เปิดสารพัดเส้นทางวิ่งซื้อตำแหน่งตำรวจ
เบี้ยยังชีพชรายามเกษียณตุนนับร้อยล้าน
ทันทีที่ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เจ้าของฉายา “วอลเปเปอร์”นายกรัฐมนตรี ออกมาดับเครื่องชนเปิดโปงโจรในเครื่องแบบสีกากีตั้งโต๊ะซื้อขายตำแหน่ง การโยกย้ายนอกฤดูกาล ครั้งมโหฬาร ของการแต่งตั้งนายตำรวจเข้าสู่ตำแหน่ง รองรับโครงสร้างใหม่ตำรวจ ที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.วาดฝันไว้ว่า จะสร้างเป็นผลงานชิ้นโชว์แดง ก่อนวันเกษียณอายุราชการ 30 กันยายน 2552
ประเด็นการซื้อๆขายๆเก้าอี้ ในวงการตำรวจ จึงกลายมาเป็นประเด็นร้อน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเก้าอี้ ผบ.ตร.ที่ผู้สันทันกรณีในยุทธจักรโล่ห์เงิน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอีก 36 วันที่เหลือของ"พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ"อาจจะอยู่ลำบาก ขณะที่ นายสมศักดิ์ บุญทอง ประธานคณะอนุกรรมการคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)สอบสวนข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็พูดชัดหลัง พล.ต.อ.พัชวาท ให้การกับอนุกรรมการฯโดยยอมรับว่า"อีจ๋อย"คือ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.)ว่าการประชุมของอนุ ก.ตร.อีกประมาณ 2-3 นัด ก็จะสรุปผลเสนอนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร.รับทราบได้
วันนี้ประเด็น"อีจ๋อย"แม้ พล.ต.อ.พัชรวาท จะกล้าเอาคอมาเป็นประกันว่า พล.ต.ท.บุญเรือง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่ง ตามที่ถูกกล่าวหาก็ตามที และถือเป็นหน้าที่ของ อนุ ก.ตร.ที่จะไปสืบสวนสอบสวน หาพยานหลักฐาน เอาคนผิดมาลงโทษ และ ตีแผ่ให้สังคมได้รับรู้ว่า แท้จริงแล้ว มีการซื้อขายตำแหน่งจริงหรือไม่
ทั้งนี้ เพื่อประกอบการพิจารณาของอนุ ก.ตร.ในการพิสูจน์ทราบหาความจริง ทีมข่าวอาชญากรรม เอเอสทีวี ผู้จัดการรายวัน ได้ไปสืบเสาะ สอบถาม เกี่ยวกับชีวิตจริงในการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจ ที่เกิดขึ้นทั้งในอดีตและปัจจุบัน ด้วยสารพัดวิธีการที่หลากหลาย ส่วนจะจริงทั้งหมด หรือ เท็จ ทั้งหมด เป็นหน้าที่ของ อนุ ก.ตร.ที่จะนำไปใช้ในการประกอบการพิจารณา ซึ่งเชื่อแน่ว่า น่าจะเกิดประโยชน์ ไม่มากก็น้อย กล่าวคือ...
วิ่งผ่านนายพลหน้าติ๋มได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์
จากการเปิดเผยของ นายตำรวจระดับ สารวัตร ในหน่วยหนึ่ง ซึ่งเป็นหน่วยที่ขึ้นชื่อเรื่องผลประโยชน์เกี่ยวข้องค่อนข้างมาก และเป็นหนึ่งในที่หมายปอง ของบรรดาสีกากี ที่หวังความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานและการเงิน จึงเป็นที่ทราบกันดีกว่าหน่วยนี้ หากเส้นไม่ใหญ่จริง อย่าเลยแม้แต่จะคิด
นายตำรวจหนุ่ม เปิดเผยว่า ตนเองต้องการขึ้นรองผกก.ในหน่วยเดิม ที่ตนสังกัดอยู่ แต่ไม่มีเส้นสาย แต่กระนั้นก็เป็นธรรมดา เมื่อมีคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์ ของกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้ง จึงต้องมองหาลู่ทางเพื่อเลื่อนตำแหน่งตัวเองให้สูงขึ้น ซึ่งครั้งนี้มองว่ามีโอกาสค่อนข้างสูง เนื่องจากมีตำแหน่งว่างจำนวนมากในหลายหน่วย เพราะเป็นวาระปรับโครงสร้างตร.ใหม่ ทำให้การแข่งขันไม่สูงมาก ประกอบกับมีการยกเว้นหลักเกณฑ์ด้วย ซึ่งหากเป็นวาระประจำปี ตำแหน่งจะมีจำกัด หรือแทบไม่มีการขยับเลย โอกาสที่จะได้จึงมีน้อยกว่า
ทราบจากผู้บังคับบัญชา และผู้ใหญ่ในแวดวงสีกากีที่เคารพนับถือ ว่า การแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้หากวิ่งเต้นโดยผ่านนายตำรวจระดับ"บิ๊ก"รายหนึ่ง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย จะมีโอกาสได้ตำแหน่งตามที่ต้องการ ว่ากันว่าหากวิ่งผ่านนายพลคนดังกล่าว ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์
จึงได้รวบรวมเงิน จากนั้นจึงให้ผู้ใหญ่ที่นับถือ ที่สามารถเชื่อมถึงนายตำรวจคนดังกล่าวได้ เพื่อติดต่อวิ่งเต้นเจรจาขอตำแหน่ง โดยเสนอเงินสดจำนวน 2 ล้านบาท บวกกับพันธสัญญาว่าหลังรับตำแหน่งจะส่งเงินให้นายตำรวจใหญ่คนนี้เป็นรายเดือน ๆละ กว่าครึ่งแสน ซึ่งมีนักธุรกิจรายหนึ่งเป็นผู้ค้ำประกันให้
อย่างไรก็ตามการตกลงครั้งนี้ยังไม่มีการส่งมอบเงินสดตามที่ตกลง แต่จะส่งมอบกันทันที หลังมีประกาศคำสั่งแต่งตั้งออกมาเท่านั้น นอกจากนี้ เพื่อป้องกันปัญหาตามภายหลัง จึงไม่มีการทำหนังสือ หรือ สัญญากันเป็นลายลักษณ์อักษร แต่อย่างใด (เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว)
ระหว่างนี้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติว่า ตนเองต้องคอยปรนนิบัติ ดูแล รับใช้ หากนายตำรวจท่านนี้มีอะไรขาดเหลือ ก็จะคอยจัดการให้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจิปาถะน้อยใหญ่ หากจะไปเที่ยวที่ไหน ก็ต้องติดตามไปคอยเทคแคร์
วิ่งเต้นรูปแบบใหม่ค้ำจุนธุรกิจรีสอร์ต"คุณนายเอส"
ในวงการสีกากีมีการปิดกันให้แซ่ดว่า หากใครอยากให้ตัวเองได้เลื่อนตำแหน่ง มีัโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงาน หรือได้ย้ายไปอยู่ในโรงพักเกรดเอ แม้กระทั่งไปอยู่ในหน่วยที่สามารถทำเงิน จะต้องมีการบริจาค....
เสมือนเป็นการสร้างวัด สร้างโบถส์ วิหาร ซึ่งผู้มีจิตศรัทธา ที่อยากให้ตัวเองหรือคนใกล้ชิดได้บุญกุศล ได้สมปรารถนา ต่างก็ทำบุญโดยการบริจาคเงินเพื่อซื้อหลังคาโบถส์ หลอดไฟ ค่าไฟ หรืออะไรก็ตามแต่ที่จะช่วยทำนุบำรุงวัด
ในวงการตำรวจก็เช่นเดียวกัน แต่การบริจาคส่วนใหญ่ไม่ใช่กิจกรรมเพื่อศาสนาแต่อย่างใด แต่เป็นการค้ำจุน ธุรกิจรีสอร์ตของ "คุณนายเอส"ซึ่งเป็นหลังบ้านของบิ๊กสีกากี รายหนึ่ง
ว่ากันว่าทุกครั้งที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายหากจะให้สมประสงค์ดั่งใจหวัง ต้องมีการบริจาค หน้าต่าง ประตู ไม้ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ สัตว์เลี้ยง อาทิ ปลาแพงๆ กำเข้า หรือแม้กระทั่งต้นไม้ใบหญ้าก็ไม่มีข้อยกเว้น ขาดเหลืออะไรขอให้บอก...เล่นมีผู้สนับสนุนดีขนาดนี้มีหรือธุรกิจจะไม่รุ่ง
การแต่งตั้งคราวนี้ก็เฉกเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าหัวกระไดรีสอร์ตของเจ๊แกไม่เคยแห้ง สาเหตุไม่ใช่อะไร เพราะบรรดานักวิ่งใจบุญจากทั่วสารทิศต่างก็ตบเท้า เข้าเสนอตัวบริจาคสิ่งละอันพันล่ะน้อย ไม่ว่าขาดเหลืออะไร นักกรีฑาหัวใจสีกากีเหล่านี้ ยินดีจัดให้ตามที่คุณนายประสงค์
เรียกว่าอุดหนุนกันขนาดนี้ เจ๊มีแต่ยิ้มแก้มปริ ไม่ต้องไปเที่ยวตั้งโต๊ะตากแดดตากลม ซื้อขายเก้าอี้ เหมือนนายตำรวจบางคน ให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน สู้หันมาทำธุรกิจจับเสือมือเปล่า ทุนแทบไม่ต้องลงแต่กำไรอื้อซ่ามิดีกว่าหรือ...?
ผู้การเกรดเอเลี่ยมทองจ่าย 20-30 ล้าน
อย่างไรก็ตาม แม้พบว่าการซื้อขายตำแหน่งสีกากียศนายพลระดับผู้บัญชาการ จนถึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พบแทบน้อยมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย ซึ่งนายตำรวจที่รับราชการไต่เต้ามาจนถึงระดับนี้ได้ หากเส้นไม่ใหญ่จริงหรือเก่งไม่จริงเห็นทีจะยาก เก้าอี้ระดับนี้มีโควตาให้แก่เด็กของบิ๊ก ตร.และเด็กนักการเมืองเท่านั้น เด็กใครเด็กมัน
แต่สำหรับการนายตำรวจที่ฝันจะขึ้นสู่ตำแหน่งระดับผู้บังคับการ พบว่าจะนั่งงอมืองอเท้าเฉยๆไม่ได้เพราะมีคนจ้องเตะตัดขาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อถึงฤดูโยกย้ายก็ต้องวิ่งเข้าหานายตำรวจที่ทำโผรายชื่อคนสนิทนายใหญ่ หากเข้าไม่ถึงตัว ก็ต้องหาโซ่มาเชื่อมให้ได้ แต่ต้องจ่ายเป็นค่าน้ำร้อนน้ำชาเพิ่ม เก้าอี้ตัวนี้ขี้หมูขี้หมาไม่เกิน 10 ล้าน แต่หากต้องการนั่งเก้าอี้เกรดเอระดับเลี่ยมทองจะต้องจ่ายแพงหน่อยเฉลี่ยแล้วตัวละ 20-30 ล้าน เป็นอย่างต่ำ ไม่นับค่าใบเบิกทางเป็นเพชรนิลจินดากำนัลแด่ "คุณหญิง-คุณนาย" หลังบ้านผู้มีอำนาจ หรือพระเครื่อง นาฬิกา เครื่องประดับโครตแพงให้ผู้มีอำนาจ อย่างไรก็ตามคนวิ่งต้องเช็คให้ละเอียดว่าของถึงมือหรือไม่ หากวิ่งไม่ดูตาม้าตาเรืออาจเสียค่าโง่ฟรีๆได้ แต่คนระดับนี้แล้วอ้าปากก็เห็นเขี้ยวเห็นงากันอยู่แล้ว
เปิดเก้าอี้ทองคำของนักวิ่ง
สำหรับเก้าอี้ทองคำของ นครบาลก็มี กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ,2 ,5,6, ศูนย์สืบสวนฯ,ตำรวจปฏิบัติการพิเศษ, กองบังคับการอำนวยการ
กองบัญชาการสอบสวนกลางก็ กองปราบปราม ,กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี ,กองบังคับการตำรวจทางหลวง ,กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ส่วนระดับภูธรก็จังหวัดใหญ่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพราะมีเบี้ยใบ้รายทางให้เก็บเยอะ ส่วนเก้าอี้ระดับรองผู้บังคับการ ค่าเก้าอี้ ก็จะลดหลั่นกันไป
ระดับผู้กำกับการ หากเป็นโรงพัก ทำเลทอง เช่น พญาไท มักกะสัน บางซื่อ ทองหล่อ ท่าเรือ ลุมพินี บางรัก ปทุมวัน พลับพลาไชย 2 ตลิ่งชัน และ บางยี่ขัน ต้องจ่าย 10-15 ล้าน ส่วนโรงพักขนาดกลางจ่ายประมาณ 5 ล้าน และโรงพักขนาดเล็ก 1 ล้านอัพ ระดับรองผู้กำกับ ก็ลดหลั่นลงมาอีกครึ่งหนึ่ง
ระดับสารวัตร จะวิ่งกันสนุกเพราะตำแหน่งมีให้สู้เยอะแถมนายหน้าก็มาก โรงพักทำเลทอง ตำแหน่งสารวัตรปราบปราม, สืบสวน และจราจร ไม่ต่ำกว่า 5 แสน หากโรงพักเกรดต่ำมาหน่อยก็ 1 - 3 แสน
วิ่งเพื่ออะไร-เงินซื้อตำแหน่งได้มาจากไหน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตำรวจ คือข้าราชการประจำที่ต้องการความก้าวหน้าในเส้นทางอาชีพ โดยบางคนไม่สนใจว่าดาวที่เพิ่มบนบ่าได้มาโดยวิธีใด นอกจากนี้อีกร่างหนึ่งเขาก็คือนักธุรกิจที่สายตาแหลมคมสามารถมองเห็นกำไรจากเม็ดเงินที่ลงทุนไป เช่นท้องที่ที่เขาเลือกมีอบายมุขเยอะๆ เช่น อาบอบนวด ผับ บาร์ ร้านอาหาร เล้าท์ คาราโอเกะ บ่อน หากไม่พอจะเอาตู้ม้าไปลง หรือเปิดบ่อนเองโดยใช้นอมินีดูแลให้ก็ได้ หากแข็งจริงกะว่าหากไม่โดนนอกหน่วยจับกุมเสียก่อน ขออยู่แค่ปีเดียวอาจได้คืนทั้งต้นทั้งดอก
บางคนเก็บเงินสะสมจากธุรกิจผิดกฏหมาย บางรายมีสปอนเซอร์โดดหนุนทั้งเจ้าของบ่อน อาบอบนวด โต๊ะบอล หรือนักธุรกิจสีเทาที่ต้องการซื้อเก้าอี้ให้คนของตัวเองมาดูแลธุรกิจในพื้นที่ พวกนี้จะทำกันในรูปแบบแฟนคลับ คอยลงขันซื้อตำแหน่งให้ แต่ก็ต้องใช้อำนาจหน้าที่ช่วยงานดูแลธุรกิจแฟนคลับเป็นการตอบแทน
เมื่อมีคนวิ่งตัดขาแล้ว เจ้าของเก้าอี้ก็ต้องวิ่งรักษาตำแหน่ง ซึ่งเก้าอี้เกรดเอจะวิ่งกันสนุก เรียกว่าฝุ่นตลบอบอวล สมมติผู้ท้าชิงให้ 10 ล้าน เจ้าของตำแหน่งก็จะเพิ่มให้มากกว่านั้น ซึ่งเกทับกันแหลก ชนิด"ไม่มีพี่ มีน้อง มีเพื่อน ในฤดูแต่งตั้งโยกย้าย"แต่หลายครั้งก็มีตาอยู่มาทุ่มเงินตัดหน้าคว้าเก้าอี้ทองคำไปกอดหน้าตาเฉย
ยิ่งหากโยกย้ายนอกฤดู ที่ยกเว้นหลักเกณฑ์ ที่ให้ผู้กำกับการ เลื่อนเป็นรองผู้บังคับการ ต้องเป็นผู้กำกับการมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี
รองผู้กำกับการ เลื่อนเป็น ผู้กำกับการ ต้องเป็นรองผู้กำกับการมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี
สารวัตรเลื่อนเป็น รอง ผู้กำกับการ ต้องครองยศ พ.ต.ท.มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
รองสารวัตรเลื่อนเป็นสารวัตรต้องครองยศ ร.ต.อ.มาแล้วไม่น้อยกว่า 7 ปี
ภูธรนักวิ่งมักนิยมใช้ตัวกลางสู่ผู้มีอำนาจ
ในเขตภูธร ซึ่งต้องยอมรับว่า ผลประโยชน์ค่อนข้างมีน้อยกว่านครบาลหลายเท่าตัว หากจะวิ่งเต้นเอาตำแหน่ง ด้วยการซื้อนั้น มักไม่นิยมซื้อขายกันโดยตรง แต่จะมีตัวกลาง ที่มีพาวเวอร์ เป็นตัวเชื่อมโยงไปสู่ผู้มีอำนาจ หรือผู้ชี้เป็นชี้ตายที่จะเสนอชื่อผู้นั้นผู้นี้ ให้ไปดำรงตำแหน่งนั้น ตำแหน่งนี้ได้ ในขณะเดียวกันตัวกลางคนดังกล่าวก็จะทำหน้าที่เป็น "ตัวคัดเอาท์" ในขณะเดียวกันด้วย เพื่อคอยปกป้องไม่ให้สาวถึงตัวผู้มีอำนาจ หรือ"นาย"ได้
แต่อย่างไรก็ตาม หากจะวิ่งโยกย้ายในระดับที่ผู้มีอำนาจในพื้นที่ภูธรสามารถทำได้นั้น สุดแล้วแต่ผู้วิ่งจะเลือกช่องทางไหน ทั้งผ่านตัวกลาง หรืออาจเป็น"หลังบ้าน"ก็แล้วแต่ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ในขณะเดียวกัน ยังมีวิธีการ"ดูแล" หรือ"ขอบคุณนาย" หลังจากที่สมหวังในตำแหน่งที่ปรารถนาแล้ว ซึ่งสุดแล้วแต่ผู้วิ่งจะ"จัดไป" ส่วนการ "จ่ายตรง" ในระดับนี้ มักไม่เกิดขึ้นในภูธร
ดังนั้น จากสารพัดกลยุทธ์ประกอบกับ เหตุผลการเพิ่มตำแหน่งรับโครงสร้างใหม่ ที่เกิดขึ้นในยุคปั้นปลายชีวิตข้าราชการสีกากีของ พล.ต.อ.พัชวาท วงษ์สุวรรณ จึงทำให้การแต่งตั้งโยกย้าย โผนอกฤดูครั้งนี้ จึงมีการวิ่งเต้นกันสนุกสุดๆส่งผลให้เหล่าบรรดาพวก "เหลือบลิ้น" ที่หากินกับวงการสีกากี ก็รับทรัพย์กันอู้ฟู้สุดๆ เบี้ยยังชีพคนชรายามเกษียณจึงมีตุนเป็นร้อยล้าน!