ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี 6 เดือน หนุ่มรักคุดตามง้อแฟนเก่าไม่ยอมคืนดี ใช้กำลังทำอนาจารหมายข่มขืนแต่ไม่สำเร็จ แถมฉุดไปกักขังในคอนโดฯ แต่ให้ยกฟ้องข้อหาฉกตุ๊กตาบลายธ์ของเหยื่อไป
วันนี้ (27 ส.ค.) ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลมีคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายภูเบศ สุนทรณู อายุ 28 ปี เป็นจำเลยฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้จำยอม, กักขังหน่วงเหนี่ยวให้ปราศจากเสรีภาพ, กระทำอนาจาร
คดีนี้โจทก์ฟ้องสรุปว่า ระหว่างวันที่ 3-12 พ.ค.50 จำเลยไปดักพบ น.ส.กิ๊บซี่ อายุ 24 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ผู้เสียหายที่คอนโดมิเนียม แล้วบุกเข้าไปในห้องน้ำ กระทำอนาจารผู้เสียหายโดยการกอดจูบและพยายามถอดกางเกงเพื่อหวังจะข่มขืน แต่ผู้เสียหายขัดขืนต่อสู้ใช้หินขัดตัวทุบจำเลย จำเลยจึงหยุดแล้วชิงทรัพย์เป็นตุ๊กตาบลายธ์ 1 ตัว มูลค่า 10,000 บาทไป ต่อมาจำเลยยังได้ไปดักรอผู้เสียหายที่ลานจอดรถห้างเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว แล้วฉุดขึ้นรถยนต์ของจำเลยไปยังคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านเดอะมอลล์บางกะปิ ที่จำเลยเตรียมไว้ อันเป็นการกักขังหน่วงเหนี่ยว ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจำเลยได้ให้การปฏิเสธ อ้างว่าเป็นแฟนกับผู้เสียหาย มีปากเสียงกันเล็กน้อยและพยายามขอคืนดี ไม่ได้พยายามข่มขืน ส่วนที่เอาตุ๊กตาบลายธ์ไปเนื่องจากจะเอาไปถ่ายรูปทำโปสการ์ดและได้คืนให้ผู้เสียหายแล้ว
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยนำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีผู้เสียหาย และพยานซึ่งเป็นเพื่อนเรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เบิกความเล่าเหตุการณ์เป็นลำดับขั้นตอนว่า จำเลยใช้กำลังประทุษร้าย และลวนลามกระทำอนาจารพยายามจะข่มขืน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอับอายยากจะปั้นแต่ง หากไม่เป็นเรื่องจริงไม่น่าที่จะนำมาเปิดเผย อีกทั้งมีพยานที่เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยห้างสรรพสินค้าเบิกความว่า เห็นจำเลยฉุดกระชากผู้เสียหายขึ้นรถยนต์ ข้ออ้างของจำเลยฟังไม่ขื้น พิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานบุกรุกเพื่อกระทำอนาจารลงโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปี ฐานกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพเป็นเวลา จำคุก 1 ปี ฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้จำยอมจำคุก 6 เดือน รวมลงโทษจำคุกจำเลยเป็น เวลา 3 ปี 6 เดือน แต่ให้ยกฟ้องข้อหาชิงทรัพย์