สาววัย 31 ปี แจ้งจับตำรวจยศ “พ.ต.ท.” อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ บช.ปส.ข่มขู่ขอตรวจหลักฐานรถยนต์ อ้างเกี่ยวพันกับขบวนการค้ายาเสพติด ขณะที่ “สุพิศาล” สั่งคุ้มครองความปลอดภัยผู้เสียหาย พร้อมประสานขอข้อมูลผลการสืบสวนสอบสวนของคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิฯพาดพิงถึงใคร รวมทั้งการอ้างตัวถึง “พ.ต.ท.” หากพบผิดจริงจะดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (1 ธ.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 09.00 น.นายอนุวัติ เตียวสกุล ทนายความ พา น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 31 ปี เข้าพบ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รักษาราชการแทนรอง ผบช.ก.และ พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาราชการแทน ผบก.ป.เพื่อให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) หลายนาย เนื่องจาก น.ส.เอ ถูกชายอ้างตัวเป็น พ.ต.ท.ลือชัย สังกัด บช.ปส.คุกคาม
นายอนุวัติ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ มีชายลึกลับโทรศัพท์มาหา น.ส.เอ ข่มขู่ว่า รถยนต์ที่ น.ส.เอ ครอบครองอยู่นั้น มีประวัติเกี่ยวพันกับขบวนการค้ายาเสพติด จึงสั่งให้นำรถคันดังกล่าวไปตรวจสอบที่ บช.ปส.หากไม่ยอมไปจะเข้าข่ายเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดไปด้วย ซึ่ง น.ส.เอ เกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงแจ้งไปว่าถ้าอยากจะตรวจสอบให้ไปตรวจในที่ทำงาน แต่ชายคนดังกล่าวกลับโทรศัพท์ไปหาเพื่อนของ น.ส.เอ ที่มีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถยนต์เพื่อขอดูเอกสารการซื้อรถยนต์ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นเรื่องผิดปกติในการทำงานของตำรวจเพราะไม่มีการแสดงตัวในการติดต่อ ไม่มีหมายเรียก หรือเอกสารจากส่วนราชการเพื่อให้ผู้ถูกร้องตรวจสอบได้
นายอนุวัติ กล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา น.ส.เอ ได้ไปขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สน.วัดพระยาไกร แต่ถัดมาเพียงวันเดียวก็มีโทรศัพท์ติดต่อไปที่เพื่อนของ น.ส.เออีก โดยบอกว่าชื่อ พ.ต.ท.ณพงศ์ ไม่บอกนามสกุล อ้างตัวเป็นพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน แจ้งว่ารถยนต์คันนี้มีผู้ขับเข้าไปในราชกรีฑาสโมสร ซึ่งทางเจ้าของสถานที่ได้แจ้งความข้อหาบุกรุก แต่เพื่อนของ น.ส.เอ พยายามสอบถามข้อเท็จจริงไปว่ามีหลักฐานอะไรถึงกล่าวหาเช่นนั้น แต่ก็ได้รับคำตอบที่ไม่ชัดเจนพร้อมกับอ้างว่าหากไม่ยอมไปพบจะถูกดำเนินคดี
นายอนุวัติ กล่าวต่อไปว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ น.ส.เอ ยิ่งเกิดความหวาดกลัวโดยไม่ทราบเลยว่ารถยนต์ที่ใช้อยู่นั้นเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีความได้อย่างไร และเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้เสียหายจึงเข้าร้องเรียนที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน มีการตรวจสอบจนทราบชื่อนายตำรวจคนดังกล่าว คือ พ.ต.ท.ลือชัย นนท์ปฎิมากุล สังกัด บช.ปส.เมื่อสอบถามไปก็ได้รับคำตอบเพียงว่าเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของ พล.ต.ต.อดิเทพ ปัญจมานนท์ รักษาการ ผบช.ปส.ซึ่งขณะนั้นเป็น รอง ผบช.ปส.ให้ตรวจสอบรถยนต์ของพยานที่มีประวัติพัวพันกับการค้ายาเสพติดแต่ได้ชี้แจงว่ารถคันนี้ซื้อมาตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2552 และใช้งานมาตลอดไม่เคยให้ผู้อื่นนำไปใช้
“การกระทำดังกล่าวถือเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งโดยไม่ชอบ จึงเป็นเหตุให้ น.ส.เอ และบิดา ซึ่งมีอาการป่วยอยู่แล้วมีอาการทรุดหนักไปอีก น.ส.เอ จึงปรึกษาผมเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.อดิเทพ และ พ.ต.ท.ลือชัย รวมทั้งบุคลลอื่นที่เกี่ยวข้อง ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157” นายอนุวัติ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวว่า ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนประสานขอข้อมูลผลการสืบสวนสอบสวนของคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิ สำนักงานตรวจการแผ่นดินรัฐสภา ว่า มีการพาดพิงถึงบุคคลใดบ้าง รวมทั้งการอ้างถึงตัว พ.ต.ท.ลือชัย ที่ระบุว่าดำเนินการตามที่ผู้บังคับบัญชาสั่งการลงมา โดยจะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ หากพบเป็นการกระทำความผิดจะพิจารณาดำเนินคดีต่อไป นอกจากนี้ จะส่งกำลังตำรวจ บก.ป.ไปคุ้มครองความปลอดภัยให้กับผู้เสียหายด้วย