โฆษก ตร.เผย “สุเทพ” ลงนามประกาศ ก.ตร.ตั้งบอร์ดกลั่นกรอง มี “สมศักดิ์ บุญทอง” เป็นประธานบอร์ดกลั่นกรองแล้ว ด้าน “ปทีป” สั่ง ผบช.ก.เป็นหัวหน้าสอบสวนล่ามือมืดปล่อยข่าวทุบหุ้น เชื่อ ทีมสอบชุดนี้มีหลักฐานส่งให้ รรท.ผบ.ตร.ดำเนินการต่อได้แน่
วันนี้ (22 ต.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้ลงนามในประกาศ ก.ตร.เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกข้าราชการตำรวจ หรือ บอร์ดกลั่นกรอง ซึ่งมี นายสมศักดิ์ บุญทอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธานบอร์ดกลั่นกรอง มี ผบ.ตร.จเรตำรวจแห่งชาติ รอง ผบ.ตร.และ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิอีก 4 ท่าน เป็นกรรมการ เพื่อที่จะพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร.-ผบก.วาระประจำปี ส่วนจะมีการนัดประชุม ก.ตร.เพื่อดำเนินการแต่งตั้งเมื่อใดนั้น ขึ้นอยู่กับประธาน ก.ตร.จะนัดหมายอีกครั้ง ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนด ซึ่งหากกำหนดเมื่อไหร่นั้นจะแจ้งให้ทราบต่อไป
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวถึงกรณีมีกลุ่มบุคคลปล่อยข่าวลือทำให้ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ร่วงลงอย่างหนัก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า ในวันแรกที่เกิดเหตุ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่อยมา จนกระทั่งล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลได้สรุปข้อมูลล่าสุด ว่า กรณีที่เกิดขึ้นมีความไม่ชอบมาพากล มีความผิดปกติเกิดขึ้น ซึ่งมีข้อมูลเพียงพอที่จะดำเนินการแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการสอบสวนรวบรวมหลักฐานต่างๆ และแสวงหาข้อเท็จจริง โดยขณะนี้ พล.ต.อ.ปทีป ได้มีคำสั่งให้ พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศตรู ผบช.ก.เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริง โดยให้ พล.ต.ท.ไถง ไปแต่งตั้งคณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วย ตำรวจสันติบาล กองบังคับการปราบปรามการกระทำเกี่ยวกับผิดทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ.กองบังคับการปราบปราม หรือ บก.ป.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
“กระบวนการสืบสวนในทางลับของตำรวจสันติบาลที่นำเสนอ รรท.ผบ.ตร.นั้น มีการพบความผิดปกติเกิดขึ้น และมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินการต่อ และมีหลักฐานแน่นหนาเพียงพอที่จะทำให้การกระบวนการสืบสวนข้อเท็จจริงเดินหน้าอย่างเป็นทางการได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และการทำงานของพนักงานชุดนี้จะมีการประสานงานข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ ก.ล.ต.และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ซึ่งจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ระหว่างกัน จะมีการแบ่งหน้าที่แบ่งงานกันทำ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความประสงค์ที่จะดำเนินการทางผู้ที่สร้างความเสียหายกับตลาดหลักทรัพย์มาลงโทษให้ได้” พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าว
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวต่อว่า ในการแสวงหาข้อเท็จจริงที่เพิ่มขึ้นจะรวมถึงกระบวนการในการดำเนินการ และบุคคลต่างๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเชื่อว่า จากฐานข้อมูลของตำรวจสันติบาลที่ได้ดำเนินการสืบสวนในทางลับนั้น ก็จะช่วยให้คณะพนักงานสืบสวนชุดนี้ได้ดำเนินการต่อไปได้ หากมีพยานหลักฐานไปถึงใครไม่ว่าจะอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ หรือนอกตลาดหลักทรัพย์รวมถึงกระบวนการต่างๆ ที่มีความไม่ปกติ หรือไม่ชอบมาพากล คณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงชุดนี้ก็จะสรุปทั้งประเด็นที่เป็นหลักฐาน ประเด็นที่เป็นข้อเท็จจริงเพื่อส่งให้ รรท.ผบ.ตร. พิจารณาสั่งการต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงชุดนี้ มีกรอบระยะเวลาการทำงานอย่างไร พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า เนื่องจากเป็นเรืองที่มี่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เชื่อว่า การทำงานจะดำเนินการได้โดยเร็ว ประกอบกับตำรวจมีข้อมูลพื้นฐานที่ตำรวจสันติบาลได้มีมาอยู่แล้วเหลือเพียงการแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมและพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งการทำงานต่างๆ คงใช้ระยะเวลาไม่นาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนเพื่อยืนยันตัวบุคคลและกระบวนการการทำผิด
เมื่อถามถึงต้นตอของข่าวลือ พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า ในการแถลงข่าวของเราเพียงแต่ต้องการชี้แจง และบอกถึงกระบวนการที่เราทำงาน แต่รายละเอียดต่างๆ เป็นความลับ จึงต้องขอปิดในส่วนนี้ไว้ก่อนเพื่อประโยชน์ในการทำงาน โดยคณะพนักงานสืบสวนชุดนี้มีอำนาจในการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นการทำงานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ที่ให้อำนาจตำรวจเข้าไปดำเนินการได้ และขอความกรุณาขอบุคคลใดก็ตาม ที่ตำรวจมีหนังสือเชิญมาให้ปากคำ ให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนชุดนี้ด้วย ส่วนกรณีบุคคลที่เกี่ยวข้องรายใดที่อยู่ต่างประเทศ เราก็มีกระบวนการอยู่แล้วที่จะให้บุคคลผู้นั้นมาให้ปากคำ