“จอย ศิริลักษณ์” ดารานักร้องชื่อดังแจ้งจับแก๊งสวมทะเบียนรถยาริส ขับฝ่าไฟแดง จนเป็นเหตุให้ได้รับหมายเรียกเสียค่าปรับ ทั้งที่ไม่ใช่รถตัวเอง เจ้าตัวยันไม่ได้ขับรถผ่านเส้นทางที่ระบุในหมายเรียกในวันเกิดเหตุ ชี้มีจุดต่างชัดเจนบนแผ่นป้ายทะเบียนหลายแห่ง
วันนี้ (29 ส.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. น.ส.ศิริลักษณ์ ผ่องโชค หรือจอย อายุ 32 ปี ดารานักร้องนักแสดงชื่อดัง เดินทางเข้าพบกับ ร.ต.ท.วรวิทย์ วรรณา พงส.(สบ 1) สน.วังทองหลาง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ว่ารถเก๋งของตนอาจจะถูกสวมทะเบียนแล้วนำไปขับฝ่าไฟแดง จนถูกหมายเรียกส่งถึงบ้านให้ไปเสียค่าปรับฐานขับรถฝ่าไฟแดง
น.ส.ศิริลักษณ์ กล่าวว่า เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ตนได้ถ่ายละครที่ปากช่อง จ.นครราชสีมา และที่ย่านรังสิต จากนั้นก็ได้กลับมาที่บ้านย่านลาดพร้าว ก่อนมาเปิดตู้จดหมายดูก็พบหนังสือจาก กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.02) จ่าหน้าซองถึงตน หลังตนเปิดอ่านดูก็พบว่าเป็นหมายเรียกให้ไปเสียค่าปรับฐานขับรถฝ่าไฟแดง โดยในรายละเอียดหมายเรียกนั้นมีข้อความและรูปถ่ายขณะขับรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีแดง หมายเลขทะเบียน ศอ-6000 กทม.ขณะกำลังขับฝ่าไฟแดงบริเวณแยกนิด้า ถนนเสรีไทย แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.เวลา 10.28 น.วันที่ 16 ส.ค.52
น.ส.ศิริลักษณ์ กล่าวต่อไปว่า จากนั้นตนดูรายละเอียดพบว่า ในวันและเวลาที่เกิดเหตุตนไม่ได้ขับรถคันดังกล่าวไปเส้นทางนั้นเลย หลังจากนั้นตนจึงตรวจสอบลายละเอียดรถก็พบว่ามีลักษณะเหมือนกับรถตน แต่จะมีจุดสังเกตหลายจุดที่เห็นชัดตรงแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งของตนแผ่นป้ายทะเบียนหมวดอักษรและตัวเลขตรงกัน แต่ต่างตรงที่ทะเบียนรถในหมายเรียกเป็นป้ายทะเบียนขาว มีกรอบล้อมรอบ ส่วนของตนเป็นป้ายทะเบียนลายกราฟิก ไม่มีกรอบ ส่วนรถของตนมีเสาอากาศบนหลังคาแต่ในรูปไม่มี และไฟท้ายก็ไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ ตัวอักษรยี่ห้อยาริส ตนได้เปลี่ยนเป็นอักษรอื่นแล้ว
“ครั้งแรกที่ได้รับหมายเรียกรู้สึกตกใจมาก และยังสับสนว่าไปขับฝ่าไฟแดงตอนไหน แต่ตอนหลังตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วพบว่ารถคันที่ขับฝ่าไฟแดงไม่ใช่รถดิฉันอย่างแน่นอน อาจเป็นไปได้ว่ากรอบแผ่นป้ายทะเบียนจะไปบดบังตัวหมวดอักษรทำให้ดูเพี้ยนไปก็ได้ หลังจากนั้นดิฉันจึงเดินทางมาขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานดังกล่าว สำหรับค่าปรับดิฉันไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว แต่อยากให้เป็นบรรทัดฐานว่า หากใครที่มีหมายเรียกส่งมาที่บ้านขอให้ตรวจสอบอย่างละเอียดก่อน เพราะมันเป็นสิทธิของเรา” น.ส.ศิริลักษณ์ กล่าว
ด้าน ร.ต.ท.วรวิทย์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้ผู้เสียหายลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานก่อน จากนั้นก็จะให้ผู้เสียหายนำเอกสารการแจ้งความและรายละเอียดต่างๆ ไปตรวจสอบและยืนยันที่ กองบังคับการตำรวจจราจร หรือ บก.02 อีกครั้ง จากนั้นก็แล้วแต่ทางเจ้าหน้าที่ว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป
วันนี้ (29 ส.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. น.ส.ศิริลักษณ์ ผ่องโชค หรือจอย อายุ 32 ปี ดารานักร้องนักแสดงชื่อดัง เดินทางเข้าพบกับ ร.ต.ท.วรวิทย์ วรรณา พงส.(สบ 1) สน.วังทองหลาง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ว่ารถเก๋งของตนอาจจะถูกสวมทะเบียนแล้วนำไปขับฝ่าไฟแดง จนถูกหมายเรียกส่งถึงบ้านให้ไปเสียค่าปรับฐานขับรถฝ่าไฟแดง
น.ส.ศิริลักษณ์ กล่าวว่า เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ตนได้ถ่ายละครที่ปากช่อง จ.นครราชสีมา และที่ย่านรังสิต จากนั้นก็ได้กลับมาที่บ้านย่านลาดพร้าว ก่อนมาเปิดตู้จดหมายดูก็พบหนังสือจาก กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.02) จ่าหน้าซองถึงตน หลังตนเปิดอ่านดูก็พบว่าเป็นหมายเรียกให้ไปเสียค่าปรับฐานขับรถฝ่าไฟแดง โดยในรายละเอียดหมายเรียกนั้นมีข้อความและรูปถ่ายขณะขับรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีแดง หมายเลขทะเบียน ศอ-6000 กทม.ขณะกำลังขับฝ่าไฟแดงบริเวณแยกนิด้า ถนนเสรีไทย แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.เวลา 10.28 น.วันที่ 16 ส.ค.52
น.ส.ศิริลักษณ์ กล่าวต่อไปว่า จากนั้นตนดูรายละเอียดพบว่า ในวันและเวลาที่เกิดเหตุตนไม่ได้ขับรถคันดังกล่าวไปเส้นทางนั้นเลย หลังจากนั้นตนจึงตรวจสอบลายละเอียดรถก็พบว่ามีลักษณะเหมือนกับรถตน แต่จะมีจุดสังเกตหลายจุดที่เห็นชัดตรงแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งของตนแผ่นป้ายทะเบียนหมวดอักษรและตัวเลขตรงกัน แต่ต่างตรงที่ทะเบียนรถในหมายเรียกเป็นป้ายทะเบียนขาว มีกรอบล้อมรอบ ส่วนของตนเป็นป้ายทะเบียนลายกราฟิก ไม่มีกรอบ ส่วนรถของตนมีเสาอากาศบนหลังคาแต่ในรูปไม่มี และไฟท้ายก็ไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ ตัวอักษรยี่ห้อยาริส ตนได้เปลี่ยนเป็นอักษรอื่นแล้ว
“ครั้งแรกที่ได้รับหมายเรียกรู้สึกตกใจมาก และยังสับสนว่าไปขับฝ่าไฟแดงตอนไหน แต่ตอนหลังตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วพบว่ารถคันที่ขับฝ่าไฟแดงไม่ใช่รถดิฉันอย่างแน่นอน อาจเป็นไปได้ว่ากรอบแผ่นป้ายทะเบียนจะไปบดบังตัวหมวดอักษรทำให้ดูเพี้ยนไปก็ได้ หลังจากนั้นดิฉันจึงเดินทางมาขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานดังกล่าว สำหรับค่าปรับดิฉันไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว แต่อยากให้เป็นบรรทัดฐานว่า หากใครที่มีหมายเรียกส่งมาที่บ้านขอให้ตรวจสอบอย่างละเอียดก่อน เพราะมันเป็นสิทธิของเรา” น.ส.ศิริลักษณ์ กล่าว
ด้าน ร.ต.ท.วรวิทย์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้ผู้เสียหายลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานก่อน จากนั้นก็จะให้ผู้เสียหายนำเอกสารการแจ้งความและรายละเอียดต่างๆ ไปตรวจสอบและยืนยันที่ กองบังคับการตำรวจจราจร หรือ บก.02 อีกครั้ง จากนั้นก็แล้วแต่ทางเจ้าหน้าที่ว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป