xs
xsm
sm
md
lg

“ธาริต” บนพันธกิจกู้ภาพดีเอสไอ ภายใต้ “ทวี สอดส่องโมเดล”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ภายหลังการแต่งตั้งโยกย้ายภายในกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ที่เป็นที่แน่นอนแบบ “ตั้งธง” ไว้ได้เลยว่าจะต้องเกิดขึ้นสักวันไม่ช้าก็เร็ว ในการขึ้นมาเป็นรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ เรื่องการโยกย้าย “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษออกจาก “หัวเรือใหญ่” ของกรมนี้ที่ภาพชัดเจนว่าเป็นคนเครือข่ายของ “ระบอบทักษิณ”

เมื่ออำนาจเปลี่ยนมือ การโยกย้ายกระชับอำนาจในสายบังคับบัญชาจึงเกิดขึ้นทุกครั้ง เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยากในระบบการเมืองแบบไทย

“หวยล็อก” อันดับแรกๆ อย่าง “ทวี สอดส่อง” ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องถูกเด้งออกจากตำแหน่งเป็นธรรมดา จะว่าไปแล้วการสั่งเด้งรอบนี้ ของ “เจ้ากระทรวงยุติธรรม” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ถือว่ารำดาบอยู่นานกว่า 9เดือน จึงจะมีคำสั่งสบช่องช่วงโยกย้ายใหญ่ประจำปีจัดการเด้งเจ้ากรมสาย “นายใหญ่” รายนี้ออกจากตำแหน่งอธิบดีจนได้

การสวมหมวกใบใหม่ของ ทวี สอดส่อง ในฐานะรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่พีระพันธุ์มอบให้รับหน้าที่ ดูเหมือนว่าเป็นการโยกย้ายทำนอง “บัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น” เสียด้วยซ้ำ ที่ยังไว้ใจให้มารับตำแหน่งนี้ซึ่งถือว่ายังรักษาน้ำใจกันอยู่พอสมควร และก็เป็น “ธาริต เพ็งดิษฐ์” เลขาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือปปท. ก่อนหน้านี้ยังเคยดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเวลา 5 ปี และเป็นคนร่างพระราชบัญญัติกรมสอบสวนคดีพิเศษมากับมือจึงเป็นตัวเลือกอันดับแรกของ ตำแหน่งหัวเรือใหญ่ดีเอสไอ ซึ่งสังคมก็พอจะมีความหวังว่าการมานั่งเก้าอี้อธิบดีดีเอสไอครั้งนี้ของ ธาริต จะทำให้ภาพทางลบของกรมนี้หายไปเสียที

ขณะนี้ผ่านไปเกือบเดือนแล้วที่ ธาริต เพ็งดิษฐ์ ได้เข้ามากุมบังเหียนกรมสอบสวนคดีพิเศษ อย่างเป็นทางการ แม้ว่าจะยังไม่เห็นรูปธรรมที่ชัดเจนในพันธกิจและเนื้องานของดีเอสไอในช่วงระยะเวลาอันสั้นนี้ ซึ่งสังคมได้ตีตราว่าเป็น” เครื่องมือทางการเมือง” แต่การเข้ามาของธาริต ยังดูเหมือนว่าจะเป็นแค่การเปลี่ยนหัวเรือเท่านั้น

ในความเป็นจริงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาพที่ชัดเจนอยู่ในขณะนี้นั้นก็คือ เครือข่ายดีเอสไอ “ยุคทวีสอดส่องโมเดล” ยังคงอยู่กันครบถ้วน และดูเหมือนว่าจะไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลงใดๆ ไล่ตั้งแต่รองอธิบดี “มือไม้”ชั้นเยี่ยมคนสำคัญของทวี คือ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ และพ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ไปจนถึงผู้บัญชาการคดีสำนักต่างๆที่ดูแลรับผิดชอบคดีในกรมสอบสวนคดีพิเศษ

สัญญาณล่าสุดที่น่าจับตามองคือเมื่อไม่กี่วันที่ผ่าน พ.ต.อ. ณัรชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอ ยังคงได้รับความไว้วางใจทำหน้าที่โฆษกดีเอสไออีกครั้ง จากอธิบดีคนใหม่

หลังจากที่เคยเกิดอาการเคืองแทนนายที่ทวีเจอสั่งเด้งฟ้าผ่า ประกาศลาออกจากฐานะ “กระบอกเสียง” ดีเอสไอ ยุคที่ทวีครองอำนาจอยู่ แบบไม่มีปี่มีขุล่ย จนสังคมสับสนว่ารับหน้าที่โฆษกดีเอสไอหรือโฆษกส่วนตัวใครบางคนอยู่แถมก่อนที่ทวีจะไปนั่งเก้าอี้ตัวใหม่ ยังมีการ “ทิ้งบอมบ์” ขุดรื้อคดีการหายตัวไปของ “โมฮัมหมัด อัลรูไวลี่” นักธุรกิจ ชาวซาอุดิอาระเบีย ซึ่งน่าแปลกประหลาดที่คดีนี้หายเงียบไปนานถึง 19 ปี แต่ยังมีการทิ้งทวนส่งฟ้องคดีดังกล่าวจนศาลได้ออกหมายเรียก ข้าราชการ-ตำรวจ 5 นาย เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา หนึ่งในนั้นเป็น พล.ต.ท. สมคิด บุญถนอม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 น้องชายของพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)

ถือเป็นของขวัญ ชิ้นโบว์แดงสุดแสบสันต์ ที่ “ทวีแอนด์เดอะแก๊งค์” ได้มอบให้กับ พล.ต.ท. สมคิด บุญถนอม ผู้บัญชาการตำรวตภูธรภาค 5 โทษฐานที่กำกับดูแลโซนแดงประจำเดือน พื้นที่ 8 จังหวัดในภาคเหนือ อันเป็นแหล่งรวมของพลพรรคเสื้อแดง “อาณาจักรนายใหญ่” ประจวบเหมาะกับเป็นช่วงที่มีการโยกย้ายนายตำรวจระดับชาติที่ขณะนี้โผแต่งตั้งระดับต่างๆก็ยังไม่ลงตัว มองอย่างอื่นไม่ได้นอกจาก “ดิสเครดิต” กันเต็มๆสำหรับการฝากแผลออกหมายเรียก พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอมในช่วงเวลานี้

โดยช่วงเวลาปลายเดือนที่ผ่านมา ก็ได้มีการลงทุนลงแรงบินข้ามประเทศไปถึงซาอุดิอาระเบีย เพื่อประชุมร่วมกับทางการซาอุดิอาระเบีย เกี่ยวกับคดีการหายตัวไปของ “โมฮัมหมัด อัลรูไวลี่” เป็นเวลา 2 วัน และหลังจากกลับมาจะมีการออกหมายเรียก พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม มารับทราบข้อกล่าวหาเป็นครั้งที่ 2 ต่อไป

กรณีเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจเหล่ามือไม้ของ ทวี สอดส่อง ที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่คุมอำนาจคดีในกรมสอบสวนคดีพิเศษในแบบเดิมๆ

โดยตามอำนาจแล้วรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในการกำควบคุมดูแลคดีต่างๆ ซึ่งมีอำนาจเต็มในการกำกับดูแลพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าว

แม้ว่า นายธาริต จะเข้ามารับตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอแล้วก็ตามที อำนาจและกลไกของดีเอสไอในแบบเดิมยังคงเดินหน้าต่อไป จนอาจทำให้เกิดการขับเคลื่อนองค์กร ปรับวิธีการทำงาน ไม่สนองการเมือง ของดีเอสไอยุคใหม่อาจเป็นไปด้วยความยากลำบาก

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สวมหมวกรองปลัดยุติธรรมอยู่ จะได้รับการติดต่อรายงานเรื่องต่างๆภายในกรมสอบสวนคดีพิเศษ อย่างสม่ำเสมอ จากเครือข่ายมือไม้ที่ตัวเองตั้งมากับมือที่ยังฝังแน่นอยู่ ณ กรมสอบสวนคดีพิเศษขณะนี้

ซึ่งในอนาคต อาจจะเกิดทับซ้อนอำนาจในบางเรื่อง บางคดีระหว่าง “อธิบดีตัวจริง” กับ “อธิบดีเงา”

ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกแต่อย่างใด ถ้าธาริต จะทำการปรับโครงสร้างใหม่ ตั้งคนของตัวเองขึ้นมากระชับอำนาจ ปรับทิศทางการเดินของกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อให้เดินหน้าไปในทางที่ดีขึ้น
เมื่ออำนาจอยู่ในมือแล้ว หากใช้ไปในทางที่ถูกที่ควรเพื่อความถูกต้อง มิได้เป็นไปเพื่อกลั่นแกล้งใครก็ควรจะใช้อย่างเต็มที่

เพราะกรมสอบสวนคดีพิเศษยังมีอีกหลายภารกิจ หลายคดี ที่ “ธาริต” จะต้องประคับประคององค์กรดีเอสไอ ให้เดินหน้าต่อไปโดยตั้งอยู่บนหลักธรรมาภิบาล และต้องลบภาพองค์กรที่สังคมเข้าใจว่าเป็นเครื่องมือทางการเมืองเสียที

ทวี สอดส่อง
ธาริต เพ็งดิษฐ์
กำลังโหลดความคิดเห็น