สตม. แถลงโชว์จับสองหนุ่มโรมาเนียแฝงตัวเข้ามาหากินในไทยตามช่องทางนักท่องเที่ยว หัวหมอใช้เครื่องสกิมเมอร์ติดตั้งตามตู้เอทีเอ็มดูดข้อมูลบัตรเหยื่อก่อนนำไปทำบัตรเอทีเอ็ม-บัตรเครดิมปลอม ตระเวนกดตามแบงก์กสิกรไทย-กรุงเทพ สูญเกือบล้านบาท
วันนี้ (5 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผบช.สตม. พล.ต.ต.รัฐวิทย์ แสนทวีสุข พล.ต.ต.ชัยยศ บัวทรัพย์ รองผบช.สตม. พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.มานัด ศรีวงษา ผกก.2 บก.สส.สตม. และ พ.ต.ท.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ รอง ผกก.2 บก.สส.สตม. ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายคอนสแตนติน ยอช มาริน อายุ 34 ปี และนายลาซาร์ ไทรอัน แดเนี่ยล อายุ 40 ปี สัญชาติโรมาเนีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชลบุรี ที่ จ.950 และ จ.951/2552 ลงวันที่ 14 ต.ค.52 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์, ปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์, ทำเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมแปลง หรือสำหรับให้ได้ข้อมูลในการปลอมแปลงสิ่งใดๆ ที่ระบุไว้ในมาตรา 269/1
โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าโรงแรมดีซีฮิลล์ เลขที่ 144/149 หมู่ 10 ถนนทัพพระยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก 1 เครื่อง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับใช้โจรกรรมข้อมูล สลิปและสมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็มจำนวนหนึ่ง และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง บัตรเอทีเอ็ม 2 ใบ และสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทยอีก 2 เล่ม
พล.ต.ท.ชัชวาลย์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อช่วงต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่ของธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงเทพ เข้าร้องเรียนกับทางพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.ว่ามีกลุ่มคนร้ายชาวต่างชาติแฝงตัวเข้ามาเป็นนักท่องเที่ยวในประเทศไทย ทำการลักข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของลูกค้า และทำการปลอมแปลงบัตรขึ้นมาใหม่ก่อนจะใช้บัตรปลอมดังกล่าวไปรูดซื้อสินค้า และกดเงินสดไป สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก โดยลูกค้าของธนาคารกสิกรไทย 8 ราย ถูกถอนเงินในบัญชีไปแล้ว 467,787 บาท ส่วนลูกค้าของธนาคารกรุงเทพ 6 ราย ถูกถอนเงินไปทั้งสิ้น 14,100 บาท รวมมูลค่ากว่า 481,887 บาท ซึ่งทางกองปราบปรามสามารถสืบบสวนสอบสวนจนกระทั่งออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสอง จึงประสานข้อมูลมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้ช่วยติดตามจับกุมตัว
พล.ต.ท.ชัชวาลย์ กล่าวต่อไปว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้เดินทางผ่านด่าน ตม.โป่งน้ำร้อน เมื่อวันที่ 7 และ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา และเดินทางมาพักที่โรงแรมดังกล่าว จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวเอาไว้ได้ดังกล่าว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองรายเดินทางเข้าประเทศมาอย่างถูกต้องตามกฎหมายในฐานะนักท่องเที่ยว ก่อนจะลงมือก่อเหตุด้วยวิธีนำเครื่องดูดข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ที่เรียกว่าเครื่องสกิมเมอร์ ไปติดตั้งตามตู้เอทีเอ็มเพื่อดูดข้อมูลบัตรผู้เสียหาย ก่อนนำไปทำบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเครดิตปลอมเพื่อถอนเงิน เมื่อวีซ่าหมดอายุ ผู้ต้องหาทั้งสองคนก็จะเดินทางออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนเดินทางกลับเข้ามาตามด่านชายแดนในฐานะนักท่องเที่ยวอีก ซึ่งเป็นการใช้ช่องของกฎหมายที่อนุญาตให้ผ่านเข้ามาอยู่ได้อีก 30 วัน เพื่อลงมือก่อเหตุอีก
พล.ต.ท.ชัชวาลย์ กล่าวด้วยว่า ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองก็จะดำเนินการตามกฎหมายคนเข้าเมืองด้วยการเพิกถอนการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรทันที พร้อมทั้งจะขึ้นบัญชีเฝ้าดูบุคคลทั้ง 2 คน ไม่ให้ผู้กระทำผิดในกรณีแบบนี้ หรือผู้กระทำผิดในกรณีอื่นๆ ได้มีโอกาสกลับเข้ามาก่อเหตุในประเทศอีกต่อไป ส่วนตัวผู้ต้องหาทั้งสองจะนำตัวส่งให้ทางพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.ทำการสอบสวนขยายผลหาเพื่อนร่วมขบวนการเพื่อดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (5 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผบช.สตม. พล.ต.ต.รัฐวิทย์ แสนทวีสุข พล.ต.ต.ชัยยศ บัวทรัพย์ รองผบช.สตม. พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.มานัด ศรีวงษา ผกก.2 บก.สส.สตม. และ พ.ต.ท.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ รอง ผกก.2 บก.สส.สตม. ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายคอนสแตนติน ยอช มาริน อายุ 34 ปี และนายลาซาร์ ไทรอัน แดเนี่ยล อายุ 40 ปี สัญชาติโรมาเนีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชลบุรี ที่ จ.950 และ จ.951/2552 ลงวันที่ 14 ต.ค.52 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์, ปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์, ทำเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมแปลง หรือสำหรับให้ได้ข้อมูลในการปลอมแปลงสิ่งใดๆ ที่ระบุไว้ในมาตรา 269/1
โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าโรงแรมดีซีฮิลล์ เลขที่ 144/149 หมู่ 10 ถนนทัพพระยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก 1 เครื่อง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับใช้โจรกรรมข้อมูล สลิปและสมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็มจำนวนหนึ่ง และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง บัตรเอทีเอ็ม 2 ใบ และสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทยอีก 2 เล่ม
พล.ต.ท.ชัชวาลย์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อช่วงต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่ของธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงเทพ เข้าร้องเรียนกับทางพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.ว่ามีกลุ่มคนร้ายชาวต่างชาติแฝงตัวเข้ามาเป็นนักท่องเที่ยวในประเทศไทย ทำการลักข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของลูกค้า และทำการปลอมแปลงบัตรขึ้นมาใหม่ก่อนจะใช้บัตรปลอมดังกล่าวไปรูดซื้อสินค้า และกดเงินสดไป สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก โดยลูกค้าของธนาคารกสิกรไทย 8 ราย ถูกถอนเงินในบัญชีไปแล้ว 467,787 บาท ส่วนลูกค้าของธนาคารกรุงเทพ 6 ราย ถูกถอนเงินไปทั้งสิ้น 14,100 บาท รวมมูลค่ากว่า 481,887 บาท ซึ่งทางกองปราบปรามสามารถสืบบสวนสอบสวนจนกระทั่งออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสอง จึงประสานข้อมูลมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้ช่วยติดตามจับกุมตัว
พล.ต.ท.ชัชวาลย์ กล่าวต่อไปว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้เดินทางผ่านด่าน ตม.โป่งน้ำร้อน เมื่อวันที่ 7 และ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา และเดินทางมาพักที่โรงแรมดังกล่าว จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวเอาไว้ได้ดังกล่าว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองรายเดินทางเข้าประเทศมาอย่างถูกต้องตามกฎหมายในฐานะนักท่องเที่ยว ก่อนจะลงมือก่อเหตุด้วยวิธีนำเครื่องดูดข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ที่เรียกว่าเครื่องสกิมเมอร์ ไปติดตั้งตามตู้เอทีเอ็มเพื่อดูดข้อมูลบัตรผู้เสียหาย ก่อนนำไปทำบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเครดิตปลอมเพื่อถอนเงิน เมื่อวีซ่าหมดอายุ ผู้ต้องหาทั้งสองคนก็จะเดินทางออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนเดินทางกลับเข้ามาตามด่านชายแดนในฐานะนักท่องเที่ยวอีก ซึ่งเป็นการใช้ช่องของกฎหมายที่อนุญาตให้ผ่านเข้ามาอยู่ได้อีก 30 วัน เพื่อลงมือก่อเหตุอีก
พล.ต.ท.ชัชวาลย์ กล่าวด้วยว่า ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองก็จะดำเนินการตามกฎหมายคนเข้าเมืองด้วยการเพิกถอนการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรทันที พร้อมทั้งจะขึ้นบัญชีเฝ้าดูบุคคลทั้ง 2 คน ไม่ให้ผู้กระทำผิดในกรณีแบบนี้ หรือผู้กระทำผิดในกรณีอื่นๆ ได้มีโอกาสกลับเข้ามาก่อเหตุในประเทศอีกต่อไป ส่วนตัวผู้ต้องหาทั้งสองจะนำตัวส่งให้ทางพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.ทำการสอบสวนขยายผลหาเพื่อนร่วมขบวนการเพื่อดำเนินคดีต่อไป
