ASTVผู้จัดการรายวัน - "สมชาย แสวงการ" แกนนำกลุ่ม "40 ส.ว." แฉมีคนไทยอย่างน้อย 2 คนร่วมขบวนการทุบหุ้นหวังโกยกำไรบนความตื่นตระหนกของนักลงทุน ระบุอักษรย่อ "ย.-ว." คนใกล้ชิดน้องชายอดีตผู้นำจอมลวงโลก ปั่นข่าวลือใช้ล็อบบี้ยิสต์เมืองลอดช่องถล่มตลาดหุ้นไทย ยันเป็นขบวนการ “ล้มเจ้า” มีฐานที่มั่นกลางกรุงลอนดอน ด้าน ก.ล.ต.ยังงมเข็มในมหาสมุทรหาไม่พบต้นเหตุไร้บทลงโทษ สันติบาลชี้ผู้เกี่ยวข้องไหวตัวทัน
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. พร้อมนายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ ส.ว.สรรหา ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการ เกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีที่กระบวนการปล่อยข่าวลือในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อให้ราคาหุ้นตกต่ำ และหวังซื้อหุ้นราคาต่ำ ส่งผลกระทบให้นักลงทุนตื่นตระหนก
นายสมชาย ระบุว่า การซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นช่วงดังกล่าว มีขบวนการปล่อยข่าว ทุบหุ้นเพื่อช้อนซื้อหุ้นในราคาต่ำ ทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกกับข่าวลืออัปมงคล เรื่องนี้มีขบวนการปล่อยข่าว “ล้มเจ้า” เป็นการกระทำของคนบางกลุ่มที่ต้องการล้มเจ้า โดยอาศัยพระอาการประชวร เคลื่อนไหวที่ปล่อยข่าวทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้ล็อบบี้ยิสต์ป้อนข่าวให้กับสำนักข่าว ทั้งในประเทศอังกฤษและสิงค์โปร์
ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์นี้สอดคล้องกับการเผยแพร่บทความของนายใจ อึ้งภากรณ์ และพวกมีการพาดพิงถึงสถาบัน ขณะเดียวกันมีการเชื่อมโยงกับกลุ่มคนไทย ที่ร่วมทุบหุ้นในสิงค์โปร์ เรื่องนี้ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายข่าว จะปล่อยไปไม่ได้ เพราะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและสถาบันโดยตรง ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ จะนำเรื่องดังกล่าวมีพิจารณาในวันนี้
นอกจากนี้ ทั้ง 2 คนเชื่อว่า ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ครั้งนี้ มีอักษรย่อ "ย" และ "ว" ซึ่งเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับน้องชายอดีตผู้นำประเทศ โดยนายสมชายจะตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี ถึงเรื่องดังกล่าว และเสนอให้รัฐบาลมีมาตรการในการติดตามสืบสวน หาตัวผู้กระทำความผิดเพื่อลงโทษ และชี้แจงเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นความจริงต่อนักลงทุนชาวต่างประเทศ เพื่อให้เกิดความเข้าใจต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป
ขณะที่ นายอโณทัย จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาฯ ในวันนี้ และจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมหารือถึงการแก้ไขปัญหาต่อไป
**เร่งตรวจสอบต้นตอข่าวลือ
นางจารุพรรณ อินทรรุ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายงานเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) กล่าวว่า ขณะนี้ ก.ล.ต.กำลังเดินหน้าตรวจสอบกรณีการปล่อยข่าวลือที่มีผลทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากเรื่องดังกล่าวมีความอ่อนไหว ทำให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะไม่ค่อยมีใครกล้าให้ข้อมูลหรือเข้าถึงแหล่งข้อมูลยาก อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต. จะพยายามดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ทั้งนี้ ก.ล.ต.ได้ร่วมกับตำรวจสันติบาลเข้าไปตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆ โดยในส่วนของ ก.ล.ต.ได้ขอข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นผ่านบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ต่างๆ ในช่วงที่มีการปล่อยข่าวลือ เพื่อจะตรวจสอบจุดประสงค์ของการปล่อยข่าว บุคคลที่ปล่อยข่าว รวมถึงบุคคลที่ได้ประโยชน์จากความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากข่าวลือครั้งนี้
สำหรับบทลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวนั้น ยังต้องนำข้อมูลต่างๆ มาพิจารณาถึงการกระทำผิดว่าเข้าข่ายกฎหมายข้อใดของ ก.ล.ต. หากไม่เข้าข่ายอาจจะเกี่ยวข้องกับด้านความมั่นคง ซึ่งในจุดนี้ก็อยู่ในความดูแลของทางตำรวจสันติบาล
**สันติบาลร่วมสอบต้นตอข่าวลือ
พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนกรณีที่มีการปล่อยข่าวลือ ส่งผลให้หุ้นไทยร่วงลงอย่างหนัก เมื่อวันที่ 14-15 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเบื้องต้นพอจะได้เค้าโครงและได้ข้อมูลพอสมควรแล้ว เหลือเพียงการสอบสวนในบางประเด็นอีกเพียงเล็กน้อยก็จะได้ข้อมูลที่ครบถ้วน ทั้งนี้ เมื่อมีการนำเสนอข่าวดังกล่าวออกมามาก ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่างไหวตัวทัน และทำให้พยานบุคคลซึ่งเป็นผู้ให้ข้อมูลกับทางตำรวจลดลงไปมาก ซึ่งตอนนี้คงต้องดูว่าผลของกระแสข่าวที่ออกมานั้น ใครเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงเพื่อดำเนินการสืบสวนถึงต้นตอของข่าวต่อไป
พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวถึงแหล่งที่มาของข่าวลือดังกล่าว ว่า จากการสืบสวนเบื้องต้นทราบว่าต้นตอข่าวมาจากในประเทศไทย แต่อาจจะได้รับข่าวสารมาจากต่างประเทศซึ่งเป็นข้อมูลที่ยังไม่ชัดเจน แต่กลับนำมาปล่อยเพื่อสร้างกระแสข่าวในภาพลบของประเทศ
“คงจะเป็นการยากที่ทางเจ้าหน้าที่จะติดตามตัวผู้ที่ปล่อยข่าวลือดังกล่าว แต่ก็จะดำเนินการอย่างเต็มที่ ซึ่งคงจะต้องพิจารณาว่าบุคคลใดเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากการปล่อยข่าว” พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าว
ผบช.ส.กล่าวด้วยว่า ทางเจ้าหน้าที่ยืนยันจะดำเนินการสืบสวนถึงต้นตอที่ปล่อยข่าวดังกล่าวอย่างเต็มที่ ซึ่งเบื้องต้นได้ข้อมูลกระจ่างพอสมควรแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรายละเอียดนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนเรื่องการชี้แจงกระแสข่าวดังกล่าวนั้น คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการชี้แจงต่อไป
**ผบ.ทบ.วอนฟังแถลงการณ์ฯ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกระแสข่าวลือในลักษณะที่ไม่เป็นมงคลจนส่งผลให้ตลาดหุ้นตกหลายจุดว่า เป็นข่าวลือที่ไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง เราเป็นประชาชนคนไทยถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่น่ากระทำ ดังนั้นเราสมควรจะประณามในการที่สร้างข่าวลือในลักษณะนี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ด้านการข่าวกำลังประเมินกันอยู่
"เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งทางสำนักพระราชวังก็มีคำแถลงการณ์ออกมาเป็นทางการทุกวันอยู่แล้ว ดังนั้นขอให้สื่อมวลชนช่วยกันเผยแพร่ตามคำแถลงการณ์"
ทั้งนี้ กอ.รมน. ได้มีการประชุมกันว่า สมควรที่จะทำอย่างไรในกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งทั้งหมดเห็นพ้องกันว่า น่าจะสื่อให้ประชาชนได้เข้าใจ ตามคำแถลงการณ์ ซึ่งมีความถูกต้อง และมีความศักดิ์สิทธิ์ พี่น้องคนไทยทุกคนเชื่อถือได้ มากกว่าที่จะไปฟังข่าวที่ไม่มีแหล่งข่าว จึงอยากจะขอรบกวนสื่อมวลชนให้ช่วยกันสร้างความคิดของคนในชาติให้ฟังในสิ่งที่ควรฟัง อย่าฟังในสิ่งที่เขาว่ากัน
**คนปล่อยข่าว"ทรยศชาติตัวจริง"
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวว่า คนปล่อยข่าวลือที่ไม่เป็นมงคล เป็นพวกทรยศต่อชาติอย่างแท้จริง เพราะทำให้ประเทศเสียหาย ทำให้ประชาชนเกิดความตระหนกตกใจ
"ผมดีใจที่ 2-3 วันนี้ ประชาชนคนไทยมีความสุขมากขึ้น หลังจากได้ฟังข่าวจากสื่อ กรณีที่ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ ได้ตรัสพระราชทานแก่คนไทยที่เยอรมันและก็เป็นเจ้าฟ้าที่ได้เข้าเฝ้าฯ และมาตรัสประทานแก่คนไทย ทำให้คนไทยชื่นใจขึ้น และเมื่อติดตามแถลงการณ์ของคณะแพทย์ ที่ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระอาการดีขึ้น ผมคิดว่าคนไทยมีความสุข เรื่องนี้ช่วยทำให้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้นเยอะ เพราะคนไทยมีความจงรักภักดี มีความกังวลใจ เมื่อได้รับข้อมูลที่ดีอย่างนี้ก็ชื่นใจ"
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ได้สั่งการให้สืบสวนหาต้นตอ คนปล่อยข่าว อยู่ตลอดเวลา ให้เจ้าหน้าฝ่ายข่าวทั้งหลายให้พยายามติดตาม ใครก็ตามที่ทำร้ายประเทศชาติต้องหาทางดำเนินการให้ได้
เมื่อถามว่า การปั่นหุ้นน่าจะตรวจสอบได้ไม่ยาก นายสุเทพ กล่าวว่า ก็พยายามอยู่ วันก่อนก็คุยกับ รมว.คลัง ท่านก็ได้ดำเนินการในส่วนนี้ด้วย ตนก็พยายามหาข่าวในซีกส่วนที่รับผิดชอบด้วย
ส่วนที่ว่าเกี่ยวพันนักการเมืองที่เป็นนักเลงหุ้น อาจจะใช้วิธีการนี้เพื่อหาเงินเอาไว้เล่นการเมือง ประเด็นนี้มีข้อเท็จจริงอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าตนได้ข้อมูลอย่างนั้นจะเล่นงานให้หนักเลย และจะนำมาเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบด้วย เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่เลวร้ายมากสำหรับประเทศไทย
**คนปล่อยข่าวลืออยู่ต่างประเทศ
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า รัฐบาลมีความกังวล และได้มีการหารือกันมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากข่าวลือที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความตื่นตระหนก ซึ่งต่อมาก็ได้รับความร่วมมือจากสื่อทุกฝ่าย ในการเผยแพร่ข้อเท็จจริง เช่น การแถลงการณ์ของคณะแพทย์ แถลงการณ์ของสำนักพระราชวัง หรือแม้แต่การเผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เรื่องของข่าวลือจึงถูกยืนยันด้วยข้อเท็จจริงแล้วว่า ไม่ได้เป็นไปตามนั้น แต่เรื่องใหญ่คงดูที่ต้นตอ ซึ่งฝ่ายมั่นคงกำลังดูอยู่ และก็พอจะทราบว่าต้นตอก็มีส่วนมาจากต่างประเทศ ซึ่งคงจะต้องจัดการ เพราะคนที่ทำข่าวลือเรื่องนี้ต้องไม่หวังดีแน่นอน
ส่วนตอนนี้ที่ตรวจสอบอย่างละเอียดอยู่ก็คือ สื่อต่างประเทศบางส่วนว่าเจตนาเผยแพร่โดยปกติตามหน้าที่สื่อสารมวลชน หรือ มีเจตนาอื่น แต่คงต้องตรวจสอบข่าวสารข้อมูลก่อน เมื่อถามว่า กรณีของสำนักข่าว Bloomberg ที่เป็นผู้เผยแพร่ข่าวในเริ่มแรก นั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตรวจสอบอยู่ตอนนี้ว่าเจตนาจริงคืออะไร ทั้งนี้ในการขอความร่วมมือสำนักข่าวต่างประเทศ โดยปกติกระทรวงการต่างประเทศทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว ในการประสานโดยกรมสารนิเทศ
**เชื่อมีการเมืองแฝง
เมื่อถามว่า จากเหตุที่เกิดขึ้นกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีการรายงานตรงมาที่นายกรัฐมนตรีหรือยัง ว่ามีการดำเนินการกับสำนักข่าวต่างประเทศที่ดำเนินการแบบนี้อย่างไรบ้าง นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ามีการดำเนินการแล้วหรือยัง
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ในแง่ทางการเมืองมีแน่ ซึ่งอันนี้ต้องพยายามยืนยันด้วยข้อเท็จจริงไปก่อน ส่วนการสืบหาตัวต้นตอก็เป็นเรื่องฝ่ายความมั่นคงต้องไปดำเนินการ แต่เรื่องนี้ไม่หวังดีอยู่แล้วคนที่ปล่อยข่าวเรื่องนี้ คิดว่าไม่ได้แค่ปล่อยข่าวหวังในตลาดหุ้นอย่างเดียว เพราะว่ามีการพยายามที่จะสร้างความรู้สึกลักษณะอย่างนี้มาหลายครั้ง
" คือหนึ่งมันมีผลต่อปัจจัยเรื่องตลาดหุ้นอยู่แล้ว สอง เมื่อมาประสานกับการเคลื่อนไหวหลายๆ อย่าง ทั้งก่อนหน้านี้ หรือความเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายอย่าง ก็มีผลเกี่ยวโยงถึงกัน ประเด็นที่ต้องพิสูจน์คือ คนนั้นเป็นใคร เป็นกระบวนการเดียวหรือไม่ คงต้องดูกันจริงๆ ถ้าคุณตามเรื่องนี้ จะเห็นในเว็บในอะไร มีมาตลอด ไอซีที ก็ปิดกันมาเยอะแล้ว ติดตามกันอยู่ กลุ่มคนก็ต้องสาวกันต่อ ส่วนกรณีของสำนักข่าว bloomberg คงต้องตรวจสอบกันก่อนแล้วให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องออกมาพูดเอง เพราะหากเราพูดไปจะไปกระทบสิทธิกระทบอะไรเข้าก็จะเป็นเรื่องเป็นปัญหา" นายสาทิตย์กล่าว.
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. พร้อมนายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ ส.ว.สรรหา ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการ เกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีที่กระบวนการปล่อยข่าวลือในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อให้ราคาหุ้นตกต่ำ และหวังซื้อหุ้นราคาต่ำ ส่งผลกระทบให้นักลงทุนตื่นตระหนก
นายสมชาย ระบุว่า การซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นช่วงดังกล่าว มีขบวนการปล่อยข่าว ทุบหุ้นเพื่อช้อนซื้อหุ้นในราคาต่ำ ทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกกับข่าวลืออัปมงคล เรื่องนี้มีขบวนการปล่อยข่าว “ล้มเจ้า” เป็นการกระทำของคนบางกลุ่มที่ต้องการล้มเจ้า โดยอาศัยพระอาการประชวร เคลื่อนไหวที่ปล่อยข่าวทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้ล็อบบี้ยิสต์ป้อนข่าวให้กับสำนักข่าว ทั้งในประเทศอังกฤษและสิงค์โปร์
ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์นี้สอดคล้องกับการเผยแพร่บทความของนายใจ อึ้งภากรณ์ และพวกมีการพาดพิงถึงสถาบัน ขณะเดียวกันมีการเชื่อมโยงกับกลุ่มคนไทย ที่ร่วมทุบหุ้นในสิงค์โปร์ เรื่องนี้ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายข่าว จะปล่อยไปไม่ได้ เพราะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและสถาบันโดยตรง ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ จะนำเรื่องดังกล่าวมีพิจารณาในวันนี้
นอกจากนี้ ทั้ง 2 คนเชื่อว่า ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ครั้งนี้ มีอักษรย่อ "ย" และ "ว" ซึ่งเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับน้องชายอดีตผู้นำประเทศ โดยนายสมชายจะตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี ถึงเรื่องดังกล่าว และเสนอให้รัฐบาลมีมาตรการในการติดตามสืบสวน หาตัวผู้กระทำความผิดเพื่อลงโทษ และชี้แจงเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นความจริงต่อนักลงทุนชาวต่างประเทศ เพื่อให้เกิดความเข้าใจต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป
ขณะที่ นายอโณทัย จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาฯ ในวันนี้ และจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมหารือถึงการแก้ไขปัญหาต่อไป
**เร่งตรวจสอบต้นตอข่าวลือ
นางจารุพรรณ อินทรรุ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายงานเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) กล่าวว่า ขณะนี้ ก.ล.ต.กำลังเดินหน้าตรวจสอบกรณีการปล่อยข่าวลือที่มีผลทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากเรื่องดังกล่าวมีความอ่อนไหว ทำให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะไม่ค่อยมีใครกล้าให้ข้อมูลหรือเข้าถึงแหล่งข้อมูลยาก อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต. จะพยายามดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ทั้งนี้ ก.ล.ต.ได้ร่วมกับตำรวจสันติบาลเข้าไปตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆ โดยในส่วนของ ก.ล.ต.ได้ขอข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นผ่านบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ต่างๆ ในช่วงที่มีการปล่อยข่าวลือ เพื่อจะตรวจสอบจุดประสงค์ของการปล่อยข่าว บุคคลที่ปล่อยข่าว รวมถึงบุคคลที่ได้ประโยชน์จากความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากข่าวลือครั้งนี้
สำหรับบทลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวนั้น ยังต้องนำข้อมูลต่างๆ มาพิจารณาถึงการกระทำผิดว่าเข้าข่ายกฎหมายข้อใดของ ก.ล.ต. หากไม่เข้าข่ายอาจจะเกี่ยวข้องกับด้านความมั่นคง ซึ่งในจุดนี้ก็อยู่ในความดูแลของทางตำรวจสันติบาล
**สันติบาลร่วมสอบต้นตอข่าวลือ
พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนกรณีที่มีการปล่อยข่าวลือ ส่งผลให้หุ้นไทยร่วงลงอย่างหนัก เมื่อวันที่ 14-15 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเบื้องต้นพอจะได้เค้าโครงและได้ข้อมูลพอสมควรแล้ว เหลือเพียงการสอบสวนในบางประเด็นอีกเพียงเล็กน้อยก็จะได้ข้อมูลที่ครบถ้วน ทั้งนี้ เมื่อมีการนำเสนอข่าวดังกล่าวออกมามาก ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่างไหวตัวทัน และทำให้พยานบุคคลซึ่งเป็นผู้ให้ข้อมูลกับทางตำรวจลดลงไปมาก ซึ่งตอนนี้คงต้องดูว่าผลของกระแสข่าวที่ออกมานั้น ใครเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงเพื่อดำเนินการสืบสวนถึงต้นตอของข่าวต่อไป
พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวถึงแหล่งที่มาของข่าวลือดังกล่าว ว่า จากการสืบสวนเบื้องต้นทราบว่าต้นตอข่าวมาจากในประเทศไทย แต่อาจจะได้รับข่าวสารมาจากต่างประเทศซึ่งเป็นข้อมูลที่ยังไม่ชัดเจน แต่กลับนำมาปล่อยเพื่อสร้างกระแสข่าวในภาพลบของประเทศ
“คงจะเป็นการยากที่ทางเจ้าหน้าที่จะติดตามตัวผู้ที่ปล่อยข่าวลือดังกล่าว แต่ก็จะดำเนินการอย่างเต็มที่ ซึ่งคงจะต้องพิจารณาว่าบุคคลใดเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากการปล่อยข่าว” พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าว
ผบช.ส.กล่าวด้วยว่า ทางเจ้าหน้าที่ยืนยันจะดำเนินการสืบสวนถึงต้นตอที่ปล่อยข่าวดังกล่าวอย่างเต็มที่ ซึ่งเบื้องต้นได้ข้อมูลกระจ่างพอสมควรแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรายละเอียดนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนเรื่องการชี้แจงกระแสข่าวดังกล่าวนั้น คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการชี้แจงต่อไป
**ผบ.ทบ.วอนฟังแถลงการณ์ฯ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกระแสข่าวลือในลักษณะที่ไม่เป็นมงคลจนส่งผลให้ตลาดหุ้นตกหลายจุดว่า เป็นข่าวลือที่ไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง เราเป็นประชาชนคนไทยถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่น่ากระทำ ดังนั้นเราสมควรจะประณามในการที่สร้างข่าวลือในลักษณะนี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ด้านการข่าวกำลังประเมินกันอยู่
"เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งทางสำนักพระราชวังก็มีคำแถลงการณ์ออกมาเป็นทางการทุกวันอยู่แล้ว ดังนั้นขอให้สื่อมวลชนช่วยกันเผยแพร่ตามคำแถลงการณ์"
ทั้งนี้ กอ.รมน. ได้มีการประชุมกันว่า สมควรที่จะทำอย่างไรในกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งทั้งหมดเห็นพ้องกันว่า น่าจะสื่อให้ประชาชนได้เข้าใจ ตามคำแถลงการณ์ ซึ่งมีความถูกต้อง และมีความศักดิ์สิทธิ์ พี่น้องคนไทยทุกคนเชื่อถือได้ มากกว่าที่จะไปฟังข่าวที่ไม่มีแหล่งข่าว จึงอยากจะขอรบกวนสื่อมวลชนให้ช่วยกันสร้างความคิดของคนในชาติให้ฟังในสิ่งที่ควรฟัง อย่าฟังในสิ่งที่เขาว่ากัน
**คนปล่อยข่าว"ทรยศชาติตัวจริง"
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวว่า คนปล่อยข่าวลือที่ไม่เป็นมงคล เป็นพวกทรยศต่อชาติอย่างแท้จริง เพราะทำให้ประเทศเสียหาย ทำให้ประชาชนเกิดความตระหนกตกใจ
"ผมดีใจที่ 2-3 วันนี้ ประชาชนคนไทยมีความสุขมากขึ้น หลังจากได้ฟังข่าวจากสื่อ กรณีที่ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ ได้ตรัสพระราชทานแก่คนไทยที่เยอรมันและก็เป็นเจ้าฟ้าที่ได้เข้าเฝ้าฯ และมาตรัสประทานแก่คนไทย ทำให้คนไทยชื่นใจขึ้น และเมื่อติดตามแถลงการณ์ของคณะแพทย์ ที่ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระอาการดีขึ้น ผมคิดว่าคนไทยมีความสุข เรื่องนี้ช่วยทำให้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้นเยอะ เพราะคนไทยมีความจงรักภักดี มีความกังวลใจ เมื่อได้รับข้อมูลที่ดีอย่างนี้ก็ชื่นใจ"
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ได้สั่งการให้สืบสวนหาต้นตอ คนปล่อยข่าว อยู่ตลอดเวลา ให้เจ้าหน้าฝ่ายข่าวทั้งหลายให้พยายามติดตาม ใครก็ตามที่ทำร้ายประเทศชาติต้องหาทางดำเนินการให้ได้
เมื่อถามว่า การปั่นหุ้นน่าจะตรวจสอบได้ไม่ยาก นายสุเทพ กล่าวว่า ก็พยายามอยู่ วันก่อนก็คุยกับ รมว.คลัง ท่านก็ได้ดำเนินการในส่วนนี้ด้วย ตนก็พยายามหาข่าวในซีกส่วนที่รับผิดชอบด้วย
ส่วนที่ว่าเกี่ยวพันนักการเมืองที่เป็นนักเลงหุ้น อาจจะใช้วิธีการนี้เพื่อหาเงินเอาไว้เล่นการเมือง ประเด็นนี้มีข้อเท็จจริงอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าตนได้ข้อมูลอย่างนั้นจะเล่นงานให้หนักเลย และจะนำมาเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบด้วย เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่เลวร้ายมากสำหรับประเทศไทย
**คนปล่อยข่าวลืออยู่ต่างประเทศ
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า รัฐบาลมีความกังวล และได้มีการหารือกันมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากข่าวลือที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความตื่นตระหนก ซึ่งต่อมาก็ได้รับความร่วมมือจากสื่อทุกฝ่าย ในการเผยแพร่ข้อเท็จจริง เช่น การแถลงการณ์ของคณะแพทย์ แถลงการณ์ของสำนักพระราชวัง หรือแม้แต่การเผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เรื่องของข่าวลือจึงถูกยืนยันด้วยข้อเท็จจริงแล้วว่า ไม่ได้เป็นไปตามนั้น แต่เรื่องใหญ่คงดูที่ต้นตอ ซึ่งฝ่ายมั่นคงกำลังดูอยู่ และก็พอจะทราบว่าต้นตอก็มีส่วนมาจากต่างประเทศ ซึ่งคงจะต้องจัดการ เพราะคนที่ทำข่าวลือเรื่องนี้ต้องไม่หวังดีแน่นอน
ส่วนตอนนี้ที่ตรวจสอบอย่างละเอียดอยู่ก็คือ สื่อต่างประเทศบางส่วนว่าเจตนาเผยแพร่โดยปกติตามหน้าที่สื่อสารมวลชน หรือ มีเจตนาอื่น แต่คงต้องตรวจสอบข่าวสารข้อมูลก่อน เมื่อถามว่า กรณีของสำนักข่าว Bloomberg ที่เป็นผู้เผยแพร่ข่าวในเริ่มแรก นั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตรวจสอบอยู่ตอนนี้ว่าเจตนาจริงคืออะไร ทั้งนี้ในการขอความร่วมมือสำนักข่าวต่างประเทศ โดยปกติกระทรวงการต่างประเทศทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว ในการประสานโดยกรมสารนิเทศ
**เชื่อมีการเมืองแฝง
เมื่อถามว่า จากเหตุที่เกิดขึ้นกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีการรายงานตรงมาที่นายกรัฐมนตรีหรือยัง ว่ามีการดำเนินการกับสำนักข่าวต่างประเทศที่ดำเนินการแบบนี้อย่างไรบ้าง นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ามีการดำเนินการแล้วหรือยัง
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ในแง่ทางการเมืองมีแน่ ซึ่งอันนี้ต้องพยายามยืนยันด้วยข้อเท็จจริงไปก่อน ส่วนการสืบหาตัวต้นตอก็เป็นเรื่องฝ่ายความมั่นคงต้องไปดำเนินการ แต่เรื่องนี้ไม่หวังดีอยู่แล้วคนที่ปล่อยข่าวเรื่องนี้ คิดว่าไม่ได้แค่ปล่อยข่าวหวังในตลาดหุ้นอย่างเดียว เพราะว่ามีการพยายามที่จะสร้างความรู้สึกลักษณะอย่างนี้มาหลายครั้ง
" คือหนึ่งมันมีผลต่อปัจจัยเรื่องตลาดหุ้นอยู่แล้ว สอง เมื่อมาประสานกับการเคลื่อนไหวหลายๆ อย่าง ทั้งก่อนหน้านี้ หรือความเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายอย่าง ก็มีผลเกี่ยวโยงถึงกัน ประเด็นที่ต้องพิสูจน์คือ คนนั้นเป็นใคร เป็นกระบวนการเดียวหรือไม่ คงต้องดูกันจริงๆ ถ้าคุณตามเรื่องนี้ จะเห็นในเว็บในอะไร มีมาตลอด ไอซีที ก็ปิดกันมาเยอะแล้ว ติดตามกันอยู่ กลุ่มคนก็ต้องสาวกันต่อ ส่วนกรณีของสำนักข่าว bloomberg คงต้องตรวจสอบกันก่อนแล้วให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องออกมาพูดเอง เพราะหากเราพูดไปจะไปกระทบสิทธิกระทบอะไรเข้าก็จะเป็นเรื่องเป็นปัญหา" นายสาทิตย์กล่าว.