“เฉลิมชัย” เผยพร้อมตรวจสอบข้อมูลข่าวซื้อ-ขายตำแหน่งใน สตช.เหน็บคนเปิดประเด็นอยากสักแต่พูด โดยไม่มีหลักฐาน บอกพร้อมรับข้อมูลตั้งกรรมการสอบ เชื่อ “นายกฯ” ทำตามกฎหมายด้วยความชอบธรรม ตั้งรักษาการ ผบ.ตร.ชี้เป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ
วันนี้ (7 ส.ค.) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฏร กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ออกมาระบุว่า มีการซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดหรือใครที่ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องนี้ ต้องรับผิดชอบต่อคำพูดที่ออกมาเปิดเผยต่อสังคมไทย ไม่ใช่สักแต่พูดเปิดประเด็น สร้างข่าวแต่ไม่มีหลักฐาน หากคิดว่ามีข้อมูลหลักฐาน ก็ขอให้มีการตรวจสอบตามระบอบที่เปิดช่องทางตามที่กฏหมายให้สิทธิต่อผู้ที่รับผลกระทบทุกฝ่าย โดยสามารถยื่นเรื่องเข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการตำรวจ สภา ที่ตนเป็นประธานได้ โดยขอรับรองว่าจะดำเนินการตรวจสอบให้อย่างเป็นธรรม ทุกอย่างว่าไปตามหลักฐานที่นำมาแสดง
ประธานคณะกรรมาธิการตำรวจ สภา กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.ที่ออกมาระบุว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการแต่งตั้งรักษาการ ผบ.ตร.ก็สามารถใช้สิทธิ์ยื่นเรื่องร้องเรียนได้เหมือนกัน เพราะเชื่อว่าการจะแต่งตั้งบุคคลใด ขึ้นรับหน้าที่ที่มีความสำคัญเป็นส่วนหัวหรือเป็นหลักขององค์กรอย่าง สตช.ก็ต้องผ่านการคัดกรองของ ก.ตร.มาแล้วเช่นกัน เพราะต้องคำนึงถึง มาตรา 72 ของ พ.ร.บ.ตำรวจ ที่ระบุชัดเจนว่า การแต่งตั้งนี้เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีในการจะพิจารณา ซึ่งจะมอบอำนาจให้ผู้อื่นใช้แทนก็ไม่ได้เช่นกัน และการใช้ดุลพินิจในการพิจารณาความเหมาะสมของบุคคลที่จะขึ้นทำหน้าที่รักษาการ ผบ.ตร.นี้ ส่วนตัวก็เข้าใจว่า นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ล้วนแล้ว แต่ทราบตัวบทกฎหมายเป็นอย่างดี เพราะตำรวจส่วนใหญ่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายอยู่แล้ว ทั้งหมดจึงต้องดูอำนาจในแต่ละส่วนที่มีกฎหมายรองรับ เพราะถ้าผู้บังคับใช้กฎหมาย ไม่ยอมรับกฎ ระเบียบ หรือกติกาแล้วจะมาทำหน้าที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย มันจะเป็นไปได้อย่างไร
การที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ออกมาระบุว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น ส่วนตัวเห็นว่า น่าจะเป็นการใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสินมากกว่า เพราะคนที่เป็นถึงนายกรัฐมนตรีย่อมต้องเห็นถึงความเหมาะสม และประโยชน์ของส่วนรวมและองค์กรอย่าง สตช. มากกว่าประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีคนนี้ ที่ตนเชื่อมั่นว่า ทำหน้าที่บริหารโดยคำนึงถึงหลักกฎหมาย ความถูกต้อง และผลประโยชน์โดยรวมที่สังคมไทยส่วนใหญ่จะได้รับ