xs
xsm
sm
md
lg

มือฆ่าโหด “แม่-ลูก” มอบตัว ให้การสับสน-อ้างหึงหวง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ตร.คุมนายศิริพงษ์ กาญจนนิวิฐ ที่อ้างเป็นฆาตกรโหดฆ่าแม่ลูกชาวเกาหลี ขอเข้ามอบตัว
มือฆ่าโหดแม่-ลูก มอบตัวกับสื่อ หวั่นถูกวิสามัญ อ้างเรื่องหึงหวง และอาวุธปืนลั่นใส่แม่ และเด็กถูกลูกหลง ระหว่างหั่นศพ อยู่ในภาวะสับสน แต่ตำรวจไม่เชื่อคำให้การ คุมตัวเค้นสอบเครียด

วันนี้ (13 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการคลี่คลายฆ่าหั่นศพเด็กชาย และคดีฆ่าหญิงนิรนาม ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี หลังจาก พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร.เรียกประชุมตำรวจชุดคลี่คลายคดี พร้อมเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบแล้วเชื่อว่า ผู้ตายคือ นางสาวสุนันท์ ศรีสุวรรณ หรือ มาคิโน อายุ 38 ปี ซึ่งหนีหมายจับคดียักยอกทรัพย์จากประเทศเกาหลี เข้ามาทำธุรกิจเป็นไกด์ทัวร์ในประเทศไทย ส่วนสามีของผู้ตาย ได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปได้ประมาณ 1 ปีแล้ว และทางตำรวจพยายามติดต่อไปหาอยู่

ส่วนศพเด็กนิรนาม ที่พบศพในท้องที่ สน.ตลิ่งชัน ทราบชื่อ ด.ช.จี ฮุน อายุประมาณ 5 ขวบ และทราบว่า มี ด.ช.จี ฮุน ยังมีพี่น้องอีกคนชื่อ ด.ช.ซอง ซู ออน และตัวยังเล็กๆ อยู่ แต่ปรากฏว่า ไม่มีใครทราบว่าตอนนี้ ด.ช.ซอง ซู ออน หายไปอยู่ที่ไหนกับใคร

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศิริพงษ์ กาญจนนิวิฐ อายุ 40 ปี ชาวกรุงเทพฯ ผู้ที่ก่อเหตุได้เข้ามอบตัวแล้ว โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้ามอบตัวในครั้งนี้ เป็นผลมาจากผู้สื่อข่าวของช่อง 9 ได้เดินทางไปทำสกู๊ปเรื่องคดีฆ่าหั่นศพเด็ก และอยู่ๆ คนร้ายก็ได้เดินชนกับผู้สื่อข่าวคนดังกล่าว พร้อมกับนำอาวุธปืนที่ก่อเหตุมอบให้กับผู้สื่อข่าว และบอกว่า ผมเป็นคนฆ่าเด็ก พร้อมกับแจ้งว่า จะขอมอบตัวกับผู้สื่อข่าว เนื่องจากเกรงตำรวจจะวิสามัญ โดย นายศิริพงษ์ ได้ขอความอนุเคราะห์ 3 เรื่อง คือ ไม่อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสวมกุญแจมือ ขณะค้นห้องพักที่เกิดเหตุที่อำเภอบางบัวทอง ห้ามมูลนิธิ หรือผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปโดยเด็ดขาด นอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาซึ่งเป็นคนไทย ให้การว่า ตนเป็นกิ๊กกับหญิงผู้ตาย โดยหญิงคนดังกล่าว มีสามีเป็นชาวเกาหลี ส่วนที่ก่อเหตุ เนื่องจากเป็นเรื่องหึงหวง ได้ทะเลาะกันในรถ และอาวุธปืนลั่นถูกแม่ของเด็กเสียชีวิต ส่วนเด็กถูกลูกหลงเสียชีวิต

ต่อมา พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และพ.ต.อ.ประยนต์ ลาเสือ รองผู้บังคับการกองปราบปราม ได้เดินทางไปทำการสอบปากคำนายศิริพงษ์ ภายในห้องประชุมของสำนักข่าวไทย ทั้งนี้ การสอบสวนเป็นไปอย่างเคร่งเครียด โดยนายศิริพงษ์ มีสีหน้าเครียดอย่างเห็นได้ชัด ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนที่รอทำข่าวจำนวนมาก โดย พล.ต.ต.จักรทิพย์ ระบุว่า ผู้ต้องหาให้การเป็นประโยชน์แก่คดีอย่างมาก

โดยเบื้องต้น ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ เนื่องจาก ให้การวกวน สับสน รวมทั้งขัดแย้งกับข้อมูลหญิงผู้ตาย ที่พบหลักฐานว่าเป็นชาวเกาหลี แต่ผู้ต้องหาบอกว่า ผู้หญิงเป็นคนไทย อีกทั้งการฆ่าหั่นศพเด็ก ถือเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม ซึ่งหากอาวุธปืนลั่นใส่เด็ก แล้วทำไมผู้ต้องหา จึงทำการหั่นศพโดยแยกส่วนมือไปทิ้งเพื่ออำพรางคดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าต่อมาเวลา 20.00น. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. ได้เดินทางมาที่สำนักข่าวไทย โดยร่วมสอบปากคำนายศิริพงษ์ ร่วมกับพล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบช.น. และพ.ต.อ.ประยนต์ ลาเสือ รองผู้บังคับการกองปราบปราม หลังจากสอบปากคำเบื้องต้นได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาเดินทางไปที่สน.ตลิ่งชัน โดยมีกลุ่มสื่อมวลชน ติดตามไปทำข่าวจำนวนมาก

เมื่อเวลา 20.45 น. พ.ต.อ.ประยนต์ ลาเสือ รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยภายหลังจากที่สอบปากคำผู้ต้องหาว่า จากการสอบสวนทราบว่า ผู้เสียชีวิตทั้งสองรายเป็นแม่และลูกกัน ส่วนผู้ต้องหานั้นเป็นแฟนของผู้หญิงที่เสียชีวิต ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเด็ก สำหรับประเด็นในการสังหารนั้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเกิดจากสาเหตุทะเลาะวิวาทกันซึ่งทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหารายนี้

ต่อมาเมื่อเวลา 21.10 น. พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้นำตัวนายศิริพงษ์ เดินทางไปยังห้องประชุมชั้น 3 ของ สน.ตลิ่งชันและเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนถามเพียง 5 คำถาม โดยนายศิริพงษ์ ได้กล่าวถึงสาเหตุเข้ามอบตัวเพราะว่าแม่ขอร้องเนื่องจากเป็นคนรักแม่มากจึงต้องการให้แม่สบายใจ อีกทั้งไม่อยากให้การสืบสวนคดีดำเนินการไปในทางที่ผิด

เมื่อถามว่าทำไมต้องฆ่าผู้หญิง นายศิริพงษ์ตอบว่า ผู้หญิงคนนี้ระหว่างเกิดเหตุได้นั่งรถแท็กซี่มากับตนอีกทั้งได้พูดจากดดันสั่งให้ตนไปฆ่าสามีคนที่ 2 ถ้าไม่ฆ่าก็จะเอาคนมาฆ่าตนก่อน ซึ่งได้กดดันตนมากว่า 1 ปีแล้ว ตนก็เลยรู้สึกโกรธจากนั้นได้หันกระบอกปืนหันหลังไปยิงใส่จำนวนหลายนัดซึ่งตนก็รู้ว่าเสียชีวิตแล้ว

และก็รู้ว่ากระสุนได้พลาดไปโดนเด็กชายและเด็กหญิงด้วยแต่ไม่คิดว่าเด็กชายจะเสียชีวิต และเมื่อตนขับห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตรก็ได้นำศพผู้หญิงทิ้ง ก่อนที่จะขับรถกลับบ้านที่จังหวัดนนทบุรี หลังจากถึงบ้านแล้วก็รู้สึกตกใจเมื่อเห็นเด็กชายตายแล้ว ส่วนเด็กผู้หญิงที่ได้รับบาดเจ็บนั้นก็ได้ทำแผลให้ รู้สึกเสียใจที่เด็กชายตายเพราะรู้สึกผูกพันกัน

นายศิริพงษ์ ยังให้การต่อว่า มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้หญิงแต่มาระยะหลังเกิดเรื่องทะเลาะกันบ่อยก็เลยเกิดเรื่องนี้ขึ้น ส่วนคำถามที่ว่าฆ่าศพเด็กแล้วนำไปทิ้งที่ไหนนั้นนายศิริพงษ์ตอบว่า ศพเด็กได้นำไปทิ้งไว้ริมถนน คาดว่าศพเด็กอาจจะถูกเคลื่อนย้ายไปที่ย่านตลิ่งชัน และคำถามสุดท้ายผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นอะไรกับเด็กหญิงวัย 13 ปีผู้ต้องหารายนี้ตอบว่า เด็กไม่ได้เป็นอะไรกับตนแต่เป็นลูกติดของหญิงที่เสียชีวิตคนนี้ ทั้งนี้ที่ผ่านมาตนก็เคยเลี้ยงเด็กทั้ง 2 คนมา
ในเบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การวกวนไม่น่าเชื่อถือ
กำลังโหลดความคิดเห็น