ศาลไม่รับอุทธรณ์ ตร.ขอหมายจับ แนวร่วม พธม.

ศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์ของตำรวจนครบาลขอออกหมายจับแนวร่วมพันธมิตรฯ ช่วงการชุมนุมปี 49 ชี้ไม่มีเหตุที่จะร้องอุทธรณ์ – ฎีกา ขอหมายจับ เพราะพนักงานสอบสวนสามารถสรุปสำนวนส่งให้อัยการพิจารณาสั่งคดีได้

วันนี้ ( 6 ต.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ พล.ต.ต.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน(ขณะนั้น) ยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายจับนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และแนวร่วม พธม. อีก 6 คน ประกอบด้วย นายอวยชัย วะทา , นายสุวิทย์ วัดหนู , นายศิริชัย ไม้งาม , นายเพียร ยงหนู , นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับความมั่นคง

กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 9 ก.พ.30 มี.ค. 49 ต่อเนื่องกันผู้ต้องหาทั้งเจ็ด ได้ร่วมกันปราศรัย และจัดชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตามสถานที่ต่าง ๆใน กทม.และต่างจังหวัดโดยเดินขบวนไปตามท้องถนน ก่อการชุมนุมในลักษณะกีดขวางการจราจร สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนทั่วไป และก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคง และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ สร้างความแตกแยกในหมู่คนไทย ทั้งมีการแพร่การพูดปราศรัยผ่านทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และวิทยุชุมชน โดยไม่กระทำภายในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่แสดงความคิดเห็นติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน เมื่อผู้ร้องได้ออกหมายเรียกให้ผู้ต้องหามาพบ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา แต่กลุ่มผู้ต้องหาไม่ยอมมาพบ อ้างว่าไม่ได้กระทำผิด และไม่มีเหตุผลพอ เนื่องจากเคลื่อนไหวภายใต้รัฐธรรมนูญ

คดีนี้ ศาลอาญาพิจารณาคำร้องขอออกหมายจับแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมดด้วย

ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การพิจารณาออกหมายจับของศาลมิใช่คำนึงถึงเหตุผลที่จะออกหมายจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 61 เท่านั้น แต่ต้องคำนึงด้วยว่ามีความจำเป็นถึงขนาดที่จะมีการสืบสวนสอบสวนดำเนินต่อไปไม่ได้ หากไม่ได้ตัวผู้ต้องหามาอยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานหรือไม่ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจเข้ามาเป็นผู้มีส่วนได้เสีย หรือเป็นคู่ความด้วยประการใด ๆ

ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นไม่ออกหมายจับผู้ต้องหาให้ เพราะเห็นว่าไม่มีเหตุผลตามกฎหมายหรือเหตุจำเป็น เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของผู้ต้องหา ซึ่งตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญผู้ร้องในฐานะพนักงานสอบสวนก็ต้องปฏิบัติไปตามนั้นไม่มีเหตุที่จะร้องอุทธรณ์ – ฎีกา เพื่อให้ศาลออกหมายจับผู้ต้องหาอีกได้ เนื่องจากผู้ร้องสามารถดำเนินการทำความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาหรือไม่ส่งไปพร้อมสำนวนให้อัยการพิจารณาได้อยู่แล้วที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของผู้ร้องไว้พิจารณานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้อง