“เป็ดเหลิม” บ้อท่า ไร้คลิป “มาร์ค” ฉบับเต็ม-เฉไฉด่า ปชป.ใส่ร้าย

“เฉลิม” บ้อท่า ไม่มีคลิปเสียง “มาร์ค” ฉบับเต็ม เฉไฉด่าประชาธิปัตย์ชอบใส่ร้าย ดันทุรังตั้งกระทู้สดถามนายกฯ อ้างมี 6 จุดในคลิปน่าสงสัย โวถ้าฝ่ายค้านจะกลั่นแกล้ง ต้องทำตั้งแต่ม็อบเดือน เม.ย.โบ้ยปัญหาภายในรัฐบาลหักหลังกันเอง ป้อง 2 พนง.บริษัท “น้องแม้ว” แพร่คลิปปลอม ยังไม่ผิด โวย ตร.ใจร้อนเกินไป

พรรคเพื่อไทย ยังพยายามสร้างเรื่องเบี่ยงเบนประเด็นเพื่อให้ตัวเองพ้นจากความผิดกรณีมีการตัดต่อเสียง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อใส่ร้าย นายอภิสิทธิ์ ว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สร้างสถานการณ์เพื่อใช้ความรุนแรงปราบปรามการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในเดือนเมษายนที่ผ่านมา แม้ว่าหลายหน่วยงานจะยืนยันผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ออกมาแล้วว่าเป็นคลิปเสียงที่มีการตัดต่อก็ตาม โดยเฉพาะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้อ้างว่ามีคลิปฉบับเต็มที่นายอภิสิทธิ์สั่งการให้เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงปราบปรามการชุมนุม จึงถูก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ท้าให้นำคลิปดังกล่าวออกมาเปิดเผย

ล่าสุด เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (1 ก.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม แถลงว่า กรณีที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ออกมาท้าทายให้นำคลิปเสียงฉบับเต็มมาเปิดเผยนั้น เป็นสไตล์ของพรรคประชาธิปัตย์ คนเขารู้กันหมดว่าพรรคที่ชอบใส่ร้ายชื่อพรรคอะไร ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัท กันตนา ที่เข้ามาตรวจสอบนั้น บริษัท กันตนา ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ เพราะไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับศาล และบรรดาหมอทั้งหลายที่ออกมาพูดว่าคลิปเป็นการตัดต่อนั้น บรรดาหมอเหล่านี้มีหน้าที่ชันสูตรศพ ไม่ได้มีหน้าที่ตรวจสอบเสียงในเทป นอกจากนี้ กรณีที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า เป็นการตัดต่อนั้น ทั้งๆ ที่รับคลิปดังกล่าวมาตรวจสอบเมื่อวันที่ 26 ส.ค.แต่วันที่ 27 ส.ค.ก็ฟันธงเลยว่าเป็นการตัดต่อ ถือว่าตัดสินเร็วเกินไป อีกทั้งโดยหลักแล้วตั้งใช้คำว่า “น่าเชื่อ” หรือ “เชื่อได้ว่า” ในผลการตรวจสอบ

ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ได้พูดถึงประเด็นที่เจ้าหน้าที่ ระบุว่า การตัดต่อเสียงดังกล่าว ทำโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีความซับซ้อนมากนัก ดังนั้น การตรวจสอบจึงทำได้ง่าย และคลิปดังกล่าวมีการตัดต่อถึง 50 กว่าจุด จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะตรวจพบว่ามีการตัดต่อ นอกจากนี้ยังพบว่าเป็นการนำเอาเสียงของนายอภิสิทธิ์ที่พูดออกรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ในช่วงเดือนเมษายนมาตัดต่อใหม่อีกด้วย

ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวอีกว่า ยอมรับว่า คลิปดังกล่าวมีการตัดต่อ แต่น่าจะเป็นการตัดต่อเพื่อให้สั้นและกระชับ เพื่อให้เข้าใจง่าย ทำให้คนสนใจฟัง อย่างไรก็ตาม ตนจะตั้งกระทู้สดถามนายกรัฐมนตรีในสภาในวันที่ 3 ก.ย.ด้วย ซึ่งตนจะพูดถึงรายละเอียดของถ้อยคำในคลิป 6 จุด ที่น่าสนใจ ทั้งนี้หากเรื่องนี้ไม่เป็นความจริงรัฐบาลจะออกมาขวางทำไม เพราะตนจะทำความสะอาดให้ด้วยซ้ำ ซึ่งหากเป็นเรื่องไม่จริงนายอภิสิทธิ์ก็ได้แต้ม แล้วจะไปกลัวอะไร ตนไม่ได้พูดว่าตนมีเทปฉบับยาวแต่บอกว่าการพูดของนายอภิสิทธิ์นั้นเป็นคำพูดเชิงประชุมและสั่งการ สำหรับกรณีของการอัดเทปนั้นมีอยู่ 2 กรณี คือ แบบเปิดเผยและแบบลักลอบ ซึ่งการลักลอบนั้นจะใช้เทปเล็กและเดินไปเดินมาเพื่อไม่ให้รู้ว่ากำลังบันทึกเสียงอยู่ ดังนั้นหากอัดอยู่ท้ายห้อง เสียงก็จะห่างและเบา แต่หากอยู่ใกล้เสียงก็จะชัดเป็นเรื่องธรรมดา แต่เรื่องการตัดต่อนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ คำพูดต่างหากที่น่าสนใจว่าตัดต่อแล้วทำให้สาระสำคัญผิดไปหรือไม่

“ถ้าใครจะใส่ร้ายง่ายนิดเดียว วันที่ยึดสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่น และวันที่มีการสลายม็อบเสื้อแดงหากเอาคลิปนี้ออกมาตอนนั้นอารมณ์มันจะปะทุ ถ้าจะใส่ร้ายเขาจะต้องทำช่วงนั้น แล้วฝ่ายค้านจะไปทำได้อย่างไร เพราะไม่ได้อยู่ในที่ประชุมด้วย ดังนั้น ใครที่บอกว่ามีการตัดต่อก็ต้องเอาฉบับเต็มมาให้ดู เพราะถ้าไม่มีฉบับจริงแล้วจะมีการตัดต่อได้อย่างไร พวกที่ออกมาท้าทายผมไม่อยากไปเถียงด้วยกับพวกคนไม่มีราคา ม้าไม่มีชั้น การเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ก็โหวตหักหน้ากันมาแล้ว ยิ่งลับหลังใครก็ทำได้ สหบาทา ถนนทุกสายมุ่งสู่อภิสิทธิ์ เตรียมรับเถอะ เพราะอิ่มแล้วลืมหิว กินน้ำแล้วลืมบุญคุณคนขุดบ่อมันก็เลยเกิดปัญหา พวกผมล้มรัฐบาลไม่ได้หรอก เขาล้มกันเอง ไม่มีฝ่ายค้านที่ไหนล้มรัฐบาลได้ นอกจากพวกเดียวกันเอง” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับพนักงานบริษัท เอสซี แอสเสท จำกัด 2 คนที่เผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าวด้วยการส่งอีเมล์นั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตรงนี้ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์หรือไม่ก็ยังไม่รู้ เพราะต้องมีการส่งเรื่องขึ้นสู่ศาลอีก แต่ถ้าสุดท้ายแล้วปรากฏว่าเป็นคำพูดของนายอภิสิทธิ์จริง ไม่มีการตัดต่อ พนักงานทั้ง 2 คนก็ฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ได้ กรณีนี้ตำรวจใจร้อนเกินไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า หากมีการเปิดคลิปเสียงในสภาแล้วสุดท้ายกลายเป็นเรื่องเท็จจะต้องรับผิดชอบ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า แน่นอนต้องรับผิดชอบล้านเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าหากเป็นเทปจริงรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์จะรับผิดชอบอย่างไร ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์บอกว่าเป็นเท็จนั้นก็ขอให้เตรียมฉบับจริงมาแสดงด้วย ตนเรียนกฎหมายมาและก็มีพรรคพวกที่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน ยืนยันว่าเรื่องนี้พรรคเพื่อไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เมื่อมีคลิปเสียงออกมาพรรคจึงสนใจ