สาวแอร์สายการบินเจ็ตแอร์เวย์ (อินเดีย) ร้องถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม แถมสายการบินเบี้ยวจ่ายค่าชดเชยไม่ครบ ด้านทนายจะเดินหน้าฟ้องศาลเรียกค่าชดเชยให้กับพนักงานที่ถูกเลิกจ้างทั้ง 44 คน เป็นเงินกว่า 100 ล้านบาท และให้รับทุกคนกลับเข้าทำงานใหม่
วันนี้ (25 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. น.ส.อรุณวดี จันทสีร์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 731 หมู่บ้านพลายรัตนะ แขวงสายไหม เขตสายไหม กทม. พร้อมเพื่อนพนักงานสายการบินเจ็ทแอร์เวย์ (อินเดีย) จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 8/15-16 อาคารคาเธ่ย์เฮ้าส์ ชั้น 4 ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตสาทร รวม 44 คน และนายสุรสิทธิ์ จันทิรกานนท์ ทนายความ ได้เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนว่าถูกสายการบินดังกล่าวเลิกจ้างแบบไม่เป็นธรรม
น.ส.อรุณวดี กล่าวว่า สำหรับบริษัทสายการบินดังกล่าวเป็นนิติบุคคล จดทะเบียน ณ ประเทศอินเดีย ประกอบธุรกิจขนส่งทางอากาศ มีนายนาเรส กอยอล เป็นเจ้าของสายการบิน แต่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนสาขาในประเทศไทย โดยสายการบินดังกล่าวได้ประกาศรับสมัครพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน โดยเสนอรายได้เป็นเงินเดือนๆ ละ 19,000 บาท ค่าซักรีด 1,000 บาทต่อเดือน ค่าเดินทาง 5,000 บาทต่อเดือน ค่าชั่วโมงบิน ชั่วโมงละ 330 บาท รวมเดือนละประมาณ 80 ชั่วโมง เป็นเงิน 26,400 บาทต่อเดือน
โดยจะเซ็นสัญญาทำงานระยะเวลา 3 ปี และเมื่อสัญญาเก่าครบจะต่อสัญญาให้อีก 3 ปี นอกจากนี้ยังเสนอสิทธิ์ประโยชน์อีกมากมาย จึงเป็นที่น่าสนใจ ทำให้ตนและเพื่อนๆ ทั้งหมดที่มีคุณสมบัติครบถ้วนลาออกจากที่ทำงานเก่าแล้วมาสมัครเข้าทำงานที่สายการบินดังกล่าว เมื่อวันที่ 14 ก.พ.50 และได้เริ่มทำงานได้เริ่มงานเมื่อวันที่ 26 ก.พ.50 ที่ผ่านมา
น.ส.อรุณวดี กล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลาที่ทำงานก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร แถมวันที่ 14 ก.ค. 51 ทางสายการบินก็เสนอขึ้นเงินเดือนให้จาก 19,000 บาท เป็น 19,750 บาท แต่เมื่อวันที่ 29 เม.ย.52 นั้น ทางสายการบินกลับส่งหนังสือเลิกจ้างส่งมายังพนักงานทั้ง 44 คน ให้มีผลวันที่ 31 พ.ค.52 ทั้งที่พวกตนไม่ได้ทำผิดสัญญาหรือกระทำผิดต่อกฎหมายแต่อย่างใด โดยอ้างว่าจะปิดบริษัทที่ตั้งอยู่ใน กทม.และจะจ่ายค่าชดเชยให้พนักงานคนละ 100,000 บาท
แต่หลังจากนั้นทางบริษัทกลับจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่พนักงานไม่ครบตามสัญญา ซึ่งถือว่าการเลิกจ้างครั้งนี้ไม่มีความเป็นธรรม และผิดสัญญาที่ตกลงไว้ ทำให้พวกตนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ทั้งภาระค่าใช้จ่ายรายเดือน และไม่สามารถสมัครเข้าทำงานที่ใหม่ได้เนื่องติดเรื่องอายุมาก ซึ่งพวกตนจึงนำเรื่องดังกล่าวไปร้องที่กรมแรงงานแล้ว แต่กลัวว่าเรื่องจะไม่มีความคืบหน้าจึงได้เข้าร้องเรียนสื่อดังกล่าว
ด้าน นายสุรสิทธิ์ จันทิรกานนท์ ทนายความ กล่าวว่า หลังจากนี้ตนจะนำเรื่องดังกล่าวไปฟ้องร้องต่อศาลเพื่อให้ทางสายการบินจ่ายเงินค่าชดเชยกับพนักงานที่ถูกเลิกจ้างทั้ง 44 คน รวมเป็นเงินกว่า 100 ล้านบาท และให้ศาลใช้อำนาจบังคับให้สายการบินดังกล่าวรับพนักงานที่ถูกเลิกจ้างกลับเข้าทำงานทุกคน
วันนี้ (25 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. น.ส.อรุณวดี จันทสีร์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 731 หมู่บ้านพลายรัตนะ แขวงสายไหม เขตสายไหม กทม. พร้อมเพื่อนพนักงานสายการบินเจ็ทแอร์เวย์ (อินเดีย) จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 8/15-16 อาคารคาเธ่ย์เฮ้าส์ ชั้น 4 ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตสาทร รวม 44 คน และนายสุรสิทธิ์ จันทิรกานนท์ ทนายความ ได้เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนว่าถูกสายการบินดังกล่าวเลิกจ้างแบบไม่เป็นธรรม
น.ส.อรุณวดี กล่าวว่า สำหรับบริษัทสายการบินดังกล่าวเป็นนิติบุคคล จดทะเบียน ณ ประเทศอินเดีย ประกอบธุรกิจขนส่งทางอากาศ มีนายนาเรส กอยอล เป็นเจ้าของสายการบิน แต่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนสาขาในประเทศไทย โดยสายการบินดังกล่าวได้ประกาศรับสมัครพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน โดยเสนอรายได้เป็นเงินเดือนๆ ละ 19,000 บาท ค่าซักรีด 1,000 บาทต่อเดือน ค่าเดินทาง 5,000 บาทต่อเดือน ค่าชั่วโมงบิน ชั่วโมงละ 330 บาท รวมเดือนละประมาณ 80 ชั่วโมง เป็นเงิน 26,400 บาทต่อเดือน
โดยจะเซ็นสัญญาทำงานระยะเวลา 3 ปี และเมื่อสัญญาเก่าครบจะต่อสัญญาให้อีก 3 ปี นอกจากนี้ยังเสนอสิทธิ์ประโยชน์อีกมากมาย จึงเป็นที่น่าสนใจ ทำให้ตนและเพื่อนๆ ทั้งหมดที่มีคุณสมบัติครบถ้วนลาออกจากที่ทำงานเก่าแล้วมาสมัครเข้าทำงานที่สายการบินดังกล่าว เมื่อวันที่ 14 ก.พ.50 และได้เริ่มทำงานได้เริ่มงานเมื่อวันที่ 26 ก.พ.50 ที่ผ่านมา
น.ส.อรุณวดี กล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลาที่ทำงานก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร แถมวันที่ 14 ก.ค. 51 ทางสายการบินก็เสนอขึ้นเงินเดือนให้จาก 19,000 บาท เป็น 19,750 บาท แต่เมื่อวันที่ 29 เม.ย.52 นั้น ทางสายการบินกลับส่งหนังสือเลิกจ้างส่งมายังพนักงานทั้ง 44 คน ให้มีผลวันที่ 31 พ.ค.52 ทั้งที่พวกตนไม่ได้ทำผิดสัญญาหรือกระทำผิดต่อกฎหมายแต่อย่างใด โดยอ้างว่าจะปิดบริษัทที่ตั้งอยู่ใน กทม.และจะจ่ายค่าชดเชยให้พนักงานคนละ 100,000 บาท
แต่หลังจากนั้นทางบริษัทกลับจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่พนักงานไม่ครบตามสัญญา ซึ่งถือว่าการเลิกจ้างครั้งนี้ไม่มีความเป็นธรรม และผิดสัญญาที่ตกลงไว้ ทำให้พวกตนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ทั้งภาระค่าใช้จ่ายรายเดือน และไม่สามารถสมัครเข้าทำงานที่ใหม่ได้เนื่องติดเรื่องอายุมาก ซึ่งพวกตนจึงนำเรื่องดังกล่าวไปร้องที่กรมแรงงานแล้ว แต่กลัวว่าเรื่องจะไม่มีความคืบหน้าจึงได้เข้าร้องเรียนสื่อดังกล่าว
ด้าน นายสุรสิทธิ์ จันทิรกานนท์ ทนายความ กล่าวว่า หลังจากนี้ตนจะนำเรื่องดังกล่าวไปฟ้องร้องต่อศาลเพื่อให้ทางสายการบินจ่ายเงินค่าชดเชยกับพนักงานที่ถูกเลิกจ้างทั้ง 44 คน รวมเป็นเงินกว่า 100 ล้านบาท และให้ศาลใช้อำนาจบังคับให้สายการบินดังกล่าวรับพนักงานที่ถูกเลิกจ้างกลับเข้าทำงานทุกคน
