“บิ๊กออฟ” ขอดูหน้า ผบ.ตร.คนใหม่ ก่อนตัดสินใจฟ้อง!

“เพรียวพันธ์” ยังไม่คิดฟ้องเรียกร้องความเป็นธรรมถูกข้ามหัว ขอดูผลเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ และข้อกฎหมายให้ชัดก่อนตัดสินใจอีกครั้ง ย้ำยังมีสิทธิ์ลุ้น แต่การจะไปแสดงวิสัยทัศน์ต้องให้ผู้บังคับบัญชาสั่งมาเท่านั้น แม้ก่อนหน้านี้จะเสนอประวัติ ผลงานให้ ก.ต.ช.ไปแล้วก็ตาม

วันนี้ (21 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ไม่สามารถเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ได้ว่า ดูแล้วสิทธิ์ของตนยังมี ก็ไม่ทราบว่าผู้ใหญ่จะพิจารณาอย่างไร แต่ยืนยันว่าตัวเองมีสิทธิ์

อย่างไรก็ตาม ตนเป็นข้าราชการการจะไปแสดงวิสัยทัศน์หรือไม่นั้น ต้องรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเสียก่อน ไม่มีอำนาจจะไปทำอะไรได้มากกว่านี้ ถ้ามีคำสั่งให้ไปก็ไป แต่ก่อนหน้านี้ตนได้ส่งประวัติ ผลงาน และความเป็นมาเป็นไปที่เหมาะสมที่ตนควรได้รับการแต่งตั้ง ไปให้ ก.ต.ช.แล้ว

“ข่าวที่ออกมาเหมือนกับว่าผมไม่มีโอกาสที่จะได้เป็น ผบ.ตร. ถามว่าความจริงมีหรือไม่ แน่นอนต้องมีเพราะผมอาวุโสอันดับ 1 และอาวุโสมานานแล้วด้วย ตั้งแต่ปี 2549 ก่อนที่จะมีการปฏิวัติ ซึ่งผมได้พูดไปหมดแล้วว่าจะดำเนินการอย่างไร พูดมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว” พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า หากไม่ได้รับการเสนอชื่อ หรือไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร.จะฟ้องหรือไม่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า ตอนนี้ต้องดูเหตุการณ์หลายๆ อย่างประกอบ ความเป็นมาเป็นไปเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าผลออกมาอย่างไร ซึ่งขณะนี้ยังไม่ตัดสินใจว่าจะฟ้องร้องหรือไม่ กำลังดูข้อกฎหมายต่างๆอยู่ อีกทั้งยังดูเอกสารต่างๆ อยู่ ยังไม่ได้คิดฟ้อง ซึ่งเป็นสิทธิ์ของตนที่จะเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องเอาไว้ ยังไม่ตัดสินใจ ต้องดูความถูกต้องชอบธรรมในตนเอง

“การแต่งตั้ง ผบ.ตร.ครั้งนี้ มีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้องแน่นอน ที่ผ่านมาตั้งแต่มีระเบียบข้าราชการตำรวจตั้งแต่ปี 2521 กระทั่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ในการเลือกอธิบดีกรมตำรวจ (อ.ตร.) และผบ.ตร.ก็มาจาก รอง อ.ตร.และรอง ผบ.ตร.ที่อาวุโสสูงสุดทั้งสิ้น ถ้าครั้งนี้ไม่เลือกผม ที่มีลำดับอาวุโสสูงสุด ก็เป็นอะไรที่ชี้ให้เห็นแล้ว” พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าว

เมื่อถามว่าน้อยใจหรือไม่ รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า เอาเป็นว่าเรื่องความชอบธรรม เพราะไม่ใช่คนน้อยใจคนง่ายๆ เป็นผู้ชายไม่ได้คิดน้อยใจ คิดถึงแต่ความชอบธรรมมากกว่า ซึ่งเรื่องนี้ไม่กระทบต่อตำแหน่งรอง ผบ.ตร. หรือการทำงาน เพราะตนเป็นตำรวจอาชีพ ชอบงานด้านนี้อยู่แล้ว ไม่เป็นไร ทำงานได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือก ผบ.ตร.ครั้งนี้ไม่ยึดตามอาวุโส และอยู่ที่ว่าอิงฝ่ายการเมืองขั้วไหน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้แล้วแต่มุมมอง ต้องดูที่หลายๆอย่าง ส่วนของตน เมื่อได้ส่งประวัติไปแล้ว ก็ไม่มีการใช้กำลังภายในอะไร เพราะตนไม่มีกำลังภายใน และไม่ฝักใฝ่ฝ่ายการเมือง และตั้งแต่ตนออกมาพูดเรื่องนี้ก็ไม่มีพรรคการเมืองไหนมาอะไรกับตน

ตอบโจทย์"เพรียวพันธ์"ทวงสิทธิ์ ผบ.ตร.
“เพรียวพันธ์” เปิดศึกท้าชนนายกฯ ทวงสิทธิ์เก้าอี้ ผบ.ตร.!