ตำรวจปราบปรามยาเสพติด จับกุมนักค้ายาบ้ารายใหญ่ได้ผู้ต้องหาทั้งชาวไทยและชาวลาว รวม 9 คน ยาบ้า 2 หมื่นเม็ด เงินสดกว่า 2 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่นๆ อีกจำนวนมาก ขระที่กองปราบจับนักค้ายาบ้าสาวได้อีก 130 เม็ด
วันนี้ (25 ส.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 1 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (กก.ปส.1 บช.ปส.) แถลงการจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติด และฟอกเงินรายใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้ผู้ต้องหา 9 คน ประกอบด้วย นายมามะกอบือรี หะ อายุ 36 ปี ชาว จ.นราธิวาส นายมะกอเซ็ง บือราเฮ็ง อายุ 29 ปี ชาว จ.นราธิวาส น.ส.สำราญ ฉลาดจัด อายุ 30 ปี ชาว จ.นราธิวาส 4.ท้าวไซ (ไม่ทราบนามสกุล) อายุ 39 ปี ชาว ส.ป.ป.ลาว 5.ท้าวสุพัน นิรัน อายุ 30 ปี ชาว ส.ป.ป.ลาว นางอำไพ วังกันหา อายุ 22 ปี ชาว ส.ป.ป.ลาว 7.นายณรงค์ หรือกฤติเดช แสงแก้ว อายุ 39 ปี ชาว จ.อุดรธานี 8.น.ส.กัญญ์วรา โสภา อายุ 30 ปี ชาว จ.นครพนม และ 9.น.ส.อัมพร สิงห์งอย อายุ 20 ปี ชาว จ.นครพนม พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 20,000 เม็ด รถยนต์เก๋งยี่ห้อบีเอ็มดับเบิ้ลยู สีดำ หมายเลขทะเบียน ชฎ 240 กรุงเทพมหานคร รถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ หมายเลขทะเบียน บต 2153 เลย โทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง เงินสด 2,015,000 บาท สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารต่างๆ 10 เล่ม บัตรเอทีเอ็มธนาคารต่างๆ 14 ใบ และสร้อยข้อมือ สร้อยคอทองคำ มูลค่า 1 แสนบาท
พล.ต.ท.วุฒิ กล่าวว่า ทางกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ได้ติดตามพฤติกรรมกลุ่มนักค้ายาเสพติดในกทม.และปริมณฑล โดยเฉพาะกลุ่มที่นำยาเสพติดจากชายแดนภาคอีสานตอนบน ก่อนจะนำมาพักในพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อเตรียมส่งขายให้กลุ่มนักค้ายาระดับกลาง กับรายย่อยในพื้นที่ กทม.โดยมีเจ้าของเครือข่ายเป็นนายทุน อยู่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ติดตามพฤติกรรมมากว่า 2 เดือน กระทั่งวันที่ 24 สิงหาคม เวลา 20.00-22.30 น.เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมเครือข่ายดังกล่าว
ผบช.ปส.กล่าวอีกว่า ขบวนการดังกล่าวแบ่งหน้าที่กันทำงานอย่างชัดเจนโดยเฉพาะเครือข่ายนี้มีคนสปป.ลาว คนไทยทางภาคอีสาน และภาคใต้ เริ่มตั้งแต่การขนยาเสพติดข้ามประเทศ การเฝ้ายา การกระจายยา ต่อด้วยการเก็บเงิน โอนเงินและขนเงิน แต่ละคนก็จะมีหน้าที่แตกต่างกันไป ซึ่งขบวนนี้มีนายทุนใหญ่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านเมื่อส่งยาให้นักค้าระดับกลาง ระดับย่อยแล้ว เมื่อได้รับเงินจากการค้ายาก็จะจ้างคนขนเงินไปให้นายทุนข้ามไปต่างประเทศ บางครั้งใช้วิธีโอนเข้าบัญชีธนาคารที่อยู่ตามแนวชายแดน แล้วจ้างคนไปเบิกเงินสดลักลอบขนไปให้นายทุนที่ต่างประเทศ
พล.ต.ท.วุฒิ กล่าวอีกว่า จากการสอบสวนทราบว่า นักค้ายาเสพติดกลุ่มนี้ทำมาหลายครั้งแล้วจนมาถูกจับกุม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะขยายผลต่อไปว่ามีเครือข่ายเชื่อมโยงกับสถานการณ์ภาคใต้หรือไม่ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายนายอุสมาน สะแลแมง ในพื้นที่3 จังหวัดชายแดนใต้ หรือไม่ โดยขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจขยายผลเส้นทางการเงินก่อน สำหรับยาบ้าทั้งหมดมีมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ถือว่าเป็นการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด และฟอกเงินรายใหญ่ในกทม.เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
วันเดียวกัน ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป.พร้อมด้วย พ.ต.ต.ปกรณ์ ราชคาม สว.กก.2 บก.ป.นำกำลังจับกุม นายไชยยา หมื่นแก้ว อายุ 28 ปี น.ส.ปราณี ป้องกัน อายุ 22 ปี และ น.ส.เบญจมาศ คงสุข อายุ 18 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 130 เม็ด เงินสด 1,200 บาท บัญชีเงินฝากธนาคาร 2 เล่ม โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และเอกสารต่าง ๆ อีกจำนวนหนึ่ง จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 149 ซอยรามอินทรา 58 แยก 3-13 แขวงและเขตคันนายาว กทม.ซึ่งเป็นห้องพักของ น.ส.เบญจมาศ
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ได้รับการร้องเรียนว่าทั้งหมดมีพฤติการณ์ลักลอบค้ายาบ้าในพื้นที่เขตคันนายาว กทม.จึงวางแผนเข้าล่อซื้อและแสดงตัวเข้าจับกุม สอบสวนทั้งหมดรับสารภาพ โดย น.ส.เบญจมาศ ให้การว่า ยาบ้าของกลางแฟนหนุ่ม คือ นายยุทธนา หรือแบงก์ ทัพชู อายุ 22 ปี ซึ่งหลบหนีการจับกุมไปได้ รับมาจากเอเย่นต์ชื่อนายเค ไม่ทราบชื่อนามสกุล ทั้งนี้ ชุดสืบสวนได้ควบคุมตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สน.โคกคราม ดำเนินคดีและขยายผลการจับกุมต่อไป