กทม.หาช่องแปลงสินทรัพย์เป็นทุนให้เอกชนเช่าที่สวนสาธารณะทำฟิตเนส - ลงทุนในตลาดนัด หลังรัฐบาลไม่อุดหนุนเงิน 2,000 ล้านบาทที่ขอใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ “ธีระชน”เผยได้มือดีอดีตผู้บริหารแบงก์ออมสินเป็นสมอง
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่าจากกรณีที่กทม.ทำเรื่องไปยังรัฐบาลเพื่อของบประมาณจำนวน 2,000 ล้านบาทเพื่อพัฒนากทม.ใน 4 ด้านสำคัญ คือ 1.ด้านเศรษฐกิจ การค้า 2.ด้านสังคม อาทิ ฝึกอาชีพ ฝึกแรงงาน 3.การท่องเที่ยว อาทิ การจัดนิทรรศการ งานแสดงสินค้า และ4.ด้านสิ่งแวดล้อม และกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่กทม. ล่าสุดนั้นมีความเป็นไปได้ว่ารัฐบาลจะไม่พิจารณาจัดสรรงบในส่วนดังกล่าวได้ เนื่องจากรัฐบาลก็ประสบกับปัญหาการจัดเก็บภาษีได้ไม่ตามเป้า และภาวะการเมืองภายในประเทศที่ส่งผลกระทบต่อการค้าการลงทุนในประเทศ
ดังนั้นตนกับคณะทำงานที่ปรึกษาเตรียมที่จะทำโครงการใหม่เพื่อหางบประมาณมาดำเนินการเบื้องต้นนั้น ได้มอบหมายให้ดร.บุญญรักษ์ นิงสานนท์ อดีตผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน การคลังเป็นผู้ที่วางแผนการดำเนินงาน เบื้องต้นนั้นทราบว่า อาจต้องใช้วิธีแปลงสินทรัพย์เป็นทุน อาทิ ให้บริษัทเอกชนข้ามาร่วมลงทุนกับกทม. โดยจำกัดงบประมาณไม่เกิน 1,000 ล้านบาท เพื่อไม่ให้เกิดข้อยุ่งยากในการดำเนินการ เพราะหากให้ร่วมลงทุนโดยลงทุนเกินจำนวนดังกล่าวจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงาน หรือดำเนินในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุน) ทั้งนี้การให้เอกชนร่วมลงทุนดังกล่าว
นายธีระชน กล่าวอีกว่า เบื้องต้นคาดว่าจะให้เอกชนเช่าพื้นที่ในสวนสาธารณะของกทม. เพื่อใช้พื้นที่เป็นสถานที่ออกกำลังกาย (ฟิตเนส) ให้กับประชาชนที่สนใจ ด้วยการให้ค่าเช่าที่ถูกและคิดค่าบริการฟิตเนสที่ถูกกว่าในห้างสรรพสินค้า นอกจากนั้นแล้วอาจจะเปิดโอกาสให้เอกชนร่วมลงทุนการค้าในพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร 2 เขตมีนบุรี และตลาดนัดสนามหลวง 2 เขตทวีวัฒนา
นายธีระชน กล่าวถึงความคืบหน้าการจ้างบัณฑิตจบใหม่ให้เข้ามาทำงานชั่วคราวกับหน่วยงานของกทม.ว่า กทม.ต้องใช้งบประมาณในส่วนของกทม. จำนวน 200 ล้านบาท เพื่อจ้างงานบัณฑิตจบใหม่จำนวน 200 อัตรา เพื่อเข้าปฏิบัติงาน หรือ ช่วยเหลืองานราชการในด้านเอกสาร ลงพื้นที่สำรวจ ซึ่งการอนุมัติเงินดังกล่าวนั้นเตรียมที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภากทม. เร็วๆ นี้
