ตำรวจภาค 1 จับเซียนปลอมเอกสารทางราชการวัยถึง 67 ปี รับสารภาพได้วิชามาจากสมัยทำงานเป็นลูกจ้างอยู่กองทะเบียน กรมตำรวจ
วันนี้ (12 พ.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.ต.คำรบ ปัญญาแก้ว รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.เพชรัตน์ ไชยแสง ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.อดุลย์ รัตนภิรมย์ รอง ผบก.สส.ภ.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ บก.สส.ภ.1 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายสุรพล เอี่ยมวิจารณ์ อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/138 หมู่ 9 แขวงและเขตลาดพร้าว ผู้ต้องหาตามหมายศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ 471/2545 ลงวันที่ 9 ธ.ค.45 ในข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอม, ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม
ทั้งนี้ ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้เมื่อเวลา 16.00 น.วานนี้ (11 พ.ย.) ภายในบ้านพักของผู้ต้องหาเอง พร้อมของกลางใบรับรองการตรวจสอบและทดสอบการติดตั้งส่วนควบคุมและอุปกรณ์สำหรับรถใช้ก๊าซปลอม จำนวน 236 แผ่น หนังสือรับรองการการติดตั้งส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ของรถที่ใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง จำนวน 366 แผ่น สำเนาเอกสารทางราชการที่ถูกแก้ไขและนำไปใช้ประกอบเอกสารทางราชการ จำนวน 990 แผ่น ใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ จำนวน 8 เล่ม ตรายางที่ใช้ในการปลอมแปลงเอสารทางราชการ จำนวน 13 อัน และเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้สำหรับปลอมแปลงเอกสาร จำนวน 7 รายการ
พล.ต.ต.คำรบ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่า บ้านหลังดังกล่าวมีพฤติกรรมในการปลอมแปลงเอกสารราชการ เช่น ปลอมแปลงบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาเอกสารทางราชการต่างๆ และมีเอกสารที่ถูกปลอมแปลงแล้วพร้อมอุปกรณ์ที่ใช้ในการปลอมแปลงอยู่จำนวนมาก เช่น ตรายาง ฯลฯ เจ้าหน้าที่จึงทำการสืบสวนจนทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวมี น.ส.รัชตา เอี่ยมวิจารณ์ เป็นเจ้าของ พักอาศัยอยู่กับนายสุรพล ผู้เป็นพ่อ ซึ่งมีหมายจับคดีปลอมแปลงเอกสารติดตัวอยู่ด้วย
พล.ต.ต.คำรบ กล่าวต่อว่า จากนั้นเวลาประมาณ 16.00 น.วานนี้ (11 พ.ย.) เจ้าหน้าที่จึงได้นำหมายค้นศาลอาญา เลขที่ 551/2552งวันที่ 10 พ.ย.52 เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว ก็พบตัวนายสุรพล ผู้ต้องหาอยู่ในบ้าน จึงได้ทำการตรวจค้นภายในบ้านก็พบของกลางดังกล่าวซุกซ่อนอยู่ภายในห้องนอนของผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่จึงยึดเป็นไว้เป็นหลักฐาน ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ กก.สส.บช.ภ.1
จากการสอบสวน นายสุรพลให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ตนมีทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ที่ กองบังคับการกองทะเบียน ซึ่งตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็น บก.ปคบ.แล้ว โดยตนทำงานมาตั้งแต่อายุ 20 ปี ซึ่งตนเริ่มงานในหน้าที่ถ่ายเอกสาร และขยับหน้าที่มาเรื่อยๆ จนเริ่มเรียนรู้การทำเอกสารปลอมจากหน่วยงานที่ตนทำงานอยู่ เพราะเห็นรูปแบบเอกสารตัวจริง และรู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้างถึงจะปลอมแปลงเอกสารได้
นายสุรพลกล่าวต่อว่า ส่วนใหญ่ลูกค้าจะนำไปใช้กับเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกรมการขนส่งทางบก เช่นโอนทะเบียนรถ ใบสมรส ใบหย่า บัตรประชาชน ใบขับขี่ หรือหนังสือเดินทาง หลังจากนั้นตนก็รับจ้างทำเรื่อยมา ส่วนวิธีการปลอมแปลงนั้น ตนจะเอาเอกสารตัวจริงมาแก้ไข ตัดชื่อและรายละเอียดลูกค้าแปะใส่ ก่อนถ่ายเอกสารแล้วให้ลูกค้าไว้ใช้เซ็นสำเนา ส่วนบัตรประชาชนหรือใบขับขี่ที่หมดอายุ ก็จะตัดตัวเลขใส่เพื่อเลื่อนวันหมดอายุออกไป
“มาระยะหลังรถยนต์เริ่มมีการติดตั้งแก๊ส ผมก็แอบอ้างชื่อของ นายระวัง เนตรโพธิ์แก้ว วิศวกรสาขาเครื่องกล ที่เคยไปเจอเอกสารของเขาแล้วถ่ายเอกสารเก็บไว้ ก่อนทำการปลอมเอกสารให้กับร้านรับติดตั้งแก๊สรถยนต์ ว่าร้านดังกล่าวได้ผ่านการตรวจสอบจากวิศวกรแล้ว เพื่อให้เป็นที่น่าเชื่อถือของลูกค้าที่มาติดตั้งแก๊สรถยนต์ ซึ่งผมทำแบบนี้มาเรื่อยๆ จนอายุครบ 60 ผมก็เลิกทำแบบนี้ ก่อนจะย้ายมาอยู่บ้านแต่ก็ยังรับจ้างปลอมเอกสารอยู่เช่นเดิม จนกระทั่งมาถูกจับเมื่อวาน” นายสุรพล กล่าว