อดีตเด็กนั่งดริงก์ตกยาก ทำทีขอสมัครงานดูแลคนชรา ออกอุบายบ้านอยู่ ตจว.กลับลำบากขอค้างคืนบริษัท ตกดึกลักทรัพย์อื้อ เจ้าของตื่นเช้าเจอโต๊ะทำงานถูกงัด ขอตรวจค้นเจอของกลางเพียบ รับตกงานมีภาระเลี้ยงลูก ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ พฤติกรรมเหมือนตีนแมวอาชีพ ควบคุมตัวขยายผลต่อไป
วันนี้ (22 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ขณะที่ ร.ต.ต.วิรุฬ กุลศรีไทยวงษ์ รอง สวป.สน.ท่าพระ กำลังปฏิบัติหน้าที่ตรวจออกตราในพื้นที่ก็ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนร้ายลักทรัพย์ภายในบ้านเลขที่ 30/62 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 8 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ จึงรีบนำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจรุดไปตรวจสอบทันที
ที่เกิดเหตุเป็นบริษัทรับจัดหางานชื่อ หจก.แก้วกาญจน์เนริสซิ่งโฮม เจ้าหน้าที่พบ นางนิตยา ชูสุวรรณ อายุ 50 ปี เจ้าของกิจการ กำลังควบคุมตัว น.ส.รุ่งอรุณ เพ็งศรี อายุ 30 ปี ชาว จ.นครราชสีมา เอาไว้พร้อมของกลาง กล้องถ่ายรูปดิจิตอล 1 ตัว โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง สมุดบัญชีเงินฝาก 1 เล่ม กระเป๋าใส่เสื้อผ้า 1 ใบ และซิมการ์ดโทรศัพท์อีกนับสิบชุด เจ้าหน้าที่จึงนำตัวมาสอบปากคำที่ สน.ท่าพระ
โดย นางนิตยาให้การว่า ตนเปิดบริษัทรับลูกจ้างไปทำงานดูแลคนชรา ผู้ป่วย และเด็กอ่อนตามบ้าน โดยก่อนเกิดเหตุช่วงเย็นวานนี้ (21 ก.ค.) น.ส.รุ่งอรุณ ได้ทำทีเข้ามาขอสมัครงานในตำแหน่งดูแลคนชรา ตนจึงบอกว่าถ้ามีตำแหน่งว่างแล้วจะติดต่อกลับไปหาใหม่ แต่ น.ส.รุ่งอรุณ ก็ขออนุญาตนอนพักที่บริษัท 1 คืน โดยอ้างว่าบ้านเกิดอยู่ต่างจังหวัดและไม่มีญาติอาศัยอยู่ใน กทม. ซึ่งตนเห็นว่า น.ส.รุ่งอรุณ เป็นผู้หญิงด้วยกันและกำลังลำบากจึงได้จัดเตรียมห้องให้พักบนชั้นที่ 2
นายนิตยากล่าวต่อว่า แต่พอตื่นขึ้นมาตอนเช้า ตนเห็นโต๊ะทำงานชั้นล่างโดนงัด ส่วนทรัพย์สินทั้งกล้อง โทรศัพท์มือถือ และสมุดบัญชีเงินฝากหายไป นึกขึ้นได้แล้วรีบวิ่งขึ้นไปตรวจสอบบนห้องพักชั้นที่ 2 ก็เห็น น.ส.รุ่งอรุณ กำลังเก็บเสื้อผ้าเตรียมหลบหนีอยู่พอดี จึงขอตรวจค้นในกระเป๋า ก็เจอทรัพย์สินทั้งหมด จึงโทรศัพท์แจ้งให้ตำรวจมารับตัวไปดำเนินคดี
จากการสอบสวน น.ส.รุ่งอรุณ ให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นเด็กนั่งดริงก์อยู่ที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต แต่ภายหลังตกงาน ประกอบกับตนมีภาระต้องเลี้ยงดูลูกอีก 3 คน จึงร่อนเร่มาหางานทำใน กทม. จนกระทั่งมาลองขอสมัครงานกับทางบริษัทแห่งนี้ โดยตนขออนุญาตนางนิตยานอนค้างเพียง 1 คืน ก่อนจะลงมืองัดโต๊ะทำงาน และขโมยเอาทรัพย์สินไป ซึ่งตนก็พยายามจะหนีแล้ว แต่ประตูบริษัทถูกล็อกถึง 2 ชั้นจึงหนีไปไหนไม่ได้ จนกระทั่งนางนิตยามาขอตรวจค้นในกระเป๋าและเรียกตำรวจมาจับกุม
น.ส.รุ่งอรุณ กล่าวด้วยว่า สำหรับซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือจำนวนมากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดได้นั้น เป็นของเพื่อนร่วมงานของตน และลูกค้าสมัยที่ตนทำงานอยู่ในร้านคาราโอเกะ จ.ภูเก็ต ที่ตนขโมยมาแล้วเอามือถือไปขาย แต่ตนเพิ่งจะถูกจับเป็นครั้งแรกเพราะที่ผ่านมาไม่มีใครเคยจับได้เลย
ด้าน ร.ต.ต.วิรุฬ กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหามากนัก เนื่องจากพฤติกรรมการก่อเหตุมีรูปแบบคล้ายตีนแมวมืออาชีพ หากเจ้าของบริษัทไม่ล็อกทางออกไว้ 2 ชั้นก็น่าจะนำทรัพย์สินหลบหนีไปได้แล้ว โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถาน ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวนตรวจสอบข้อมูลว่ามีหมายจับคดีอื่นๆ ติดตัวอยู่หรือไม่ เพื่ออายัดตัวไว้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป