บช.ก.เตรียมเอาผิด 15 คน ฟอร์เวิร์ดเมลคลิปเสียงนายกฯ สันนิษฐาน พนง.เอสซี แอสเสท ตัดต่อรอผลตรวจคอมพิวเตอร์ชี้ชัดอีกที ระบุ ไม่มีการเผยแพร่คลิปทางซีดี ส่งสายสืบหาตัวบงการ
วันนี้ (3 ก.ย.) ที่กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนคดีตัดต่อคลิปเสียง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า การทำงานของตำรวจแบ่งออกเป็น 2 สาย คือ โดยมี พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวน ได้มอบหมายให้ บช.ภ.4 ดำเนินการตรวจสอบการนำคลิปเสียงเผยแพร่ในรายการวิทยุชุมชนคนรักอุดร ส่วน บช.ก.ตรวจสอบการส่งอีเมลคลิปเสียง ที่มี นายสมศักดิ์ แซ่อึ้ง และ น.ส.กันทิมา แต้มครู พนักงานบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ต้องหา
พล.ต.ท.ไถง กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลการส่งอีเมล พบว่า มีส่งต่อทั้งสิ้นจำนวน 15 ครั้ง มีรายชื่ออีเมลผู้รับทั้งสิ้นจำนวน 179 รายชื่อ เบื้องต้นได้ดำเนินการเรียก 15 คนที่เริ่มส่งต่อคลิปเสียงที่ได้จากการตรวจสอบหมายเลขไอพีแอดเดรสมาสอบปากคำก่อนว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร ซึ่งมีหลายคนได้เข้ามาแสดงตัวกับเจ้าหน้าที่แล้วว่าไม่รู้เรื่อง เพียงแต่เป็นผู้ได้รับอีเมล แต่ไม่ได้ส่งต่อ อย่างไรก็ตาม ถือว่าทั้ง 15 คนที่เริ่มส่งคลิปเสียงต่อมีความผิดตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฐานเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ
“พนักงานสอบสวนได้สันนิษฐานเบื้องต้น ว่า นายสมศักดิ์ ซึ่งเผยแพร่คลิปเสียงเป็นคนแรก อาจเป็นคนตัดคลิปเสียง หรือทราบที่มาของคลิปเสียง เนื่องจากข้อกล่าวอ้างที่ว่าได้รับแจกซีดีคลิปเสียงมาจากย่านห้าแยกปากเกร็ด แต่เมื่อถามถึงซีดีดังกล่าวก็อ้างว่าหักทิ้งไปแล้ว ซึ่งน่าสงสัย เมื่อลงตรวจสอบในพื้นที่ก็ไม่มีใครยืนยันว่ามีการแจกซีดีดังกล่าว ขณะนี้การสืบสวนสอบสวนก็ยังไม่พบว่ามีการแจกซีดีในพื้นที่ใดๆ และไม่มีการเผยแพร่คลิปเสียงในรูปแบบซีดีมีการพูดเพียงไปพบที่นั่นที่นี่ เมื่อตรวจสอบก็ไม่พบ” ผบช.ก.กล่าว
พล.ต.ท.ไถง กล่าวว่า ทั้งนี้ ทาง บช.ก.โคลนนิงข้อมูลจากคอมพิวเตอร์พนักงาน บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ข้อมูลตรงนี้สามารถยืนยันได้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องไหนมีการตัดต่อ หรือนำไฟล์เสียงที่นายกรัฐมนตรีพูดผ่านรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ จะเป็นหลักฐานที่สาวไปถึงคนตัดต่อได้ นอกจากนี้ ยังได้ตรวจสอบหลายหน่วยงานเพื่อหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสั่งทำคลิปดังกล่าว หากพบว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังก็จะมีความผิดฐานเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุน นอกจากนี้ หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ยังสามารถชี้ได้ว่า คนทำเพราะเป็นความชอบส่วนตัว หากสืบไปได้ว่าวัตถุประสงค์ในการทำเพื่อก่อให้ความวุ่นวาย ยั่วยุให้เกิดความโกลาหล ก็จะทำให้มีโทษเพิ่มขึ้น