xs
xsm
sm
md
lg

“นวย” เชื่อคำสารภาพมือฆ่าแม่หั่นศพลูก ลั่นไม่เกี่ยวแก๊งยากูซ่า

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

“นวยนิ่ม” โวยสื่อป่วนสร้างกระแสโยงฆ่าหั่น ยันยังไม่พบหลักฐานเกี่ยวกับแก๊งยากูซ่า ยันไม่มีตอ ด้านมือฆ่าหั่นโผกอดแม่ร่ำไห้และก้มกราบเท้า ขณะที่แม่บอกให้ลูกไปใช้กรรมในคุก หมั่นอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตาย ตำรวจจัดพิธีขอขมาหน้ารูปถ่าย “น้องโช” โดยมือสังหารโหดสำนึกผิดทุกอย่าง ฝันขอดูแลอยากให้ผู้ตายมาเกิดเป็นลูกในชาติหน้า จากนั้นนำตัวไปฝากขังศาอาญาค้านประกัน



วันนี้ (15 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.ได้เดินทางมาที่สน.ตลิ่งชัน เพื่อเรียกประชุมร่วมกับพนักงานสอบสวน ก่อนเปิดเผยว่า เมื่อเช้าตื่นขึ้นมาบริโภคข่าว อ่านพาดหัวหนังสือพิมพ์ตัวไม้ว่ามีประเด็นแก๊งยากูซ่าด้วย ขอเรียนว่าสำหรับคดีนี้พนักงานสอบสวนคงจะทำการสอบสวนไปตามกระแสไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นวันพรุ่งนี้(16 ต.ค.) อาจจะมีแก๊งยามาฮ่า คาวาซากิ หรือแก๊งฮอนด้าขึ้นมาใหม่อีก ส่วนเรื่องรอยสักนั้นตนถามผู้ต้องหาแล้วว่าไปสักมาจากไหน เจ้าตัวก็ตอบว่าสักที่สนามหลวง เปิดแบบดูแล้ว ซึ่งยังไม่ปรากฏว่าการฆาตกรรมนั้นไปเกี่ยวข้องกับแก๊ง ก๊วน หรือก๊ก ทางการสอบสวนยังไม่ชี้ไปตรงนั้น ถึงขณะนี้สรุปได้เลยว่ายังไม่เกี่ยวกับแก๊งไหน

พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อไปว่า ส่วนในการสอบสวนของพนักงานสอบสวนนั้นจะทำสำนวนตามพยานหลักฐานที่พบ แต่ไม่ใช่ว่าจะเชื่อคำรับสารภาพไปทั้งหมด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ต้องพิสูจน์ให้เห็นจากพยานหลักฐานนั้น ตรงตามคำให้การหรือไม่ ถ้าตรงตามที่ ให้การ ต้องตรวจดูว่า คำรับสารภาพนั้นเป็นจริงหรือไม่ ส่วนเมื่อวานนี้ (15 ต.ค.) ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพาผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้นก็เพื่อดูลักษณะของการก่อเหตุ จุดก่อเหตุ รวมถึงสถานที่เวลา ว่าจะตรงกับคำให้การแค่ใหน แต่ที่แน่ๆ ผู้ต้องหา เป็นผู้ก่อเหตุตัวจริงแน่นอน ส่วนจะเป็นแก๊งอะไรนั้น ก็แล้วแต่สื่อจะคิดเอาเอง

“วันนี้เป็นวันสุดท้ายในการควบคุมตัวผู้ต้องหา โดยช่วงบ่ายจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังศาลอาญารัชดา ซึ่งขนาดเรื่องฝากขังศาลยังตีความกันไปว่า ฝากขังศาลแขวง ขอบอกไว้นะครับว่า ศาลแขวงนั้นเอาไว้ฝากขังพวกที่เล่นการพนัน ขอฝากสื่อด้วยว่า สิ่งใดไม่ชัวร์ สิ่งใดไม่แน่นอน ก็อย่าเพิ่งนำเสนอ เดี๋ยวจะมีประเด็นใหม่เกิดขึ้นมาอีก และขอวิงวอนด้วยว่า คดีนี้ไม่มีแก๊งอย่างแน่นอน การก่อเหตุนั้นเป็นเรื่องของการฆ่ากัน” รอง ผบช.น.กล่าว

พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อว่า เมื่อวานนี้ (15 ต.ค.) ผู้ต้องหาร้องขอที่จะพูดความในใจผ่านสื่อและขอขมาศพของน้องโช แต่ไม่ประสงค์จะขอขมาศพนางสุนันท์ ซึ่งสิ่งนี้ก็ชี้ให้เห็นว่าผู้ต้องหายังไม่หายโกรธแค้นนางสุนันท์ ซึ่งจะให้ผู้ต้องหาไปขอขมาศพคงไม่เหมาะ ทางตำรวจจะให้ขอขมากับรูปน้องโชแทน ในส่วนของการทำคดีนั้น ในกระบวนการยุติธรรมไทย เราไม่ได้คาดหวังความร่วมมือจากจำเลย แต่เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องพิสูจน์ว่าสามารถเชื่อคำให้การได้หรือไม่ ซึ่งในวันเสาร์-อาทิตย์นี้เราก็จะไม่หยุดทำงาน

สำหรับคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะคัดค้านการประกันตัวอย่างแน่นอน เพราะคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรณ์ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คือคิดตั้งใจมาก่อนแล้ว โดยการนำปืนใส่รถมาจากบ้าน โทษคือประหารชีวิต เพราะการกระทำรุนแรงโหดร้ายรับไม่ได้ และคดีนี้มีพยานสำคัญที่ได้รับบาดเจ็บรักษาตัวอยู่ หากปล่อยตัวไปอาจหลบหนี หรือไปทำร้ายพยานได้

พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อว่า สำหรับพ่อของน้องโชนั้น ทางตำรวจพยายามติดต่ออยู่ แต่ยังติดต่อไม่ได้ เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าทำธุรกิจอะไร ในส่วนสาเหตุการฆ่านั้นต้องมีส่วนมาจากการโกรธแค้นแน่นอน แต่จะประสงค์ต่อทรัพย์หรือไม่นั้น ต้องเป็นอีกประเด็นหนึ่ง ซึ่งทางตำรวจได้ถามผู้ต้องหาแล้ว ผู้ต้องหาก็บอกว่าเกิดจากความโกรธแค้น แต่เมื่อถามว่าทรัพย์สินของผู้ตายหายไปใหนเจ้าตัวกลับตอบไม่ได้ ถ้าเป็นการสังหาร ไม่ประสงค์ต่อทรัพย์แล้วทรัพย์สินอยู่ที่ใหน คดีนี้ตรงไปตรงมาอย่างแน่นอน พยานไปทางไหนก็ว่ากันไปทางนั้น ส่วนจะมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ผิดเพี้ยนไปบ้าง ก็คงต้องเชื่อพยาน เพราะทั้งหมดจะต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล ส่วนการรับสารภาพนั้น ถ้าทั้งรับไม่หมด ก็จะเกี่ยวเนื่องกับการพิจารณาโทษของศาลด้วย

“มีคำถามต่ออีกว่า ทำคดีนี้เจอตอหรือไม่ ปวดหัวครับ ปวดหัวอย่างยิ่ง ไม่เจอตอครับ ถ้าผมเจอตอ ผมจะจัดการกับตอนั้น ผมจะไม่ไปพูดว่าเจอตอแล้วทำไม่ได้ ผมต้องจัดการกับตอ ผมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจครับ ผมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องบังคับใช้กฎหมาย ไม่ใช่ไปให้คนอื่นกำจัดตอให้ผม แต่ขณะนี้ไม่เจอตอ คดีนี้เรียบร้อย ตรงไปตรงมา ทำง่ายครับ แต่จะยุ่งยากก็เพราะกระแส” พล.ต.ต.อำนวย กล่าว

ต่อมาเวลา 10.00 น. นายสัญชัย เกิดน้อย เจ้าของกิจการแท็กซี่สยาม ได้เดินทางมาแจ้งความประสงค์ในการขอพบนายศิริพงษ์ ผู้ต้องหา ก่อนเปิดเผยว่ารู้จักกับนายศิริพงษ์มาตั้งแต่ ปี 47 ตั้งแต่นายศิริพงษ์กับภรรยาคนก่อนทำอาชีพขายขนมครกอยู่ปากซอยเซนต์หลุยส์ หลังจากนั้นก็เลิกกับภรรยาไป โดยตนทราบว่า ภรรยาเก่าของนายศิริพงษ์ไปอยู่ที่ออสเตรเลีย ส่วนตัวนายศิริรพงษ์ ก่อนหน้านี้เคยมีรถแท็กซี่มาก่อนแล้วแต่ผ่อนไม่ไหว จึงนำมาขายให้สหกรณ์ โดยนายศิริพงษ์ต้องผ่อนให้กับสหกรณ์ 2 หมื่นกว่าบาทต่อเดือน แต่ก็ยังผ่อนไม่ไหวอีกจึงต้องขายก่อน แล้วได้เงินก้อนหนึ่งไปซื้อบ้าน และเปิดร้านซ่อมจักรยาน

ทั้งนี้ โดยบุคลิกส่วนตัวเป็นคนเรียบร้อย แต่เคยสอบถามจากเพื่อนๆ ก็ทราบว่าเป็นคนชอบเล่นการพนัน โดยก่อนหน้านั้นก็ไม่เคยสัก หรือเป็นคนโหดร้ายแต่อย่างใด ส่วนตัวไม่คิดว่าจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

ต่อมาเวลา 11.30 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญนางสุพานีย์ กาญจนชูมณ แม่ของนายศิริพงษ์ มาพบตัวนายศิริพงษ์ที่ห้องประชุมชั้น 3 ของ สน.ตลิ่งชัน ซึ่งเมื่อทั้งคู่พบหน้ากันก็ร่ำไห้โผเข้ากอดกันทันที ก่อนที่นายศิริพงษ์ จะก้มลงกราบเท้านางสุพานีย์

โดยนางสุพานีย์บอกกับนายศิริพงษ์ว่า อย่าคิดมาก แม่อโหสิกรรมให้ลูก แม่จะไม่ทอดทิ้งลูกแน่นอน จะไปเยี่ยมบ่อยๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องข้างนอก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลูกหรือเรื่องอื่น แม่จะดูแลให้ ขอให้ลูกไปใช้กรรมในคุก และอยู่ในนั้นก็ให้ทำตัวดีๆ นั่งสมาธิอุทิศส่วนกุศลให้กับคนตายด้วย

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำดอกไม้ธูปเทียนมาให้นายศิริพงษ์ไหว้ขอขมาต่อหน้ารูปศพของน้องโช โดยนายศิริพงษ์ได้กล่าวกับรูปศพน้องโชทั้งน้ำตานองหน้าว่า “ข้าพเจ้านายศิริพงษ์ กาญจนนิวิฐ ได้ทำผิดต่อน้องโช วันนี้จึงได้มาขอขมาต่อหน้าภาพถ่ายตัวแทนน้องโชที่ล่วงลับไปแล้ว น้องโชเป็นเด็กดี เป็นเด็กฉลาด เป็นเด็กน่ารัก น้องโชมีอนาคตที่ดี แต่ต้องมาจบชีวิตเพราะน้ำมือผม ถ้าชาติหน้ามีจริงก็ขอให้น้องโชให้อภัยกับลุงใหญ่ และกลับมาเกิดเป็นลูกของลุงใหญ่ เพื่อที่ลุงใหญ่จะได้ตอบแทนน้องโช เหมือนกับที่ลุงใหญ่ได้ดูแลลูกของลุงใหญ่เองในชาตินี้ ที่ลุงใหญ่ได้ดูแลเป็นอย่างดี หวังว่าวิญญาณน้องโชคงไปสู่สุขคติ ลุงใหญ่ขอโทษ และขออสิกรรมให้กับน้องโช”

นายศิริพงษ์กล่าวด้วยว่า ตนรู้สึกผิดกับน้องโชที่ต้องมาโดนลูกหลงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ทำไปเพราะความโกรธแค้น และโดนกดดันมาโดยตลอด ถ้าไม่ทำก็อาจจะถูกเก็บ เมื่อสองเดือนก่อนหน้านี้ก็ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.บางบัวทอง เรื่องที่ตนโดนข่มขู่มาโดยตลอด ตนยืนยันว่าลงมือทำเพียงคนเดียว ไม่ใช่คำสั่งของแก๊งยากูซ่าเหมือนตกที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ส่วนรอยสักนั้น ตนไปสักมาจากสนามหลวง ส่วนเรื่องชิงทรัพย์ก็ยืนยันว่าไม่ใช่

“ปกติผมเป็นคนยิงปืนแม่น แต่ที่ตัดสินใจยิงไม่ยั้งนั้น ไม่ได้หันไปมอง ถ้าผมตั้งใจยิง แค่นัดเดียวคุณสุนันท์ ก็ตายแล้ว และน้องโชก็คงไม่ต้องมาเสียชีวิต ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมก็ไม่พบเจอคุณสุนันท์เลยดีกว่า” นายศิริพงษ์กล่าว

ด้าน นางสุพานีย์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยเจอกับนางสุนันท์มาก่อน แต่ไม่ค่อยสนิทอะไรมาก มารู้เรื่องอีกทีก็วันที่ลูกชายโทรมาหาแล้วเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง พอตนก็รู้เรื่องก็รู้สึกตกใจและเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ขณะนั้นกลังปฏิบัติธรรมถือศีลอยู่ จึงรับฟังรายละเอียดของเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ได้ ตนจึงขอร้องให้ลูกชายไปมอบตัวกับตำรวจ โดยลูกชายได้ฝากฝังลูกไว้กับตนด้วย ซึ่งตนก็รับปากจะดูแลให้

จากนั้นในเวลา 13.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายศิริพงษ์ไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดาต่อไป

มือหั่นศพลั่น! ให้อภัยเหยื่อสาวไม่ได้ แต่ขอขมา “น้องโช” ขอชาติหน้าได้เป็นพ่อลูกกัน
หมอห่วงสภาพจิต “น้องมินท์” เหยื่อมือฆ่าหั่นศพ!
คุมตัวมือฆ่าหั่นทำแผน ตร.มุ่งปมโยงฆ่าตามใบสั่ง!
ค้นห้องมือฆ่าหั่นศพหลักฐานชัด - ชิ้นส่วนมือเด็กยังหาไม่พบ!
มือฆ่าหั่นศพเปิดใจโดนดูถูกไม่มีน้ำยา คว้าปืนรัวทั่วรถ 14 นัด!
มือฆ่าโหด “แม่-ลูก” มอบตัว ให้การสับสน-อ้างหึงหวง
ฆ่าโหด 2 ศพ เป็น “แม่-ลูก” ชาวเกาหลี-ลูกคนเล็กยังไม่รู้ชะตากรรม
5 วันรู้หัวกระสุนศพ “หญิงนิรนาม-เด็กฆ่าหั่น” โยงกันหรือไม่
ฆ่าหั่นศพยังไม่ชัดเป็นเด็กเกาหลี รอผลดีเอ็นเอโยงฆ่าหญิงนิรนาม
สลดปนสยอง! เหี้ยมผิดวิสัยมนุษย์ ลั่นไกฆ่าหั่นศพตัดคอเด็กยัดถุงดำทิ้ง!
นายศิริพงษ์ ร่ำไห้กอดนางสุพานีย์ ผู้เป็นแม่เมื่อพบหน้ากัน
กราบเท้าขอขมาแม่
ขอขมาน้องโช
ภาพถ่ายนางสุนันท์ เหยื่อฆาตกรโหด
นางสุนันท์กับน้องโช ที่กล้องวงจรปิดในสนามบินสุวรรณภูมิบันทึกไว้เป็นภาพสุดท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น