ทันทีที่ "พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์"รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายป้องกันปราบปรามอาชญากรรม 1 (รอง ผบ.ตร.ปป.1)ออกมาแถลงข่าว เปิดศึกชน"นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"นายกรัฐมนตรี โดยย้ำว่า เขาไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการแต่งตั้ง รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ที่หวยไปออกที่"พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี" ที่ปรึกษา (สบ 10)บุคคลที่ เขายืนยันว่า มีอาวุโสน้อยกว่าเขา ผิดประเพณีปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมกับประกาศว่า จะต่อสู้ตามกระบวนการของกฎหมายให้ถึงที่สุด
ข้ออ้างของ"เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์"ที่ว่า....“ผมไม่เคย ท่านทักษิณใหญ่ ผมไม่เคยใหญ่ ผมไม่ทราบทำไมตั้งท่านวิเชียรขึ้นมา จากคำสั่ง รรท.ผบ.ตร.ที่สั่งมา ผมว่ามันไม่ถูกต้อง ผมผิดตรงไหน ผมอยากถาม ผมตั้งใจทำงาน ผมเสี่ยงภัย ขึ้นเขาสูงไปรับตัวคนที่ทำให้พี่น้องในภาคใต้เดือดร้อน ผมทำงานสำเร็จตามที่รัฐบาลต้องการ งานยาเสพติดผมก็ทำสำเร็จ ที่ผ่านมาผมพยายามทำเรื่องด่านสกัดยาเสพติดทางภาคเหนือ ก็สกัดกั้นผมอีก ไม่ให้ผมทำอีก ทุกอย่างมันพังทลายไปหมดในเรื่องของบ้านของเมือง ผมไม่อยากพูด ซึ่งผมกำหนดไว้หมดอุปกรณ์ในการดำเนินการ ต้องหยุดหมดเลย”....
จากผลงานของ"เพรียวพันธ์"ที่เขายกมาประกอบการต่อสู้ทวงความเป็นธรรม โดยที่เขาได้เน้นย้ำว่า ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมืองใด และเมื่อวันนี้ เมื่อเขาได้นั่ง (รอง ผบ.ตร.)จ่อเบอร์ 1 ของกรมปทุมวัน ในรัฐบาลยุคประชาธิปัติย์ แล้วทำไม?.. เขาต้องมาผิดหวังเป็นครั้งที่ 3
อย่างไรก็ตามหลัง"บิ๊กออฟ"...เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์...ออกมาบีบน้ำตา ตีโพย ตีพาย หลายคนต่างสงสัยว่า เป็นเพราะเหตุผลใด เนื่องจากหากไปตรวจสอบข่าวความเคลื่อไหวเกี่ยวกับคนสีกากีแล้ว ถือว่า น่าจะนำมาถอดรหัส เพื่อประชาชนจะได้เข้าใจอย่างแจ่มชัดมากขึ้น ว่าแท้ที่จริงแล้ว... "ใครถูกรังแก และใครต้องการอำนาจแห่งผลประโยชน์ทั้งทางการเมือง และผลประโยชน์ส่วนตน"...
เริ่มจากคำถามที่ว่า...ทำไม? "พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์"ถึงเชิญสื่อ สตช.มารับฟังการแถลงข่าว ชนิดเปิดใจ ภายในห้องทำงาน ก่อนวันที่ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)จะมีการประชุมพิจารณาหาความชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย กรณีการแต่งตั้งโยกย้าย 152 นายพล ตามโครงสร้างใหม่ตำรวจ ที่ได้เกิดขึ้นหลังจาก" พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ"ไม่อยู่ในประเทศ ครบ 2 วัน หลังการถูกปลดเงียบลาพักราชการไปจีน
"พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์"เขาได้มีการตกลงอะไรไว้กับ"พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ"หรือไม่ เพราะก่อนวันที่ "พัชรวาท"ยื่นใบลาพักราชการกับนายกรัฐมนตรี เขาได้รับคำสั่งจาก"พัชรวาท"ให้ไปปฎิบัติหน้าที่ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 และ 9 ในระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม 2552 โดยมีหลักฐานข่าวที่ยืนยันการไปปฎิบัติหน้าที่ของ "พล.ต.อ.เพรียวพันธ์"คือ การแถลงข่าวรับมอบตัว "นายเจิม เส้งเอียด" หรือไข่หมูก จอมโจรเรียกค่าคุ้มครองชื่อดังของภาคใต้ วัย 59 ปี ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งค่าหัวไว้ที่ 50,000 บาท
แต่สำหรับภารกิจของ"เพรียวพันธ์"ในการปฎิบัติหน้าที่ในพื้นที่ภาค 8 และ 9 ถือว่ายังไม่จบลงตามคำสั่ง แต่..."เพรียวพันธ์"เลือกเอาวันที่ 6 สิงหาคม เป็นวันแถลงข่าวก่อนที่เขาจะหมดภารกิจพื้นที่ภาคใต้ในวันที่ 7 สิงหาคม หลังวันอดีตบิ๊กตำรวจสุมหัวประชุมสกัดกั้นรื้อโผ 152 นายพล ผ่านมาเพียง 1 วัน และก่อน 1 วัน ที่ ก.ตร.จะประชุมหาความชัดเจนแต่งตั้ง 152 นายพล ส่วนจังหวะ วัน เวลา จะเกี่ยวข้อง เกี่ยวโยง กันหรือไม่ "พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์"น่าจะทราบดี
หากไปวิเคราะห์เจาะลึก พร้อมๆกับเปิดโฉมหน้านายตำรวจสายแม้ว ที่มีชื่ออยู่ในโผ 152 นายพล พบว่ามีข้อสังเกตเช่นกันว่า...."เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์"ท่านหวั่นไหว ว่าการทบทวนโผ ครั้งนี้ จะมีการไปแตะ หรือ ไปเขี่ย คนในระบอบทักษิณ ที่ได้รับการแต่งตั้งก่อนหน้านี้หรือไม่....
เริ่มจาก....ที่โดดเด่นสุด โดยว่ากันว่าอยู่ในข่ายสาย"เสื้อแดง"แม้บางคนมิใช่สายตรงของ พล.ต.อ.เพรียมพันธ์ ก็ตาม ประกอบด้วยพล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ รองผบช.ประจำตร.(ทนท.บร.และให้คำปรึกษาด้านยุทธศาสตร์) เป็น รองผบช.ปส. แต่พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ ได้ชิงลาออกไปแล้ว ก่อนที่บัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายจะมีผล
พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รองผบช.ประจำตร.(ทนท.บร.และให้คำปรึกษาด้านกิจการพิเศษ) เป็น รองผบช.ก. ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า อดีตผบก.ป.ผู้นี้ มีศักดิ์เป็นหลานเขยของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากนี้ยังมี"หมอโอ๊ค" พล.ต.ท.พีระพงศ์ ดามาพงศ์ ผบช.ประจำตร. (ทำหน้าที่หัวหน้างานด้านยุทธศาสตร์) เป็น จเรตำรวจ (สบ 8) โดยเดิม"หมอโอ๊ค" ซึ่งเป็นน้องชายของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เป็นนายแพทย์สังกัด รพ.ตร. แต่ภายหลังโอนย้ายมาเพื่อเป็น"ตำรวจอาชีพ"โดยตรง โดยการย้ายจากตำแหน่งผบช.ประจำ ไปเป็นจเรตำรวจ(สบ 8)ถือว่ายังไม่น่าเกลียดนัก ด้วยยังไม่ได้เข้าสู่ตำแหน่งหลัก
ในขณะเดียวกัน นายตำรวจระดับนายพลจากสำนักงานของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ที่มีชื่อในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ ประกอบด้วย พล.ต.ต.ครรชิต วงศ์ใหญ่ ผบก.ประจำ สง. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เป็น ผบก.ประจำ บช.ปส. พล.ต.ต.มณสัณ สุขกนิษฐ รอง ผบช.ประจำ ทนท.ฝอ. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. เป็น รองจเรตำรวจ (สบ 7)
ส่วนบรรดานายพลประจำสำนักงานของรองผบ.ตร.ทั้งของ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย พล.ต.อ.ชลอ ชูวงศ์ และพล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ก็ล้วนมีชื่อในบัญชี 152 นายพลครั้งนี้เช่นเดียวกัน ประกอบด้วย พล.ต.ต.เรืองชัย วัจนะพุกกะ รอง ผบช.ประจำสำนักงาน พล.ต.อ.จุมพล เป็น รอง ผบช.ศ. พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง ผบก.ประจำ สง. พล.ต.อ.ชลอ ชูวงษ์ ที่ปรึกษา (สบ 10) เป็น ผบก.ภ.จ.สมุทรสงคราม พล.ต.ต.ภักดี จิรางกูร ผบก.ประจำสำนักงาน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. เป็น ผบก.รร.ภ.7 พล.ต.ต.ชาติชาย แตงเอี่ยม ผบก.ประจำสง. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. เป็น ผบก.ศฝร.ภ. 4 พล.ต.ต.ภักดี จิรางกูร ผบก.ประจำสำนักงาน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. เป็น ผบก.ศฝร.ภ.7 พล.ต.ต.มนตรี โปตระนันท์ ผบก.ประจำ สง. พล.ต.อ.จงรัก เป็น ผบก.ตม.7
รายชื่อแต่งตั้ง 152 นายพล ที่กำลังจะเสร็จภารกิจโรงเรียน"พัชรวาท วงษ์สุวรรณ"ก่อนหน้าระหว่าง "เพรียวพันธ์"และ"พัชรวาท"ได้มีการตกลง สัญญาใจ อะไรกันไว้หรือไม่ จึงได้มีรายชื่อเด็กทักษิณ เด็กในสายเพรียวพันธ์ เข้าสู่ตำแหน่งหลัก และได้รับการแต่งตั้ง กันถ้วนหน้า สร้างความมึนงงให้กับผู้นั่งเป็นประธาน ก.ตร.อย่าง "สุเทพ เทือกสุบรรณ" และตัวนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รวมทั้งชนิดที่สวนความรู้สึกแบบสุดสุดของ"คนเกลียดทักษิณ"
ส่วนคำถามว่าที่"พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์"เขาไม่ได้รับความเป็นธรรม จริงหรือ.....หรือว่าเขา "ถูกกรรมลิขิต ที่ต้องหงายบาตรแก้กรรม"จากเหตุที่เขา ข้ามอาวุโส มารุ่นแล้ว รุ่นเล่า หรือ เพราะเขามีน้องสาวที่ชื่อ"พจมาน ชินวัตร"หญิงหม่าย ภรรยา ลับ ลวง พราง ของ"นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร"จึงทำให้"เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์"ต้องอกหักซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
สำหรับเส้นทางเดินของ"เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์"ก่อนครองยศ"พล.ต.อ."จ่อขึ้นชั้น เบอร์ 1 กรมปทุวัน ถือว่า ไม่ธรรมดา นับตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร "น้องเขย" ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี"เพรียวพันธ์"ก็ดูจะมีสง่าราศี เส้นทางรื่นไหล นอกจากจะไม่ถูกขัด ถูกขวางแล้ว บางโอกาส บางจังหวะ ยังมีคนอื่นหลีกทางให้ เปิดทางให้ หรือแม้แต่ได้ "ก้าวกระโดดข้ามอาวุโส"
เริ่มจากขั้นชั้น ผู้ช่วย ผบ.ตร.ครั้งนั้น (ในสมัยรัฐบาลทักษิณ) พล.ต.อ.สุวรรณ สุวรรณเวโช เคยเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.ครองยศ พล.ต.ท.ต่อมาก็ลงจากตำแหน่ง เปิดทางให้มีการโยกย้ายโผนายพลนอกฤดูกาล เปิดช่องให้ พล.ต.ท.เพรียวพันธ์ สามารถโยกจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด มาขึ้นเป็น"ผู้ช่วย ผบ.ตร."
ต่อมาครั้งขึ้นตำแหน่ง "รอง ผบ.ตร."ซึ่งว่างลง 1 ตำแหน่ง จากการที่ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ รอง ผบ.ตร.(ในสมัยรัฐบาลทักษิณ)ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อเปิดทางให้กับ พล.ต.ท.เพรียวพันธ์ ได้ขึ้นมาเป็น "รอง ผบ.ตร
โดยการตั้ง พล.ต.ท.เพรียวพันธ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.อาวุโสลำดับ 5 กระโดดขึ้นเป็น รอง.ผบ.ตร.ได้ข้ามอาวุโส ผู้ช่วย ผบ.ตร.คนอื่นๆ ที่มีอาวุโสกว่า ได้แก่ พล.ต.ท.บุญเพ็ญ บำเพ็ญบุญ, พล.ต.ท.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ,พล.ต.ท.สุเทพ ธรรมรักษ์ และ พล.ต.ท.ณพัฒน์ ศรีหิรัญ
ทำให้ พล.ต.ท เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ในขณะนั้น)ถึงกับยื่นฟ้องคณะกรรมการข้าราชการตำรวจและคณะรัฐมนตรีต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนมติแต่งตั้ง พล.ต.ท.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.
ทั้งๆ ที่ ข้อกำหนด ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกของคณะกรรมการคัดเลือกเพื่อการแต่งตั้ง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2545 ข้อ 8 (1) กำหนดไว้ว่า "กลุ่มที่จะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติขึ้นไป หรือตำแหน่งเทียบเท่า ให้พิจารณาเรียงตามลำดับอาวุโส โดยให้ถืออาวุโสในการรักษาราชการแทนตามที่ ก.ตร.กำหนด" ซึ่งแตกต่างจากข้อกำหนดเดิม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2539 ที่ให้พิจารณาความรู้ความสามารถ ความประพฤติ ประวัติการรับราชการ ผลการปฏิบัติงาน และอาวุโส (เหตุที่มีการแก้ไขปรับปรุง ก็เนื่องจากเกิดความไม่เป็นธรรมในการแต่งตั้งหลายครั้ง ก.ตร.จึงแก้ไขหลักเกณฑ์มาเป็นข้อกำหนดดังกล่าว)
มาถึงยุครัฐบาลนอมินี"ทักษิณ"...นายสมัคร สุนทรเวช ได้มีการเปิดตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.และ ผู้ช่วย ผบ.ตร.เพื่อเปิดทาง รองรับการกลับมาสู่ "เส้นทางเดิม"ของ "เพรียวพันธ์" และ "ชลอ " เพื่อนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ
มาวันนี้ แน่นอน"เพรียวพันธ์"เขาฟ้องและต้องสู้จนถึงที่สุดแน่...ส่วนการปรับรื้อโผ 152 นายพล ที่ ก.ตร."เทพเทือก"มีมติไม่รื้อ เด็กในระบอบทักษิณ ยังคงอยู่ ถือว่า"เพรียวพันธ์"ได้ผลเกินคาด..แต่สำหรับเบอร์ 1 กรมปทุมวัน หากสุดท้ายตกที่ ""พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี"นายตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร.ทั้ง 6 คน ที่วาดฝันจะขึ้นนั่ง"ผบ.ตร."ตัวจริง เสียงจริง ก็จะดับวูบลงในทันที
ข้ออ้างของ"เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์"ที่ว่า....“ผมไม่เคย ท่านทักษิณใหญ่ ผมไม่เคยใหญ่ ผมไม่ทราบทำไมตั้งท่านวิเชียรขึ้นมา จากคำสั่ง รรท.ผบ.ตร.ที่สั่งมา ผมว่ามันไม่ถูกต้อง ผมผิดตรงไหน ผมอยากถาม ผมตั้งใจทำงาน ผมเสี่ยงภัย ขึ้นเขาสูงไปรับตัวคนที่ทำให้พี่น้องในภาคใต้เดือดร้อน ผมทำงานสำเร็จตามที่รัฐบาลต้องการ งานยาเสพติดผมก็ทำสำเร็จ ที่ผ่านมาผมพยายามทำเรื่องด่านสกัดยาเสพติดทางภาคเหนือ ก็สกัดกั้นผมอีก ไม่ให้ผมทำอีก ทุกอย่างมันพังทลายไปหมดในเรื่องของบ้านของเมือง ผมไม่อยากพูด ซึ่งผมกำหนดไว้หมดอุปกรณ์ในการดำเนินการ ต้องหยุดหมดเลย”....
จากผลงานของ"เพรียวพันธ์"ที่เขายกมาประกอบการต่อสู้ทวงความเป็นธรรม โดยที่เขาได้เน้นย้ำว่า ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมืองใด และเมื่อวันนี้ เมื่อเขาได้นั่ง (รอง ผบ.ตร.)จ่อเบอร์ 1 ของกรมปทุมวัน ในรัฐบาลยุคประชาธิปัติย์ แล้วทำไม?.. เขาต้องมาผิดหวังเป็นครั้งที่ 3
อย่างไรก็ตามหลัง"บิ๊กออฟ"...เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์...ออกมาบีบน้ำตา ตีโพย ตีพาย หลายคนต่างสงสัยว่า เป็นเพราะเหตุผลใด เนื่องจากหากไปตรวจสอบข่าวความเคลื่อไหวเกี่ยวกับคนสีกากีแล้ว ถือว่า น่าจะนำมาถอดรหัส เพื่อประชาชนจะได้เข้าใจอย่างแจ่มชัดมากขึ้น ว่าแท้ที่จริงแล้ว... "ใครถูกรังแก และใครต้องการอำนาจแห่งผลประโยชน์ทั้งทางการเมือง และผลประโยชน์ส่วนตน"...
เริ่มจากคำถามที่ว่า...ทำไม? "พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์"ถึงเชิญสื่อ สตช.มารับฟังการแถลงข่าว ชนิดเปิดใจ ภายในห้องทำงาน ก่อนวันที่ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)จะมีการประชุมพิจารณาหาความชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย กรณีการแต่งตั้งโยกย้าย 152 นายพล ตามโครงสร้างใหม่ตำรวจ ที่ได้เกิดขึ้นหลังจาก" พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ"ไม่อยู่ในประเทศ ครบ 2 วัน หลังการถูกปลดเงียบลาพักราชการไปจีน
"พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์"เขาได้มีการตกลงอะไรไว้กับ"พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ"หรือไม่ เพราะก่อนวันที่ "พัชรวาท"ยื่นใบลาพักราชการกับนายกรัฐมนตรี เขาได้รับคำสั่งจาก"พัชรวาท"ให้ไปปฎิบัติหน้าที่ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 และ 9 ในระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม 2552 โดยมีหลักฐานข่าวที่ยืนยันการไปปฎิบัติหน้าที่ของ "พล.ต.อ.เพรียวพันธ์"คือ การแถลงข่าวรับมอบตัว "นายเจิม เส้งเอียด" หรือไข่หมูก จอมโจรเรียกค่าคุ้มครองชื่อดังของภาคใต้ วัย 59 ปี ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งค่าหัวไว้ที่ 50,000 บาท
แต่สำหรับภารกิจของ"เพรียวพันธ์"ในการปฎิบัติหน้าที่ในพื้นที่ภาค 8 และ 9 ถือว่ายังไม่จบลงตามคำสั่ง แต่..."เพรียวพันธ์"เลือกเอาวันที่ 6 สิงหาคม เป็นวันแถลงข่าวก่อนที่เขาจะหมดภารกิจพื้นที่ภาคใต้ในวันที่ 7 สิงหาคม หลังวันอดีตบิ๊กตำรวจสุมหัวประชุมสกัดกั้นรื้อโผ 152 นายพล ผ่านมาเพียง 1 วัน และก่อน 1 วัน ที่ ก.ตร.จะประชุมหาความชัดเจนแต่งตั้ง 152 นายพล ส่วนจังหวะ วัน เวลา จะเกี่ยวข้อง เกี่ยวโยง กันหรือไม่ "พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์"น่าจะทราบดี
หากไปวิเคราะห์เจาะลึก พร้อมๆกับเปิดโฉมหน้านายตำรวจสายแม้ว ที่มีชื่ออยู่ในโผ 152 นายพล พบว่ามีข้อสังเกตเช่นกันว่า...."เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์"ท่านหวั่นไหว ว่าการทบทวนโผ ครั้งนี้ จะมีการไปแตะ หรือ ไปเขี่ย คนในระบอบทักษิณ ที่ได้รับการแต่งตั้งก่อนหน้านี้หรือไม่....
เริ่มจาก....ที่โดดเด่นสุด โดยว่ากันว่าอยู่ในข่ายสาย"เสื้อแดง"แม้บางคนมิใช่สายตรงของ พล.ต.อ.เพรียมพันธ์ ก็ตาม ประกอบด้วยพล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ รองผบช.ประจำตร.(ทนท.บร.และให้คำปรึกษาด้านยุทธศาสตร์) เป็น รองผบช.ปส. แต่พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ ได้ชิงลาออกไปแล้ว ก่อนที่บัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายจะมีผล
พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รองผบช.ประจำตร.(ทนท.บร.และให้คำปรึกษาด้านกิจการพิเศษ) เป็น รองผบช.ก. ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า อดีตผบก.ป.ผู้นี้ มีศักดิ์เป็นหลานเขยของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากนี้ยังมี"หมอโอ๊ค" พล.ต.ท.พีระพงศ์ ดามาพงศ์ ผบช.ประจำตร. (ทำหน้าที่หัวหน้างานด้านยุทธศาสตร์) เป็น จเรตำรวจ (สบ 8) โดยเดิม"หมอโอ๊ค" ซึ่งเป็นน้องชายของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เป็นนายแพทย์สังกัด รพ.ตร. แต่ภายหลังโอนย้ายมาเพื่อเป็น"ตำรวจอาชีพ"โดยตรง โดยการย้ายจากตำแหน่งผบช.ประจำ ไปเป็นจเรตำรวจ(สบ 8)ถือว่ายังไม่น่าเกลียดนัก ด้วยยังไม่ได้เข้าสู่ตำแหน่งหลัก
ในขณะเดียวกัน นายตำรวจระดับนายพลจากสำนักงานของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ที่มีชื่อในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ ประกอบด้วย พล.ต.ต.ครรชิต วงศ์ใหญ่ ผบก.ประจำ สง. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เป็น ผบก.ประจำ บช.ปส. พล.ต.ต.มณสัณ สุขกนิษฐ รอง ผบช.ประจำ ทนท.ฝอ. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. เป็น รองจเรตำรวจ (สบ 7)
ส่วนบรรดานายพลประจำสำนักงานของรองผบ.ตร.ทั้งของ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย พล.ต.อ.ชลอ ชูวงศ์ และพล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ก็ล้วนมีชื่อในบัญชี 152 นายพลครั้งนี้เช่นเดียวกัน ประกอบด้วย พล.ต.ต.เรืองชัย วัจนะพุกกะ รอง ผบช.ประจำสำนักงาน พล.ต.อ.จุมพล เป็น รอง ผบช.ศ. พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง ผบก.ประจำ สง. พล.ต.อ.ชลอ ชูวงษ์ ที่ปรึกษา (สบ 10) เป็น ผบก.ภ.จ.สมุทรสงคราม พล.ต.ต.ภักดี จิรางกูร ผบก.ประจำสำนักงาน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. เป็น ผบก.รร.ภ.7 พล.ต.ต.ชาติชาย แตงเอี่ยม ผบก.ประจำสง. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. เป็น ผบก.ศฝร.ภ. 4 พล.ต.ต.ภักดี จิรางกูร ผบก.ประจำสำนักงาน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. เป็น ผบก.ศฝร.ภ.7 พล.ต.ต.มนตรี โปตระนันท์ ผบก.ประจำ สง. พล.ต.อ.จงรัก เป็น ผบก.ตม.7
รายชื่อแต่งตั้ง 152 นายพล ที่กำลังจะเสร็จภารกิจโรงเรียน"พัชรวาท วงษ์สุวรรณ"ก่อนหน้าระหว่าง "เพรียวพันธ์"และ"พัชรวาท"ได้มีการตกลง สัญญาใจ อะไรกันไว้หรือไม่ จึงได้มีรายชื่อเด็กทักษิณ เด็กในสายเพรียวพันธ์ เข้าสู่ตำแหน่งหลัก และได้รับการแต่งตั้ง กันถ้วนหน้า สร้างความมึนงงให้กับผู้นั่งเป็นประธาน ก.ตร.อย่าง "สุเทพ เทือกสุบรรณ" และตัวนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รวมทั้งชนิดที่สวนความรู้สึกแบบสุดสุดของ"คนเกลียดทักษิณ"
ส่วนคำถามว่าที่"พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์"เขาไม่ได้รับความเป็นธรรม จริงหรือ.....หรือว่าเขา "ถูกกรรมลิขิต ที่ต้องหงายบาตรแก้กรรม"จากเหตุที่เขา ข้ามอาวุโส มารุ่นแล้ว รุ่นเล่า หรือ เพราะเขามีน้องสาวที่ชื่อ"พจมาน ชินวัตร"หญิงหม่าย ภรรยา ลับ ลวง พราง ของ"นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร"จึงทำให้"เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์"ต้องอกหักซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
สำหรับเส้นทางเดินของ"เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์"ก่อนครองยศ"พล.ต.อ."จ่อขึ้นชั้น เบอร์ 1 กรมปทุวัน ถือว่า ไม่ธรรมดา นับตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร "น้องเขย" ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี"เพรียวพันธ์"ก็ดูจะมีสง่าราศี เส้นทางรื่นไหล นอกจากจะไม่ถูกขัด ถูกขวางแล้ว บางโอกาส บางจังหวะ ยังมีคนอื่นหลีกทางให้ เปิดทางให้ หรือแม้แต่ได้ "ก้าวกระโดดข้ามอาวุโส"
เริ่มจากขั้นชั้น ผู้ช่วย ผบ.ตร.ครั้งนั้น (ในสมัยรัฐบาลทักษิณ) พล.ต.อ.สุวรรณ สุวรรณเวโช เคยเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.ครองยศ พล.ต.ท.ต่อมาก็ลงจากตำแหน่ง เปิดทางให้มีการโยกย้ายโผนายพลนอกฤดูกาล เปิดช่องให้ พล.ต.ท.เพรียวพันธ์ สามารถโยกจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด มาขึ้นเป็น"ผู้ช่วย ผบ.ตร."
ต่อมาครั้งขึ้นตำแหน่ง "รอง ผบ.ตร."ซึ่งว่างลง 1 ตำแหน่ง จากการที่ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ รอง ผบ.ตร.(ในสมัยรัฐบาลทักษิณ)ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อเปิดทางให้กับ พล.ต.ท.เพรียวพันธ์ ได้ขึ้นมาเป็น "รอง ผบ.ตร
โดยการตั้ง พล.ต.ท.เพรียวพันธ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.อาวุโสลำดับ 5 กระโดดขึ้นเป็น รอง.ผบ.ตร.ได้ข้ามอาวุโส ผู้ช่วย ผบ.ตร.คนอื่นๆ ที่มีอาวุโสกว่า ได้แก่ พล.ต.ท.บุญเพ็ญ บำเพ็ญบุญ, พล.ต.ท.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ,พล.ต.ท.สุเทพ ธรรมรักษ์ และ พล.ต.ท.ณพัฒน์ ศรีหิรัญ
ทำให้ พล.ต.ท เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ในขณะนั้น)ถึงกับยื่นฟ้องคณะกรรมการข้าราชการตำรวจและคณะรัฐมนตรีต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนมติแต่งตั้ง พล.ต.ท.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.
ทั้งๆ ที่ ข้อกำหนด ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกของคณะกรรมการคัดเลือกเพื่อการแต่งตั้ง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2545 ข้อ 8 (1) กำหนดไว้ว่า "กลุ่มที่จะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติขึ้นไป หรือตำแหน่งเทียบเท่า ให้พิจารณาเรียงตามลำดับอาวุโส โดยให้ถืออาวุโสในการรักษาราชการแทนตามที่ ก.ตร.กำหนด" ซึ่งแตกต่างจากข้อกำหนดเดิม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2539 ที่ให้พิจารณาความรู้ความสามารถ ความประพฤติ ประวัติการรับราชการ ผลการปฏิบัติงาน และอาวุโส (เหตุที่มีการแก้ไขปรับปรุง ก็เนื่องจากเกิดความไม่เป็นธรรมในการแต่งตั้งหลายครั้ง ก.ตร.จึงแก้ไขหลักเกณฑ์มาเป็นข้อกำหนดดังกล่าว)
มาถึงยุครัฐบาลนอมินี"ทักษิณ"...นายสมัคร สุนทรเวช ได้มีการเปิดตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.และ ผู้ช่วย ผบ.ตร.เพื่อเปิดทาง รองรับการกลับมาสู่ "เส้นทางเดิม"ของ "เพรียวพันธ์" และ "ชลอ " เพื่อนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ
มาวันนี้ แน่นอน"เพรียวพันธ์"เขาฟ้องและต้องสู้จนถึงที่สุดแน่...ส่วนการปรับรื้อโผ 152 นายพล ที่ ก.ตร."เทพเทือก"มีมติไม่รื้อ เด็กในระบอบทักษิณ ยังคงอยู่ ถือว่า"เพรียวพันธ์"ได้ผลเกินคาด..แต่สำหรับเบอร์ 1 กรมปทุมวัน หากสุดท้ายตกที่ ""พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี"นายตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร.ทั้ง 6 คน ที่วาดฝันจะขึ้นนั่ง"ผบ.ตร."ตัวจริง เสียงจริง ก็จะดับวูบลงในทันที