“สนธิ” ชี้ระเบิด ป.ป.ช.-ศาล รธน.ข่มขู่กระบวนการยุติธรรม

“สนธิ ลิ้มทองกุล” ขึ้นศาลให้การปฏิเสธคดีถูกฟ้องผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ยันเหตุระเบิดข้างเอเอสทีวี เชื่อมโยงหน่วยงานตรวจสอบทุจริตอย่าง ป.ป.ช.-ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ยังงงทำไมไม่มีระเบิดหน้าองค์กรอย่าง สตช. สำนักงานอัยการสูงสุด



 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์ 
 
วันนี้ (12 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 808 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยในคดีหมายเลขดำ อ.1036/2552 ที่ พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ และASTV, นายสุรเดช มุขยางกูร, นางสาวเสาวลักษ์ณ์ ธีรานุจรรยงค์, นางสาวยุพิน จันทนา พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ จากกรณีระหว่างวันที่ 29 เม.ย.39 ถึงวันที่ 30 เม.ย.40 จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทแมเนเจอร์มีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันลงข้อความเท็จในเอกสารของบริษัท เพื่อค้ำประกันหนี้ให้กับบริษัทในเครือเดอะเอ็ม กรุ๊ป แต่ไม่ได้รายงานเรื่องดังกล่าวไปยัง ตลท. และเมื่อระหว่างวันที่ 8 ต.ค.39 ถึงวันที่ 31 ต.ค.39 จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 ร่วมกันลงข้อความเท็จในเอกสารของบริษัท

วันนี้จำเลยทั้ง 4 มาศาลตามนัด ศาลได้อ่านอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังจำเป็นที่เข้าใจแล้วสอบคำให้การ จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ทั้งนี้ อัยการโจทก์แถลงขอนำสืบพยานจำนวน 5 นัด ขณะที่ ทนายจำเลยที่ 1 3 4 แถลงขอนำสืบพยานจำนวน 6 นัด ทนายจำเลยที่ 2 ขอนำพยานเข้าต่อสู้รวม 4 นัด โดยศาลนัดสืบพยานโจทก์ปากแรก ในวันที่ 29 ก.ค.53

ภายหลัง นายสนธิกล่าวถึงกรณีพบวัตถุระเบิดที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.วานนี้ (11 ต.ค.) ว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าการลอบวางระเบิดทั้งที่หน้า ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญ นั้นเป็นขบวนการข่มขู่การทำงานองค์กรในกระบวนการยุติธรรมที่ทำงานโดยซื่อสัตย์สุจริต แต่กลับไม่เคยเห็นมีการไปลอบวางระเบิดหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือสำนักงานอัยการสูงสุด

“คดีการลอบวางระเบิดหน้าองค์กรอิสระต่างๆ เป็นที่น่าสนใจว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุเป็นการภายในว่า ระเบิดที่วางไว้หน้าสำนักงาน ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ และเอเอสทีวี เป็นระเบิดชนิดเดียวกัน และน่าจะมาจากที่เดียวกัน จึงอยากจะฝากให้สังคมได้ช่วยกันคิด และร่วมให้กำลังใจผู้ที่ทำงานด้วยความสุจริต เพราะถ้าบุคคลเหล่านี้เกิดความท้อแท้ สังคมก็จะอยู่ไม่ได้”