รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยคุมตัว “พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ” ส่งแดนประหารเรือนจำบางขวางทันที หลังศาลฎีกาตัดสินประหารชีวิตยืนตามศาลอุทธรณ์ ชี้ “ป๋าลอ” มีสิทธิยื่นเรื่องถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษภายใน 60 วัน ระบุมีนักโทษประหารที่คดีสิ้นสุดกว่า 100 คน อยู่ระหว่างถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ
วันนี้ (16 ต.ค.) นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะดูแลเรือนจำกลางคลองเปรมและเรือนจำกลางบางขวาง เปิดเผยถึงกรณีศาลฎีกาตัดสินลงโทษประหารชีวิต พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ในคดีอุ้มฆ่าแม่ลูกตระกูลศรีธนะขันฑ์ว่า ในส่วนของเรือนจำเมื่อคดีสิ้นสุดเด็ดขาดและศาลตัดสินประหารชีวิต วันนี้ (16 ต.ค.) จะต้องย้าย พล.ต.ท.ชลอ ที่คุมขังอยู่เรือนจำกลางคลองเปรมไปไว้ที่แดน 2 หรือแดนประหาร เรือนจำกลางบางขวางทันที โดยเจ้าหน้าที่จะคุมตัว พล.ต.ท.ชลอ จากศาลฎีกาไปที่เรือนจำกลางบางขวางเลย จากนั้น พล.ต.ท.ชลอมีสิทธิยื่นเรื่องถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษภายใน 60 วัน ซึ่งปกติผู้ต้องหาจะเป็นผู้เขียนฎีกาด้วยตนเอง เพราะผู้ต้องโทษประหารชีวิตจะรู้ว่าตนเองได้เคยทำความดีในสิ่งใดไว้บ้างที่จะยกขึ้นขอพระราชทานอภัยโทษ อย่างไรก็ตาม การพระราชทานอภัยโทษเป็นพระราชอำนาจสุดแต่พระองค์จะโปรดเกล้าฯ ลงมา
นายกอบเกียรติกล่าวอีกว่า สำหรับนักโทษประหารชีวิตที่รวมทั้งผู้ที่คดียังไม่สิ้นสุดเด็ดขาด ขณะนี้มีอยู่กว่า 800 คน ส่วนนักโทษประหารชีวิตที่คดีสิ้นสุดเด็ดขาดและอยู่ระหว่างถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษมีกว่า 100 คน ทั้งนี้ การดูแล พล.ต.ท.ชลอซึ่งเป็นนักโทษประหารชีวิต ยืนยันได้ว่า นักโทษทุกคนไม่มีอภิสิทธิ์ และการดูแลเหมือนกันทุกคน แต่ต้องยอมรับว่า ความเป็นอยู่ของนักโทษในเรือนจำมีการแบ่งพรรคแบ่งพวก นักโทษที่มีฐานะและมีเงินทอง เมื่อเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ก็มักแบ่งอาหาร บุหรี่หรือสิ่งของให้นักโทษที่ไม่มี อย่างกรณี พล.ต.ท.ชลอ ที่มีข้อสงสัยว่าอยู่ในเรือนจำก็อยู่สบาย ไม่เป็นเช่นนั้น แต่ยอมรับว่าอาจมีนักโทษที่เป็นพรรคพวกเดียวกันดูแล เพราะนักโทษที่มีฐานะก็จะมีอาหารสิ่งของจุนเจือให้นักโทษอื่น