คนร้ายยิงถล่มบ้านเด็กแว้นย่านเพชรเกษม บาดเจ็บ 2 ราย เผยคนร้ายเป็นคู่อริที่เขม่นกันในผับ และเพื่อนในแก๊งเคยถูกไล่ยิงมาหลายครั้ง หลังก่อเหตุคนร้ายมักจะเข้าไปโพสต์เว็บไฮไฟว์เพื่อเยาะเย้ย
วันนี้ (15 พ.ย.) เมื่อเวลา 02.30 น. ร.ต.ต.กฤตภาส ธนวัฒนันทกุล ร้อยเวร สน.หนองแขม รับแจ้งมีกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงถล่มใส่บ้านเลขที่ 42/106 หมู่บ้านอรุณทอง 2 ซอย 8 ถนนเพชรเกษม 69 แขวงและเขตหนองแขม กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจและฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ปลูกอยู่ในรั้วรอบขอบชิด จากการตรวจสอบบริเวณพื้นถนนหน้าบ้านพบปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม.กระจายเกลื่อนนับได้กว่า 40 ปลอก ส่วนที่ประตูกระจกชั้นล่าง และหน้าต่างบนชั้นที่ 2 มีร่องรอยถูกยิงจนพรุน พบหัวกระสุนจำนวนมากฝังอยู่ตามผนังบ้าน และข้าวของเครื่องใช้ นอกจากนี้ยังมีรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีบรอนซ์เทา ทะเบียน ตถ 8047 กทม. และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีดำ-แดง ทะเบียน พบบ 510 กทม.ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านถูกยิงได้รับความเสียหายด้วย เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน
เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวจำนวน 2 คน คือ นายบุษกล หรือ “แบงก์” ศุภวุฒิสกุล อายุ 19 ปี ลูกชายเจ้าของบ้านถูกกระสุนปืนเฉียดบริเวณก้นได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย อีกรายคือ นายนวพล หรือ “โบ๊ท” ชัยกำพลเลิศ อายุ 18 ปี เพื่อนสนิทถูกกระสุนปืนยิงคาอยู่ที่ผิวหนังบริเวณกระโหลกศีรษะด้านหลัง 1 นัด พลเมืองดีช่วยกันนำส่ง รพ.เกษมราษฎร์บางแค ก่อนเคลื่อนย้ายไปผ่าตัดที่ รพ.พระราม 2 จนอาการปลอดภัย
สอบสวนนายบุษกล ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น.ตนกำลังนั่งเล่นอยู่กับนายนวพลบนท้ายรถกระบะสักพักก็เห็นรถกระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ทอง ไม่ทราบทะเบียน ขับเข้ามาวนในซอยอย่างมีพิรุธ 1 รอบ แล้วขับออกไป ตนจึงได้ชวนนายนวพล เข้าไปนั่งในบ้าน ซึ่งขณะนั้นพ่อ แม่ ลุง ญาติ และน้องๆ ตนรวม 11 คน ได้ขึ้นไปนอนบนชั้นที่ 2 หมดแล้ว จนกระทั่งช่วง 02.30 น.ก็มีรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีฟ้า และรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีชมพู ทั้ง 2 คันไม่ทราบทะเบียน ขับมาจอดบริเวณปากซอยอีก ซึ่งตนก็ได้ชะโงกหน้าออกไปดูเพราะรู้สึกได้ว่าต้องมีคนมาปองร้ายอย่างแน่นอน
นายบุษกลกล่าวอีกว่า จังหวะที่เอี้ยวตัวออกไปดูนั้นตนเห็นคนร้ายที่เป็นคนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ฟีโน่ ลักษณะเป็นชายอายุประมาณ 20 กว่าปี ไว้ผมรากไทร สวมเสื้อยืดสีทึบ นุ่งกางเกง ลงจากรถเดินวิ่งย่องเข้ามาทางรั้วบ้าน แล้วชักอาวุธปืนแบบออโตเมติกออกมากระชากสไลด์ขึ้นลำกล้อง ตนจึงบอกให้นายนวพลรีบวิ่งเข้าไปหลบหลังบ้าน ทันใดนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว หัวกระสุนทะลุกระจกชั้นล่างผ่านเข้ามาถูกจอทีวี และของใช้ในบ้านหลายอย่าง ขณะที่ตนและนายนวพลก็ถูกยิงแต่โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก พอสิ้นเสียงปืนคนในบ้านและเพื่อนบ้านต่างก็แตกตื่นวิ่งมาดูเหตุการณ์ ส่วนคนร้ายและรถต้องสงสัยทั้ง 2 คันนั้นได้หลบหนีไปย่างรวดเร็ว
นายบุษกลกล่าวด้วยว่า สำหรับสาเหตุของเรื่องนี้ตนคาดว่าน่าจะมาจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มเด็กแว้น ซึ่งตนกับพวกประมาณ 10 คน เป็นสมาชิกของกลุ่มที่ใช้ชื่อแก๊งว่า “HOT” เมื่อประมาณ 1 เดือนที่แล้วเคยไปเขม่นกับคู่อริอีกกลุ่มซึ่งใช้ชื่อว่า แก๊ง “RANDOM” ในผับเดอะสตาร์ ย่านพระราม 3 จนกระทั่งเพื่อนในกลุ่มตนถูกตามไล่ยิงได้รับบาดเจ็บ 2 คนขณะออกจากผับและกำลังจะขับรถจักรยานยนต์กลับบ้าน ซึ่งหลังจากนั้นสมาชิกแก๊ง “RANDOM” ก็มักจะเข้ามาโพสต์เย้ยหยันในเว็บไฮไฟว์ของกลุ่มตนตลอด ในทำนองว่า “เป็นยังไงบ้างที่ถูกพวกกูตามไล่ยิง” ซึ่งตนก็เคยไม่ตอบโต้แต่อย่างใด
นายบุษกลยังกล่าวอีกว่า สมาชิกในแก๊ง “RANDOM” ส่วนใหญ่จะพักอาศัยอยู่ในละแวกถนนพุทธมณฑลสาย 4 ซึ่งอยู่ไม่ไกลกับพวกตนมากนัก จนกระทั่งได้ยินว่าเพื่อนในกลุ่มตนก็ไปพบกับกลุ่มคู่อริโดยบังเอิญขณะขับรถจักรยานยนต์ตระเวนเที่ยวกันตามถนน โดยเพื่อนตนก็ได้เข้าไปชกต่อยเพื่อเอาคืนเพราะแค้นที่สมาชิกในกลุ่มถูกยิง ส่วนตนนั้นเดินทางไปช่วยพ่อทำงานเป็นช่างทองที่ จ.นครนายก และเพิ่งจะกลับมาบ้านได้ประมาณ 2 วัน ไม่ทราบว่าคนร้ายรู้จักบ้านและตามมาทำร้ายตนได้อย่างไร ทั้งที่ตนก็ไม่ได้เป็นต้นเหตุและไม่เคยไปทำร้ายใครก่อน
ด้าน นายคเชนทร์ แซ่หลิ่ม อายุ 35 ปี บิดาของนายบุษกลให้การว่า ตนเพิ่งพานายบุษกล ลูกชายกลับมาจากทำงานที่ จ.นครนายก จึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย โดยขณะเกิดเหตุเพื่อนบ้านมาบอกตนว่าคนร้ายใช้อาวุธปืนจำนวน 2-3 กระบอก กระหน่ำยิงใส่บ้านตนแบบหูดับตับไหม้ โดยไม่แคร์ว่าจะถูกใครในบ้านบ้าง ทั้งๆ ที่ตอนเกิดเหตุมีคนที่กำลังนอนพักผ่อนอยู่มากถึง 13 ชีวิต รวมถึงน้องบั๊ก ลูกชายคนเล็กอายุ 1 ขวบครึ่ง และน้องตูน หลานชายวัย 6 ขวบของตนด้วย มิหนำซ้ำหลังก่อเหตุคนร้ายยังประกาศดังลั่นว่า “ถ้าแน่จริงให้พวกมึงตามไปจับกูให้ได้” ซึ่งตนและคนในครอบครัวรู้สึกหวาดผวามากกับการกระทำที่อุกอาจของคนร้ายในครั้งนี้
นายคเชนทร์กล่าวอีกว่า ส่วนใหญ่ตนจะเดินทางไปทำงานที่ต่างจังหวัดส่วนบ้านนี้ก็มีแต่เด็กและผู้หญิง ซึ่งจากนี้ไปตนก็ไม่รู้ว่าจะพึ่งใครได้หรือไม่ เพราะขนาดแจ้งตำรวจแล้วก็ยังไม่เห็นทำอะไร มีแค่ร้อยเวรกับคนขับรถ ตำรวจสายสืบและสายตรวจ รวม 6 คน เดินทางมาดูที่เกิดเหตุ ตอนเก็บปลอกกระสุนไปก็เก็บไม่หมด ไม่มีการแจ้งกองพิสูจน์หลักฐานมาดู ได้แต่นัดให้ตนพาลูกชายกับเพื่อนลูกชายซึ่งกำลังบาดเจ็บไปให้ปากคำที่โรงพักในวันพรุ่งนี้ ขนาดลูกตนบอกว่ารู้จักกับผู้ต้องสงสัย 1 คน ตำรวจยังไม่พาไปดูเลย อ้างแต่เพียงว่าต้องรอสำนวนและรายงานเหตุการณ์ให้ฝ่ายสืบสวนทราบเสียก่อนจึงจะดำเนินการต่อไปได้
