รวบแก๊งลักลายพระหัตถ์ ร.5-ร.6 จากหอสมุดดำรงราชานุภาพ รับสารภาพคนหนึ่งชอบสะสมของเก่า อีกคนเป็นภารโรงของหอสมุด สนิทสนมกันเกิดความโลภคิดแผนชั่วขโมยของหลวงออกขาย ตำรวจจึงล่อซื้อควบคุมตัวทั้ง 2 ดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (25 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐ์ผล ผกก.สน.นางเลิ้ง พ.ต.ท.อนุรักษ์ พิมพา สว.สส.สน.นางเลิ้ง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.นางเลิ้ง ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัว นายทนงศักดิ์ หรือ “อี๊ด” ฮวดศรี อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70/2 หมู่ 2 ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.539/2552 ลงวันที่ 24 ก.ค.52 และ นายสกล หรือ “ป๊อก” ใจสมคม อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 ถนนดอนเหียง ต.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.538/2552 ลงวันที่ 24 ก.ค.52 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนในสถานที่ราชการที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ เอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนหรือรับของโจร
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวนายสกลได้ที่บริเวณหน้าตลาดจันทร์ประวิตร ถนนลูกหลวง แขวงและเขตดุสิต และจับกุมนายทนงศักดิ์ได้ที่หอสมุดแห่งชาติ ถนนสามเสน แขวงวชิรพยาบาล และตามยึดของกลางจากผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้หลายรายการ ประกอบด้วย เอกสารลายพระหัตถ์พระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายพลเอกทหารบก พ.ศ.2466 จำนวน 2 แผ่น, เอกสารลายพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แบบต่างๆ จำนวน 6 แผ่น, อัลบั้มภาพถ่ายสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ 1 อัลบั้ม, ภาพถ่ายสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ 7 ภาพ, สำเนาหนังสือราชนิกุลรัชกาลที่ 3 จำนวน 101 แผ่น
สำเนาหนังสือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถึงกรมหลวงดำรงราชานุภาพ จำนวน 11 ฉบับ, ซองใส่เอกสารสีน้ำตาล จ่าหน้าซอง เรียน หัวหน้าหอสมุดดำรงราชานุภาพ จำนวน 1 ซอง, ซองพลาสติกใสพิมพ์ข้อความ พิพิธภัณฑ์และหอสมุดสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ, ตรายางระบุชื่อ หม่อมราชวงศ์ดารณี (อาภากร) วัฒนายากร, ตรายางระบุชื่อ หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์, ตรายางระบุชื่อ แพทย์หญิง ท่านหญิงวโรภาส (ภาณุพันธุ์), ตรายางระบุชื่อ พลตรีหม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล, ตรายางระบุชื่อ หม่อมเจ้าอรุณแสงไข ภาณุพันธุ์, สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของ ม.จ.หญิง วุฒิเฉลิม วุฒิชัย จำนวน 2 แผ่น, จดหมายจากศูนย์สื่อสารในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เรียน บจก.บรอดคาซ ไทยเทเลวิชั่น จำนวน 1 ฉบับ และซองจดหมายที่ระลึกหน้าซองระบุชื่อเชื้อพระวงศ์ อีกหลายฉบับ
พล.ต.ต.วิชัย เปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา น.ส.ญาณี คูหะรัตน์ บรรณารักษ์ชำนาญการ ทำหน้าที่จัดการหอสมุดดำรงราชานุภาพ ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ว่าเอกสารต้นฉบับส่วนพระองค์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้หายไปจำนวน 172 รายการ จำนวน 469 แผ่น ซึ่งจากการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องทราบว่า ตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค.51-ก.ย.51 ได้มีการนำเอกสารสำคัญเหล่านี้ออกมาบันทึกภาพทำหลักฐานทางประวัติศาสตร์กันใหม่ทั้งหมด แต่เพิ่งจะทราบว่ามีบางส่วนสูญหายไปเมื่อช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา
จากนั้นฝ่ายสืบสวนจึงได้ออกลงพื้นที่หาข่าวกับพวกกลุ่มนิยมสะสมของเก่า จนได้เบาะแสว่า นายสกลซึ่งเป็นนักสะสมของเก่ามีเอกสารหลักฐานชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งอยู่ในความครอบครอง จึงติดต่อขอล่อซื้อในราคา 15,000 บาท เมื่อนายสกลนำของกลางมาให้เจ้าหน้าที่ตามนัดจึงถูกรวบตัวไว้ได้ ก่อนนำตรวจไปตรวจค้นที่บ้านพักพบของกลางอีกหลายรายการ ก่อนจะควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สน.นางเลิ้ง
จากการสอบสวน นายสกลให้การว่า หลังจากที่ตนเรียนจบคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม ก็ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรเป็นหลักแหล่ง ด้วยความที่ตนชอบสะสมพระเครื่อง วัตถุโบราณ และชอบศึกษาประวัติศาสตร์ ช่วงต้นปี 51 จึงเดินทางไปที่หอสมุดเพื่อค้นหาหนังสือที่เกี่ยวข้องกับความเป็นมาทางประวัติศาสตร์บ่อยครั้ง จนได้เกิดความสนิทสนมกับนายทนงศักดิ์ ซึ่งเป็นภารโรงของหอสมุด โดยตนมักจะไหว้วานให้นายทนงศักดิ์เป็นผู้ถ่ายเอกสารให้ และเมื่อพูดคุยกันถูกคอมากขึ้น นายทนงศักดิ์ก็เริ่มเอ่ยปากขอยืมเงินตนครั้งละ 3,000-5,000 บาท เรื่อยมา
นายสกลให้การต่อว่า จากนั้นตนจึงวางแผนใช้นายทนงศักดิ์ขโมยเอกสารสำคัญเท่าที่จะหาได้มาให้ตน เนื่องจากเจ้าตัวมีกุญแจของหอสมุดสามารถเข้าออกได้ตลอดเวลา เมื่อได้ของมาตนจะให้เงินครั้งละ 5,000-20,000 บาท เป็นการตอบแทน จากนั้นตนก็จะนำเอกสารที่ได้ไปขายให้กับกลุ่มนักสะสมเพื่อเอากำไรชิ้นละ 10,000-20,000 บาท โดยนัดส่งของกันที่ย่านสุทธิสาร ซึ่งที่ผ่านมามีลูกนายพลทหาร ชื่อย่อ “ป.” เป็นลูกค้าขาประจำของตนด้วย
ด้าน นายทนงศักดิ์ ให้การว่า ตนทำงานเป็นภารโรงที่หอสมุดมานานถึง 19 ปี จนมีกุญแจเปิดเข้าออกห้องต่างๆ ของทุกหอสมุดได้หมด สำหรับสาเหตุที่ตนตัดสินใจร่วมมือกับนายสกลนั้น เป็นเพราะความสนิทสนมและความโลภที่ตนอยากได้เงินมาส่งเสียลูกเมีย ซึ่งทุกครั้งที่ขโมยของออกมาจากหอสมุดได้ก็จะนัดส่งของให้นายสกลที่ท่าน้ำ จ.นนทบุรี ที่ผ่านมาตนได้ค่าตอบแทนจากนายสกลมาแล้วกว่า 200,000 บาท
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนส่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากมีการกระทำผิดร่วมกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งแต่ละครั้งนั้นต่างกรรมต่างวาระ ส่วนกลุ่มนักสะสมของเก่าที่มารับซื้อของกลางจากนายสกล จะรีบติดตามตัวมาดำเนินคดี พร้อมนำทรัพย์สินของชาติทั้งหมดส่งคืนให้หอสมุดทำการเก็บรักษาไว้ต่อไป
วันนี้ (25 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐ์ผล ผกก.สน.นางเลิ้ง พ.ต.ท.อนุรักษ์ พิมพา สว.สส.สน.นางเลิ้ง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.นางเลิ้ง ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัว นายทนงศักดิ์ หรือ “อี๊ด” ฮวดศรี อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70/2 หมู่ 2 ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.539/2552 ลงวันที่ 24 ก.ค.52 และ นายสกล หรือ “ป๊อก” ใจสมคม อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 ถนนดอนเหียง ต.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.538/2552 ลงวันที่ 24 ก.ค.52 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนในสถานที่ราชการที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ เอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนหรือรับของโจร
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวนายสกลได้ที่บริเวณหน้าตลาดจันทร์ประวิตร ถนนลูกหลวง แขวงและเขตดุสิต และจับกุมนายทนงศักดิ์ได้ที่หอสมุดแห่งชาติ ถนนสามเสน แขวงวชิรพยาบาล และตามยึดของกลางจากผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้หลายรายการ ประกอบด้วย เอกสารลายพระหัตถ์พระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายพลเอกทหารบก พ.ศ.2466 จำนวน 2 แผ่น, เอกสารลายพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แบบต่างๆ จำนวน 6 แผ่น, อัลบั้มภาพถ่ายสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ 1 อัลบั้ม, ภาพถ่ายสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ 7 ภาพ, สำเนาหนังสือราชนิกุลรัชกาลที่ 3 จำนวน 101 แผ่น
สำเนาหนังสือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถึงกรมหลวงดำรงราชานุภาพ จำนวน 11 ฉบับ, ซองใส่เอกสารสีน้ำตาล จ่าหน้าซอง เรียน หัวหน้าหอสมุดดำรงราชานุภาพ จำนวน 1 ซอง, ซองพลาสติกใสพิมพ์ข้อความ พิพิธภัณฑ์และหอสมุดสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ, ตรายางระบุชื่อ หม่อมราชวงศ์ดารณี (อาภากร) วัฒนายากร, ตรายางระบุชื่อ หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์, ตรายางระบุชื่อ แพทย์หญิง ท่านหญิงวโรภาส (ภาณุพันธุ์), ตรายางระบุชื่อ พลตรีหม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล, ตรายางระบุชื่อ หม่อมเจ้าอรุณแสงไข ภาณุพันธุ์, สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของ ม.จ.หญิง วุฒิเฉลิม วุฒิชัย จำนวน 2 แผ่น, จดหมายจากศูนย์สื่อสารในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เรียน บจก.บรอดคาซ ไทยเทเลวิชั่น จำนวน 1 ฉบับ และซองจดหมายที่ระลึกหน้าซองระบุชื่อเชื้อพระวงศ์ อีกหลายฉบับ
พล.ต.ต.วิชัย เปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา น.ส.ญาณี คูหะรัตน์ บรรณารักษ์ชำนาญการ ทำหน้าที่จัดการหอสมุดดำรงราชานุภาพ ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ว่าเอกสารต้นฉบับส่วนพระองค์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้หายไปจำนวน 172 รายการ จำนวน 469 แผ่น ซึ่งจากการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องทราบว่า ตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค.51-ก.ย.51 ได้มีการนำเอกสารสำคัญเหล่านี้ออกมาบันทึกภาพทำหลักฐานทางประวัติศาสตร์กันใหม่ทั้งหมด แต่เพิ่งจะทราบว่ามีบางส่วนสูญหายไปเมื่อช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา
จากนั้นฝ่ายสืบสวนจึงได้ออกลงพื้นที่หาข่าวกับพวกกลุ่มนิยมสะสมของเก่า จนได้เบาะแสว่า นายสกลซึ่งเป็นนักสะสมของเก่ามีเอกสารหลักฐานชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งอยู่ในความครอบครอง จึงติดต่อขอล่อซื้อในราคา 15,000 บาท เมื่อนายสกลนำของกลางมาให้เจ้าหน้าที่ตามนัดจึงถูกรวบตัวไว้ได้ ก่อนนำตรวจไปตรวจค้นที่บ้านพักพบของกลางอีกหลายรายการ ก่อนจะควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สน.นางเลิ้ง
จากการสอบสวน นายสกลให้การว่า หลังจากที่ตนเรียนจบคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม ก็ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรเป็นหลักแหล่ง ด้วยความที่ตนชอบสะสมพระเครื่อง วัตถุโบราณ และชอบศึกษาประวัติศาสตร์ ช่วงต้นปี 51 จึงเดินทางไปที่หอสมุดเพื่อค้นหาหนังสือที่เกี่ยวข้องกับความเป็นมาทางประวัติศาสตร์บ่อยครั้ง จนได้เกิดความสนิทสนมกับนายทนงศักดิ์ ซึ่งเป็นภารโรงของหอสมุด โดยตนมักจะไหว้วานให้นายทนงศักดิ์เป็นผู้ถ่ายเอกสารให้ และเมื่อพูดคุยกันถูกคอมากขึ้น นายทนงศักดิ์ก็เริ่มเอ่ยปากขอยืมเงินตนครั้งละ 3,000-5,000 บาท เรื่อยมา
นายสกลให้การต่อว่า จากนั้นตนจึงวางแผนใช้นายทนงศักดิ์ขโมยเอกสารสำคัญเท่าที่จะหาได้มาให้ตน เนื่องจากเจ้าตัวมีกุญแจของหอสมุดสามารถเข้าออกได้ตลอดเวลา เมื่อได้ของมาตนจะให้เงินครั้งละ 5,000-20,000 บาท เป็นการตอบแทน จากนั้นตนก็จะนำเอกสารที่ได้ไปขายให้กับกลุ่มนักสะสมเพื่อเอากำไรชิ้นละ 10,000-20,000 บาท โดยนัดส่งของกันที่ย่านสุทธิสาร ซึ่งที่ผ่านมามีลูกนายพลทหาร ชื่อย่อ “ป.” เป็นลูกค้าขาประจำของตนด้วย
ด้าน นายทนงศักดิ์ ให้การว่า ตนทำงานเป็นภารโรงที่หอสมุดมานานถึง 19 ปี จนมีกุญแจเปิดเข้าออกห้องต่างๆ ของทุกหอสมุดได้หมด สำหรับสาเหตุที่ตนตัดสินใจร่วมมือกับนายสกลนั้น เป็นเพราะความสนิทสนมและความโลภที่ตนอยากได้เงินมาส่งเสียลูกเมีย ซึ่งทุกครั้งที่ขโมยของออกมาจากหอสมุดได้ก็จะนัดส่งของให้นายสกลที่ท่าน้ำ จ.นนทบุรี ที่ผ่านมาตนได้ค่าตอบแทนจากนายสกลมาแล้วกว่า 200,000 บาท
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนส่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากมีการกระทำผิดร่วมกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งแต่ละครั้งนั้นต่างกรรมต่างวาระ ส่วนกลุ่มนักสะสมของเก่าที่มารับซื้อของกลางจากนายสกล จะรีบติดตามตัวมาดำเนินคดี พร้อมนำทรัพย์สินของชาติทั้งหมดส่งคืนให้หอสมุดทำการเก็บรักษาไว้ต่อไป
