xs
xsm
sm
md
lg

ศาลปรานีรอลงอาญา 3 ปี แก๊งทวงหนี้โหด

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ตำรวจจับแก๊งทวงหนี้โหด (แฟ้มภาพ)
ศาลรอลงอาญาแก๊งทวงหนี้โหด 6 คน คิดดอกเบี้ยแม่ค้าข้าวแกงร้อยละ 304 บาท/ปี แถมทำร้ายร่างกายเหยื่อ และรุมยำเพื่อนบ้านที่เข้าไปช่วยเหลือ แต่จำเลยทั้ง 6 ยอมรับผิดและชดใช้ค่าเสียหายแห่โจทก์ จึงลงโทษจำคุก 3 ปี แต่ให้รอลงอาญา

วันนี้ (6 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 703 ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อ.1382/2552 ที่อัยการกองคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้อง นายวันชาติ หรือต๋อย ม่ามกระโทก, นายศักดิ์ระพี หรือพี กุมภาพันธ์, นายอำนาจ หรือต้อ โห้วง, นายทรงพล แสงโชติ, นายอมร หรือมร บุญอิน และนายธนพัฒน์ หรือเหลียง ขวาไชยวี เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐาน เป็นผู้ใช้จ้างวานให้บุคคลอื่นบุกรุกเคหสถานในเวลาการคืนโดยมีอาวุธ ร่วมกันทำร้างร่างกาย และเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด

โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า เมื่อวันที่ 11 ก.พ.52 จำเลยที่ 5 และ 6 ร่วมกันให้ นางอารีย์ เจริญมงคล อายุ 53 ปี ผู้เสียหายที่ 2 มีอาชีพแม่ค้าขายข้าวแกง กู้ยืมเงินจำนวน 4,000 บาท กำหนดผ่อนชำระวันละ 200 บาท เป็นเวลา 24 วัน เป็นเงิน 4,800 บาท คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 304 บาท ต่อปี อันเป็นการคิดดอกเบี้ยเกินกว่าตามที่กฎหมายกำหนด ต่อมาวันที่ 24 ก.พ.52 จำเลยที่ 6 ใช้ จ้างวานให้ จำเลยที่ 1-5 บุกรุกเข้าไปที่บ้านเลขที่ 133/17 ตรอกโรงหนังเฉลิมรัฐเก่า ถนนเตชะวณิชย์ แขวงและเขตบางซื่อ กทม. ของนางอารีย์ พร้อมกับใช้ไม้เบสบอลทุบตีทำร้ายร่างกายนายอารีย์จนได้รับบาดเจ็บมีแผลถลอกและฟกช้ำบริเวณศีรษะ ด้านหน้าแถบซ้าย หน้าผากด้านซ้าย โหนกแก้มซ้าย ชายโครงด้านซ้าย และสมองได้รับความกระทบกระเทือนถึงกับหมดสติไป ระหว่างนั้น นายไชยยศ เทียมมณี อายุ 26 ปี ผู้เสียหายที่ 1 เพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้เข้ามาช่วย กลับถูกจำเลยที่ 1-5 ร่วมกันเตะ ต่อยและใช้มีดสปาต้าฟันที่บริเวณศีรษะและแขนขวาจนได้รับบาดเจ็บเป็นรอยขีดยาวที่ต้นแขนขวา ด้านหลังสมองได้รับความกระทบกระเทือนและมีแผลฉีกขาดขอบเรียบที่บริเวณกลางศีรษะ และศีรษะด้านหน้าแถบขวาถึงหมดสติไป ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84, 91, 295, 365

ศาลพิเคราะแล้วเห็นว่าจำเลยทั้งหกกระทำผิดจริงตามฟ้อง พิพากษาว่า จำเลยที่ 1-5 มีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจ และบุกรุกเข้าไปในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย และมีอาวุธ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 365 อนุมาตรา 1, 2, 3 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 84, 83 จำเลยที่ 6 มีความผิดฐานเป็นผู้ใช้ จ้างวานต้องรับโทษเสมือนตัวการ เช่นเดียวกับจำเลยที่ 1-5 ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1-6 คนละ 6 ปี ปรับ 12,000 บาท นอกจากนี้ จำเลยที่ 5-6 ยังมีความผิดฐานเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปี ปรับ 1,000 บาท จำเลยทั้งหกให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เห็นสมควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1-4 เป็นเวลา 3 ปี ปรับ 6,000 บาท และจำคุกจำเลยที่ 5-6 เป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน ปรับ 6,500 บาท

พิเคราะห์ประกอบการสืบเสาะประวัติแล้วไม่พบว่าจำเลยทั้งหกเคยได้รับโทษมาก่อน อีกทั้งจำเลยทั้งหกได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายทั้งสองแล้ว และไม่ติดใจดำเนินคดีทางแพ่งกับจำเลยทั้งหกอีก ประกอบกับจำเลยที่ 1-4 และ 6 มีครอบครัวที่ต้องดูแล ขณะที่จำเลยที่ 5 มีอายุเพียง 19 ปี โทษจำคุกจึงส่งผลต่อครอบครัว เห็นควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษมีกำหนด 3 ปี กับให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติจำนวน 4 ครั้ง ภายใน 1 ปี และบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมเป็นเวลา 12 ชั่วโมง
กำลังโหลดความคิดเห็น