โรงพยาบาลตำรวจเตรียมห้องพักสุดหรูรับตรวจสุขภาพ “ราเกซ” หากต้องพักรักษาตัวก่อนสอบสวน ส่งตัวฟ้องศาล พร้อมจัดคณะแพทย์เตรียมเช็กละเอียดป้องกันไข้หวัด 2009 ชี้แพทย์ประเมินเบื้องต้นเป็นอัมพฤกษ์ตามวัย สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วย
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิปทั้งหมด
วันนี้ (30 ต.ค.) ที่โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ต.อรรถพันธ์ พรมณฑารัตน์ รองนายแพทย์ใหญ่ (สบ 7) รักษาราชการแทนนายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการดูแลด้านสุขภาพ นายราเกซ สักเสนา ผู้ต้องหายักยอกทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี ว่า ทาง รพ.ตำรวจ ในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลด้านสุขภาพของนายราเกซ ได้เตรียมสถานที่ห้อง 1304 ชั้น 13 หอผู้ป่วยพิเศษศัลยกรรม อาคารเฉลิมพระเกียรติ พร้อมกับบุคลากร เพื่อเตรียมตรวจร่างกายนายราเกซ หลังเดินทางกลับมายังประเทศไทย ซึ่งได้เตรียมพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ มีการตั้งคณะกรรมการแพทย์ ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแขนงต่างๆ ไว้เพื่อประเมินสุขภาพ พร้อมทั้งดูแลเรื่องของความปลอดภัยอย่างดีที่สุด
พล.ต.ต.อรรถพันธ์ กล่าวต่อไปว่า ทางแพทย์ดูแลทุกขั้นตอนตั้งแต่การไปรับตัว โดยได้ส่ง พ.ต.อ.นพ.สุรพล เกศประยูร นายแพทย์ (สบ 5) เป็นทีมงานไปรับตัวนายราเกซ ซึ่งได้ทำการประเมินสุขภาพตั้งแต่อยู่ที่ประเทศแคนาดา และขณะอยู่บนเครื่องบิน ซึ่งเท่าที่ประเมินสุขภาพ เบื้องต้นราเกซ มีโรคอัมพฤกษ์ และโรคอื่นๆ ที่ผู้สูงอายุโดยทั่วไปเป็นกัน แต่ยังไม่ได้รับรายละเอียดมากนัก ต้องรอให้มาถึงประเทศไทยเสียก่อน อย่างไรก็ตาม เท่าที่ทราบอาการนายราเกซไ ม่ได้รุนแรงมาก สามารถช่วยเหลือตัวเองและ เดินทางโดยเครื่องบินได้ โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิตพิเศษใดๆ
“สำหรับขั้นตอน คาดว่าเมื่อทันทีที่นายราเกซมาถึง เราได้เตรียมรถพยาบาลพร้อมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของศูนย์ส่งกลับ ซึ่งมีเครื่องไม้เครื่องมือครบถ้วน ไปรอรับที่สนามบินในเวลาประมาณ 19.00 น. หลังจากนั้นจะมีประเมินอีกครั้งว่าจำเป็นต้องได้รับการตรวจสุขภาพหรือทำการรักษาหรือไม่ หากมีความจำเป็นก็จะนำตัวนายราเกซ มาตรวจที่ รพ.ตำรวจ ไม่สามรถไปตรวจที่อื่นได้ ซึ่งเราก็จะเตรียมแพทย์ไว้ที่ห้องฉุกเฉิน ซึ่งการตรวจนั้นเราก็ต้องตรวจอย่างละเอียด รวมถึงไข้หวัด 2009 ด้วย เนื่องจากเดินทางมาจากประเทศแคนนาดา ซึ่งเป็นพื้นที่ระบาดของโรคดังกล่าว ขณะเดียวกัน มีการตรวจสภาพจิต โดยจิตแพทย์ เพราะคาดว่านายราเกซน่าจะมีอาการเครียดมาก เนื่องจากมีทั้งปัญหาสุขภาพ และเรื่องของคดีความ” รองนายแพทย์ใหญ่ (สบ 7) กล่าว
พล.ต.ต.อรรถพันธ์ กล่าวว่า การที่จะให้นายราเกซ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ก่อนที่จะทำการสอบสวน หรือส่งตัวไปฟ้องศาล ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ หากแพทย์เห็นว่าอาการปลอดภัย สามารถสอบปากคำ หรือฟ้องศาลได้ หากเห็นว่าไม่ปลอดภัยก็ต้องรักษาตัวก่อน ซึ่งระยะเวลาที่รักษาตัวจะนานเท่าใด ขึ้นอยู่กับดุลพินิจแพทย์ คาดว่านายราเกซ น่าจะมีการร้องขอให้รักษาตัวก่อนที่พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปสอบปากคำ ซึ่งหากนายราเกซประสงค์ที่จะรักษาตัวที่โรงพยาบาลอื่นก็สามารถทำได้ เพราะเป็นสิทธิของผู้ป่วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน เพราะเขาอยู่ในฐานะผู้ต้องหา ขณะเดียวกัน รพ.ตำรวจ มีความพร้อมด้านการแพทย์ รวมถึงมีความสะดวก ในการวางมาตรการรักษาความปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวถามว่าการจัดห้องพิเศษซึ่งเป็นห้องวีไอพีให้ เป็นให้สิทธิพิเศษผู้ต้องหาเกินไปหรือไม่ พล.ต.ต.อรรถพันธ์ กล่าวว่า ก็ไม่ได้พิเศษกว่าคนอื่น ซึ่งตามปกติห้องพิเศษวีไอพี ประชาชนทั่วไปก็สามารถใช้ได้ ตึกนี้ก็มีห้องพิเศษหลายห้อง ที่เตรียมห้องนี้ไว้เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย เพราะอยู่อาคารเดียวกับห้องฉุกเฉิน ซึ่งตามกฎหากผู้ป่วยเข้ามานอกเวลาต้องเข้าห้องฉุกเฉินก่อน ขณะเดียวกันก็สะดวกในการวางกำลังรักษาความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ห้องนี้เราแค่เตรียมไว้ในเบื้องต้น หากสถานการณ์เปลี่ยนก็อาจจะพิจารณาเปลี่ยนไปใช้ห้องอื่นได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับห้องวีไอพีดังกล่าวเป็นห้องขนาดใหญ่ อยู่ในหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ หรือ ฉก.13 ซึ่งทั้งชั้นเป็นห้องวีไอพีทั้งหมด โดยภายในแบ่งเป็นห้องรับแขก และห้องพักผู้ป่วยภายใน มีเครื่องอำนวยความสะดวก เช่น ไมโครเวฟ ตู้เย็น ทีวี โซฟา โต๊ะรับประทานอาหาร
วันนี้ (30 ต.ค.) ที่โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ต.อรรถพันธ์ พรมณฑารัตน์ รองนายแพทย์ใหญ่ (สบ 7) รักษาราชการแทนนายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการดูแลด้านสุขภาพ นายราเกซ สักเสนา ผู้ต้องหายักยอกทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี ว่า ทาง รพ.ตำรวจ ในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลด้านสุขภาพของนายราเกซ ได้เตรียมสถานที่ห้อง 1304 ชั้น 13 หอผู้ป่วยพิเศษศัลยกรรม อาคารเฉลิมพระเกียรติ พร้อมกับบุคลากร เพื่อเตรียมตรวจร่างกายนายราเกซ หลังเดินทางกลับมายังประเทศไทย ซึ่งได้เตรียมพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ มีการตั้งคณะกรรมการแพทย์ ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแขนงต่างๆ ไว้เพื่อประเมินสุขภาพ พร้อมทั้งดูแลเรื่องของความปลอดภัยอย่างดีที่สุด
พล.ต.ต.อรรถพันธ์ กล่าวต่อไปว่า ทางแพทย์ดูแลทุกขั้นตอนตั้งแต่การไปรับตัว โดยได้ส่ง พ.ต.อ.นพ.สุรพล เกศประยูร นายแพทย์ (สบ 5) เป็นทีมงานไปรับตัวนายราเกซ ซึ่งได้ทำการประเมินสุขภาพตั้งแต่อยู่ที่ประเทศแคนาดา และขณะอยู่บนเครื่องบิน ซึ่งเท่าที่ประเมินสุขภาพ เบื้องต้นราเกซ มีโรคอัมพฤกษ์ และโรคอื่นๆ ที่ผู้สูงอายุโดยทั่วไปเป็นกัน แต่ยังไม่ได้รับรายละเอียดมากนัก ต้องรอให้มาถึงประเทศไทยเสียก่อน อย่างไรก็ตาม เท่าที่ทราบอาการนายราเกซไ ม่ได้รุนแรงมาก สามารถช่วยเหลือตัวเองและ เดินทางโดยเครื่องบินได้ โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิตพิเศษใดๆ
“สำหรับขั้นตอน คาดว่าเมื่อทันทีที่นายราเกซมาถึง เราได้เตรียมรถพยาบาลพร้อมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของศูนย์ส่งกลับ ซึ่งมีเครื่องไม้เครื่องมือครบถ้วน ไปรอรับที่สนามบินในเวลาประมาณ 19.00 น. หลังจากนั้นจะมีประเมินอีกครั้งว่าจำเป็นต้องได้รับการตรวจสุขภาพหรือทำการรักษาหรือไม่ หากมีความจำเป็นก็จะนำตัวนายราเกซ มาตรวจที่ รพ.ตำรวจ ไม่สามรถไปตรวจที่อื่นได้ ซึ่งเราก็จะเตรียมแพทย์ไว้ที่ห้องฉุกเฉิน ซึ่งการตรวจนั้นเราก็ต้องตรวจอย่างละเอียด รวมถึงไข้หวัด 2009 ด้วย เนื่องจากเดินทางมาจากประเทศแคนนาดา ซึ่งเป็นพื้นที่ระบาดของโรคดังกล่าว ขณะเดียวกัน มีการตรวจสภาพจิต โดยจิตแพทย์ เพราะคาดว่านายราเกซน่าจะมีอาการเครียดมาก เนื่องจากมีทั้งปัญหาสุขภาพ และเรื่องของคดีความ” รองนายแพทย์ใหญ่ (สบ 7) กล่าว
พล.ต.ต.อรรถพันธ์ กล่าวว่า การที่จะให้นายราเกซ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ก่อนที่จะทำการสอบสวน หรือส่งตัวไปฟ้องศาล ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ หากแพทย์เห็นว่าอาการปลอดภัย สามารถสอบปากคำ หรือฟ้องศาลได้ หากเห็นว่าไม่ปลอดภัยก็ต้องรักษาตัวก่อน ซึ่งระยะเวลาที่รักษาตัวจะนานเท่าใด ขึ้นอยู่กับดุลพินิจแพทย์ คาดว่านายราเกซ น่าจะมีการร้องขอให้รักษาตัวก่อนที่พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปสอบปากคำ ซึ่งหากนายราเกซประสงค์ที่จะรักษาตัวที่โรงพยาบาลอื่นก็สามารถทำได้ เพราะเป็นสิทธิของผู้ป่วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน เพราะเขาอยู่ในฐานะผู้ต้องหา ขณะเดียวกัน รพ.ตำรวจ มีความพร้อมด้านการแพทย์ รวมถึงมีความสะดวก ในการวางมาตรการรักษาความปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวถามว่าการจัดห้องพิเศษซึ่งเป็นห้องวีไอพีให้ เป็นให้สิทธิพิเศษผู้ต้องหาเกินไปหรือไม่ พล.ต.ต.อรรถพันธ์ กล่าวว่า ก็ไม่ได้พิเศษกว่าคนอื่น ซึ่งตามปกติห้องพิเศษวีไอพี ประชาชนทั่วไปก็สามารถใช้ได้ ตึกนี้ก็มีห้องพิเศษหลายห้อง ที่เตรียมห้องนี้ไว้เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย เพราะอยู่อาคารเดียวกับห้องฉุกเฉิน ซึ่งตามกฎหากผู้ป่วยเข้ามานอกเวลาต้องเข้าห้องฉุกเฉินก่อน ขณะเดียวกันก็สะดวกในการวางกำลังรักษาความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ห้องนี้เราแค่เตรียมไว้ในเบื้องต้น หากสถานการณ์เปลี่ยนก็อาจจะพิจารณาเปลี่ยนไปใช้ห้องอื่นได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับห้องวีไอพีดังกล่าวเป็นห้องขนาดใหญ่ อยู่ในหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ หรือ ฉก.13 ซึ่งทั้งชั้นเป็นห้องวีไอพีทั้งหมด โดยภายในแบ่งเป็นห้องรับแขก และห้องพักผู้ป่วยภายใน มีเครื่องอำนวยความสะดวก เช่น ไมโครเวฟ ตู้เย็น ทีวี โซฟา โต๊ะรับประทานอาหาร
รายงานสดจากพื้นที่ข่าว
เดินทางมายังโรงพยาบาลตำรวจ
Latitude: 13.743136919449269 Longitude: 100.5388069152832