจที่มีความใกลิชิดกับฝ่ายการเมืองสีน้ำเงิน โดยในการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ผ่านมามีความพยายามจะให้ยกเว้นกฎ 3 ปี เพื่อเลื่อนให้ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แต่ ก.ตร.ไม่เห็นด้วยทำให้ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ต้องอยู่ในตำแหน่งรักษาราชการรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางไปอีก 1 ปี ก่อนที่จะได้เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางตัวจริง จนกระทั่งนายสุเทพ พยายามอีกครั้งด้วยการทำหนังสือเวียนถึง ก.ตร.เพื่อยกเว้นกฎดังกล่าว ซึ่งหาก ก.ตร.ส่วนใหญ่เห็นด้วยก็จะส่งผลให้ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ได้นั่งในตำแหน่งดังกล่าวสมใจ
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้ทำหนังสือเวียนถึงคณะกรรมการ ก.ตร.เพื่อขอยกเว้นระเบียบของ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2549 ซึ่งกำหนดว่านายตำรวจระดับผู้บังคับการที่จะเลื่อนตำแหน่งเป็นระดับรองผู้บัญชาการจะต้องอยู่ในตำแหน่งเดิมเป็นเวลา 3 ปี เว้นแต่จะได้รับการยกเว้นระเบียบดังกล่าว เพื่อแต่งตั้ง พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บังคับกองปราบปราม ในฐานะรักษาการรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยได้ทำเป็นหนังสือด่วนที่สุด เพื่อให้กรรมการ ก.ตร.ได้มีความเห็นกลับมายังนายสุเทพ โดยไม่มีการเรียกประชุมคณะกรรมการ ก.ตร.เพื่อพิจารณาข้อยกเว้นดังกล่าว
แหล่งข่าวจาก ก.ตร.รายหนึ่ง เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือจากนายสุเทพจริง โดยหลังจากได้รับหนังสือแล้วได้มีเจ้าหน้าที่มาติดตามรับหนังสือกลับและได้ตอบกลับในทันที แต่ไม่เห็นด้วยกับหนังสือเวียนดังกล่าว เพราะถือว่าเป็นเรื่องไม่ปกติ การยกเว้นระเบียบข้อบังคตับของ ก.ตร.จะต้องมีการเรียกประชุมเพื่อจะได้ชี้แจงถึงเหตุผลความเหมาะสมและความจำเป็นในการแต่งตั้ง โดยมีคณะกรรมการ ก.ตร.ที่ไม่ได้เป็นข้าราชการหลายคนไม่เห็นด้วยกับหนังสือเวียนดังกล่าว แต่เชื่อว่าในระบบราชการยังมี ก.ตร.ที่อยู่ในตำแหน่งและส่วนใหญ่เป็นระดับรอง ผบ.ตร.เห็นด้วยกับหนังสือเวียน อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ตนยังไม่ทราบว่า ก.ตร.ได้ตอบรับทั้งหมดหรือไม่ เพราะเรื่องนี้ถือว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องมีการตั้งรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เคยมีการยกเว้นในการแต่งตั้งรอง ผบ.ตร.เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยในสำนักพระราชวัง ซึ่งมีความจำเป็นที่ต้องยกเว้นระเบียบ ก.ตร. แต่ตำแหน่งดังกล่าวตนยังไม่เห็นความจำเป็น และธรรมเนียบปฏิบัติที่ผ่านมายังไม่มีเคยมีการแต่งตั้งระดับผู้บังคับการที่ยังอยู่ไม่ครบตามกฎ ก.ตร. ขึ้นมาเป็นรองผู้บัญชาการสอบสวนกลางหาก ก.ตร.ส่วนใหญ่ให้ความเห็นด้วยก็จะถือเป็นครั้งแรกใน ก.ตร.ที่มีการกระทำในลักษณะนี้
ด้าน พล.ต.อ.พิชิต ควรเตชะคุปต์ กรรมการ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวว่า ได้รับหนังสือแล้วเช่นเดียวกัน แต่ยังยืนยันหลักการว่าจะไม่ร่วมพิจารณาเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายใดๆทั้งสิ้น ทั้งตนและ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เพราะเห็นว่าการแต่งตั้งโยกย้ายควรให้มี ผบ.ตร.คนใหม่แล้วเท่านั้น จึงไม่ขอแสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ เป็นหัวหน้าชุดเข้าบุกค้น 4 จุดในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล กรณีความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างรถมอเตอร์ไซด์ไทเกอร์ วงเงินกว่าพันล้านบาท ทั้งๆที่พ้นจากตำแหน่งผู้บังคับการกองปราบปรามไปรักษาการรองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง อีกทั้งยังไม่ได้รับการแบ่งงานให้รับผิดชอบงานในส่วนของกองปราบ แต่กลับนำกำลังของกองปราบออกไปปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว โดยไม่มีการรายงานต่อผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางในฐานะผู้บังคับบัญชา
นอกจากนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ เป็นนายตำรวจที่มีความใกลิชิดกับฝ่ายการเมืองสีน้ำเงิน โดยในการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ผ่านมามีความพยายามจะให้ยกเว้นกฎ 3 ปี เพื่อเลื่อนให้ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แต่ ก.ตร.ไม่เห็นด้วยทำให้ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ต้องอยู่ในตำแหน่งรักษาราชการรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางไปอีก 1 ปี ก่อนที่จะได้เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางตัวจริง จนกระทั่งนายสุเทพ พยายามอีกครั้งด้วยการทำหนังสือเวียนถึง ก.ตร.เพื่อยกเว้นกฎดังกล่าว ซึ่งหาก ก.ตร.ส่วนใหญ่เห็นด้วยก็จะส่งผลให้ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ได้นั่งในตำแหน่งดังกล่าวสมใจ