ผู้ค้าตลาดสนามหลวง 2 ฟ้อง “กทม.-ไทยเทวราช-อดีตผู้ช่วยเลขาฯผู้ว่า กทม.ยุคสมัคร” เรียกคืนเงินลงทุนกว่า 11 ล้าน ยันถูกหลอกลงขันสร้างแผงค้าระบบสาธารณูปโภค อ้างจะให้สัญญาเช่า 11 ปี แต่สุดท้ายกลับให้เช่าแค่ปีต่อปี แถมถูกลอยแพไม่มีคนมาเดินซื้อของตามที่เคยโฆษณาไว้ ระบุ บางคนใช้เงินเกษียณอายุมาลงทุนเครียดจนคิดจะฆ่าตัวตาย
วันนี้ (5 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.30 ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นายศักดา มัทวาธิ ประธานชมรมผู้ประกอบการค้าสนามหลวง 2 (ส่วนขยาย) พร้อมผู้ค้ากว่า 30 ราย ยื่นฟ้อง กรุงเทพมหานคร,บริษัท ไทยเทวราช จำกัด และ นายเอธัส มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วย เลขานุการผู้ว่า กทม.ยุค นายสมัคร สุมทรเวช เป็นจำเลยที่ 1-3 เรื่องละเมิดขอให้คืนเงินค่าก่อสร้างทำแผงค้า และค่าสาธารณูปโภค มูลค่ากว่า 11 ล้านนบาท
นายศักดา กล่าวว่า ปมปัญหานี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2547 เมื่อ กทม.และบริษัท ไทยเทวราช จำกัด มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ว่าให้กลุ่มผู้ค้ามาร่วมลงทุนก่อสร้างทำแผงค้า และระบบสาธารณูปโภค ภายในพื้นที่ 83 ไร่เศษของตลาดนัดสนามหลวง 2 ซึ่งหากทำเสร็จแล้วจะให้สัญญาเช่าเป็นเวลา 10 ปี โดยมีผู้ค้าร่วมลงทุนรายละ 2 -5 แสนบาท แต่ต่อมาบริษัท ไทยเทวราช จำกัด ได้ให้ กทม.รับเช่าช่วงที่ดินต่อจากผู้ให้เช่าที่ดิน โดย กทม.กลับให้ทำสัญญาเช่ากับผู้ค้าแบบ ปีต่อปี และเมื่อถึงเวลาค้าขายจริง กลับไม่มีคนมาเดินซื้อของ เพราะ กทม.ไม่ได้ประชาสัมพันธ์ ตลาดตามที่เคยระบุไว้ในโฆษณา
“พวกผมรู้สึกเหมือนถูกลอยแพ เคยไปร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อโทรทัศน์หลายครั้ง เมื่อไปออกสื่อครั้งไหน กทม.ก็เรียกไปตกลงปัญหาแต่สุดท้ายก็เงียบหายไปทุกครั้งแถมตอนนี้พวกผมยังมาถูกฟ้องขับไล่ออกจากแผงขาย จึงต้องมาร้องขอความเป็นธรรมจากศาลแพ่ง เพื่อให้ดูว่าสัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะหรือไม่ หากเป็นโมฆะก็จะได้ขอเรียกเงินคืนไปลงทุนทำมาหากินอย่างอื่น เพราะผู้ค้าบางคนต้องขายทรัพย์สิน บ้างก็เอาเงินจากการเกษียณอายุราชการก้อนสุดท้ายในชีวิตมาลงทุน จนบางคนเครียดถึงขั้นคิดสั้นอยากฆ่าตัวตาย” นายศักดา กล่าว
ด้าน นายมะโน ทองปาน ทนายความ กล่าวว่า การยื่นฟ้องในครั้งนี้ เพราะต้องการให้ศาลวินิจฉัยข้อกฎหมายใน 5 ประเด็น ประกอบด้วย 1.การให้เช่าช่วงจากบริษัทไทยเทวราชผู้เช่าให้การเช่าที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และข้อบัญญัติของ กทม.ว่าด้วยการเช่าอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ 2.การเช่าที่ดินได้ดำเนินการตามบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือไม่ 3.การบริหารสัญญาของ กทม.เป็นไปตามสัญญาเพื่อไม่ให้หน่วยงานของรัฐต้องได้รับความเสียหายหรือไม่ เพราะหลังทำสัญญาเช่า กทม.ไม่ได้ดำเนินการเพราะปล่อยให้บริษัทไทยเทวราช จำกัด และบริษัทในเครือมาแสวงหาผลประโยชน์จากพื้นที่เช่ามาโดยตลอด และ 5.การหลงเข้าไปทำสัยญาของผู้ค้ากระทำโดยถูกหลอกลวงหรือไม่ เพราะหากไม่เป็นไปตามกฎหมายการกระทำต่างๆย่อมตกเป็นโมฆะและจะต้องคืนเงินให้แก่ผู้จองแผงค้าทุกคน
คดีนี้ศาลนัดพร้อมคู่ความเพื่อทำการไกล่เกลี่ย ในวันที่ 5 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
